เมื่อจื่อซูเดินออกมาจากเรือนก็ได้ยินเสียงบ่นโมโหของท่านพ่อและเสียงตะกุกตะกักพยายามอธิบายของนางซั่งกวน
จื่อซูยกมุมปากยิ้มอย่างเย็นชา ตอนนั้นที่ท่านพ่อถูกแต่งตั้งให้เป็นกั๋วกงก็นับว่าเป็นหน้าเป็นตาและมีชื่อเสียงอย่างมาก
แต่หลังจากที่ท่านแม่จากไป เขาก็ตกต่ำลงและไม่ไปออกรบ วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานราชการ จวนกั๋วกงที่สง่าและยิ่งใหญ่ก็เหลือเพียงเปลือกที่ว่างเปล่ามาเนิ่นนาน เฝิงกั๋วกงได้เคยพยายามโน้มน้าวซั่งกวนป๋าที่เป็นพ่อของซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ ทว่าแผนการนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้และไม่สามารถบอกใครได้
ละทิ้งซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของหานเหวินเซวียนและบอกว่าเขาดึงซั่งกวนป๋ามาเป็นพรรคพวกตัวเองสองข่าวนี้ก็ทำให้เรือนหย่งหมิงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ในคืนนี้
และเชื่อว่าพรุ่งนี้ อาหารของเรือนหลีฮวาจะยังคงจัดเตรียมเหมือนเดิม
แน่นอนว่าเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ไห่ถังก็เดินออกมาอย่างยิ้มแย้มและกล่าวว่า “คุณหนู มีอาหารเช้าแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นมจางเป็นคนสั่งให้คนนำสำรับอาหารมาให้และส่งคนกลับมา แถมยังกล่าวอย่างเย็นชาอีกว่า “คุณหนูสามแน่มากที่รู้จักไปฟ้องนายท่านกั๋วกง แต่คุณหนูสามอย่าลืมไปว่านายท่านกั๋วกงมีเรื่องให้ต้องจัดการจำนวนมาก ปัญหาในเรือนเช่นนี้ อย่างไรก็มีฮูหยินเป็นคนจัดการ”
เมื่อสักครู่นางคิดจะไปหาฮูหยินเพื่อฟ้องว่าถูกทำร้าย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเฝิงจื่อซูจะไปฟ้องนายท่านกั๋วกงเสียก่อน ทำให้นางโมโหจนกัดฟันกรอด
ได้ เจ้าอยากกินข้าวก็กินเข้าไป กินให้ตายไปเลย
เฝิงจื่อซูเพิ่งจะหยิบตะเกียบขึ้นมาและเมื่อได้ยินดังนั้นก็วางลงและหันไปโบกมือให้แม่นมจาง “มานี่สิ”
แม่นมจางมองนางอย่างตื่นตระหนกและถามเสียงแหลม “คุณหนูสามคิดจะทำร้ายบ่าวอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้า” เฝิงจื่อซูคีบเนื้อจำนวนหนึ่งไปใส่ในถ้วยอีกใบ “เจ้านำออกไปให้เสี่ยวเฮยกิน กลับมาแล้วข้าค่อยพูดกับเจ้าว่าจะจัดการเรื่องของเฟยเอ๋อร์อย่างไร”
แม่นมจางเห็นว่าท่าทีของนางอ่อนลงก็คิดว่านางกลัว จากนั้นจึงหยิบถ้วยขึ้นมาและกล่าวว่า “คุณหนูสามทำเช่นนี้ถูกแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดคุยกันได้ หากไม่ต้องการให้คุณหนูเปี่ยวเป็นภรรยาเอก เช่นนั้นก็ให้เป็นภรรยารอง”
“มีเหตุผล!” เฝิงจื่อซูยิ้ม
แม่นมจางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหันหลังเดินออกไป
จากนั้นเฝิงจื่อซูก็พูดกับไห่ถังทันที “ปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ไห่ถังรีบวิ่งไปปิดประตูและหัวเราะ “คุณหนูสามเก่งที่สุดเลย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ทานอาหารอย่างอร่อยได้แน่เจ้าค่ะ”
อันที่จริงเฝิงจื่อซูไม่หิวและกล่าวกับไห่ถัง “เจ้ากินเถอะ ข้าไม่หิว”
ไห่ถังมองอาหารที่อยู่โต๊ะและกลืนน้ำลาย “ไม่ได้เจ้าค่ะ บ่าวมีอาหารเตรียมไว้เจ้าค่ะ”
“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้กินข้าว รีบกินเข้าไปเดี๋ยวนี้!” เฝิงจื่อซูลุกขึ้นยืนและจากนั้นก็ได้ยินเสียงแม่นมจางเคาะประตูกล่าวร้องตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ “คุณหนูสามเปิดประตู!”
เฝิงจื่อซูไม่ได้สนใจนางเลยสักนิดและสั่งให้ไห่ถังกินข้าว เมื่อไห่ถังกินเสร็จจึงเปิดประตู
แม่นมจางกล่าวด้วยความโมโห “คุณหนูสามหมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่มีอะไร” เฝิงจื่อซูนั่งลงที่เก้าอี้ “ทำไมหรือ? ข้าที่เป็นคุณหนูจะปิดประตูกินข้าวสักมื้อไม่ได้เลยหรืออย่างไร?”
แม่นมจางมองไปที่เฝิงจื่อซูด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นก็มองไปที่อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะและยิ้มอย่างชั่วร้าย
เฝิงจื่อซูเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของนางและค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปยังอาหาร
“โอ๊ย!”
ทันใดนั้นไห่ถังก็กุมท้องของตัวเองและทรุดลงด้วยความเจ็บปวด และใบหน้าของนางก็ซีดเผือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...