บทที่ 21 รอไม่ถึงการลงทัณฑ์
หลานเยาเยาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยกมือขึ้นทักทาย แล้วจึงเดินไปหาเก้าอี้นั่ง พร้อมทั้งยังรินน้ำชาให้ตนดื่มถ้วยหนึ่ง
“เพล้ง...”
ทันใดนั้น มีถ้วยชาใบหนึ่งตกลงมาที่ข้างเท้าของนาง ถ้วยชานั้นแตกละเอียด น้ำชาหกไปทั่วบริเวณ ทั้งยังมีคราบชากระเด็นใส่ชุดของนางอยู่ไม่น้อย
เห็นเช่นนั้นแล้ว
หลานเยาเยาปัดคราบชาบนชุดของนาง แล้วนั่งไขว้ขาราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น มิหนำซ้ำยังเป่าปากเสียงนกหวีดใส่นิ่งซื่อก่อนจะมองหน้านางด้วยใบหน้าที่หวานละมุน
“หลานเยาเยา! ”
ใบหน้าที่ตบแต่งอย่างหนาของนิ่งซื่อสั่นจนบางลงไปอีกชั้นเพราะถูกท่าทีของนางยั่วโทสะ
“โธ่ อย่าเรียกเสียงดังขนาดนั้น ข้าได้ยินหูข้าไม่ได้หนวกสักหน่อย ดูสิ เจ้าเรียกข้าเสียงดังปานนั้น แป้งบนหน้าเจ้าหลุดหมดแล้ว”
เฮ้อ!
เสียดายแป้งผัดหน้าของนางจริง ๆ
ทว่ายามนี้ แม้นิ่งซื่อจะโกรธจัดจนหน้าแดง แต่ยังคงตบที่ข้างแก้มเบา ๆ เพื่อไม่ให้แป้งที่เหลืออยู่หลุดออกมาอีก หลังจากนั้นจึงชี้นิ้วใส่หลานเยาเยาแล้วพูดอย่างหยาบคายว่า
“เจ้าคนถ่อย อย่าได้นึกว่าเมื่อคืนวานนี้เจ้าช่วยชีวิตนายท่านไว้แล้ว ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ ที่จวนแม่ทัพนี้ อย่างไรข้าก็ใหญ่ที่สุด ถ้าข้าอยากให้เจ้าตาย มันง่ายดายยิ่งกว่าบี้มดตัวหนึ่งเสียอีก”
พอได้ยินดังนั้น
หลานเยาเยากล่าวขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ถึงกระนั้น ยามนี้เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้ เจ้าจึงจำต้องเห็นข้าอยู่ขวางตาเจ้าในตอนนี้อย่างไรเล่า”
เมื่อคืนนางเพิ่งช่วยหลานเฉินมู๋ไว้ หากช่วงนี้นางมีอันเป็นไป หลานเฉินมู๋จะไม่หัวเสียได้อย่างไร
ต่อให้ไม่เกิดโทสะ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องผิดใจกันเป็นแน่ นิ่งซื่อเองก็ไม่หวังให้เป็นเช่นนั้น
อย่างไรเสีย
พ่อบ้านก็ได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในจวนยังมีคุณหญิงรูปงามดุจบุปผาอยู่หลายนางทีเดียว
“นี่เจ้า...”
นิ่งซื่อหายใจฟืดฟาดด้วยความโมโห จนนิ้วที่ชี้อยู่สั่นเทาเล็กน้อย
ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ แม้นางอยากฆ่าหลานเยาเยาถึงเพียงใด ทว่ายามนี้กลับไม่สามารถทำสิ่งใดกับนางได้ จำต้องรอให้เรื่องราวเมื่อคืนวานนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อนจึงค่อยลงมือ
ทว่า.....
“บางครา ตายจะยังดีเสียกว่า”
หากไม่ฆ่านาง ก็คงต้องทรมานนางอย่างโหดเหี้ยม ให้เหมือนตายทั้งเป็น
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากเจ้ามีไม้เด็ดอะไรก็เชิญจัดมาได้เลย!”
นิ่งซื่อเหตุใดจึงจะไม่ลงมือยามนี้เล่า
เมื่อยามที่นางเพิ่งย่างกรายเข้ามาในห้อง ก็ตระหนักได้ว่าในนี้ผู้คนพลุกพล่าน เช่นนั้นไม่ว่าจะจัดหนักหรือเบาต่างก็คงเตรียมการไว้เป็นอย่างดีแล้ว!
เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด!
พอนางพูดจบ
เสียงดัง “ปัง” ประตูห้องถูกปิดลง ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกลงกลอนไว้อีกด้วย สาวใช้วัยเยาว์สองคนเข้ามายืนบังประตูไว้โดยพลัน
ราวกับกลัวเหลือเกินว่านางจะหลบหนีไป!
ยามนี้ แม่นมแปดนาง เดินออกมาจากห้องข้างในด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม พวกนางทุกคนถือเครื่องมือทรมานที่แตกต่างกันไปในมือ
เข็มปัก ไม้ตะบอง แส้ และอื่น ๆ ต่างเป็นเครื่องมือทรมานอย่างเบาที่พบเห็นได้บ่อยทั้งนั้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่อยู่ลานหลังแอบนำมาใช้เพื่อสั่งสอนคน
นี่นิ่งซื่ออยากให้นางได้ลิ้มลองเครื่องมือทรมานทุกรูปแบบเลยหรือ
“เจ้าคนถ่อย หากตอนนี้เจ้าคุกเข่าอ้อนวอนให้ข้าปล่อยเจ้าไป บางทีเจ้าอาจจะไม่ถูกทรมานก็ได้!” นิ่งซื่อยิ้มเยาะ
นับตั้งแต่หลานเยาเยาเดินเข้าประตูมาจนถึงยามนี้ นางถูกหลานเยาเยาพูดจากระทบกระเทียบอยู่ตลอด ในใจแม้จะมีโทสะแต่ก็ระบายออกมาไม่ได้ ตอนนี้นางอยากรู้นักว่าหลานเยาเยาจะทำตัวก๋ากั่นได้อย่างไรอีก
“เฮอะ! ข้าคุกเข่าขอร้องเจ้าไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด”
นิ่งซื่อให้พวกสาวใช้หลอกนางมาที่นี่ แล้วยังเตรียมการให้องครักษ์มาขวางกั้นทางนางไว้แต่เนิ่น ๆ พอนางเข้าประตูมา ยังไม่ทันนั่งให้หายเหนื่อย ก็ถูกปิดประตูขังไว้เสียแล้ว....
วางอำนาจบาตรใหญ่ปานนั้น หากนางคุกเข่าอ้อนวอนก็จะไม่ทรมานนางแล้วอย่างนั้นหรือ
คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเชื่อ!
“แน่นอนว่าต้องมีประโยชน์สิ!”
ไม่ทราบว่าเหตุใด เมื่อก่อนเวลาเห็นหลานเยาเยาก้มหัวอ้อนวอนนางถึงไม่ได้ใส่ใจ ทว่ายามนี้ พอเห็นนางยิ้มแสยะ ท่าทางวาจาร้ายกาจ ถึงอยากให้นางคุกเข่าคำนับยอมรับว่าตนผิด ราวกับว่าการกระทำเช่นนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้นางรู้สึกสะใจได้
น่าเสียดาย....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...