เดิมทีนางควรจะได้รับความรักความโปรดปราน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครสนใจ
“ส่งข้ากลับไปที่ชิงโจวสิ!” เฝิงจื่อซูหันศีรษะไปมองเขาด้วยสีหน้าที่ยังซีดเซียว “หากไม่พบเจอข้า ท่านพ่อก็ไม่ต้องมีเรื่องว้าวุ่นใจ ข้าเคยมีชีวิตอยู่ดีมากที่เมืองชิงโจว”
“อย่าพูดอะไรโง่ๆ พ่อจะไม่ส่งเจ้ากลับชิงโจว” ภายในใจของเฝิงกั๋วกงรู้สึกขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องจริงที่เขามองบุตรสาวผู้นี้เป็นศัตรูมาตลอดสิบกว่าปี แต่เมื่อมองใบหน้าของนาง เขาจะเกลียดลงได้อย่างไร เมื่อไม่มีเครื่องประทินผิวบดบัง นางก็ดูเหมือนแม่ราวกับพิมพ์เดียวกัน
คำพูดประโยคนั้นที่นางพูดก่อนหมดสติเป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทงลงมาบนหน้าอกของเขา
“ในชนบท ข้าเลี้ยงไก่ไว้หนึ่งคอก แพะภูเขาหนึ่งฝูง วัวสามสิบตัว และยังมีม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่อีกห้าตัว มีแม่นม มีไห่ถัง มีดอกไม้ มีผักที่ข้าปลูก มีแปลงข้าวฟ่างข้าวสาลี ข้าขี่ม้าได้ รำดาบได้ ดื่มสุราได้... ข้ารักบ้านสวนเหยาถิงในเมืองชิงโจว ข้าไม่อยากจะจากมา แต่พ่อบ้านมาถึงและบอกว่าท่านพ่อคิดถึงข้า อยากให้ข้ามาอยู่เคียงข้างเขา เขาชราแล้ว...”
น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาของเฝิงจื่อซู นางตั้งใจจะแสดงละคร แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าสิ่งที่พูดออกมาล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ชาติที่แล้วมันเป็นเช่นนี้
นางยังไม่เคยตัดใจจากสายใยระหว่างพ่อลูก ไม่อย่างนั้นในชาติก่อนนางคงไม่ฟังสิ่งที่นางซั่งกวนกับแม่นมจางบอกแล้วมาร้องขอความรักจากพ่อของนาง
โดยเฉพาะ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งหนึ่งนางเคยเป็นแม่คนมาก่อน!
นางถอนหายใจเบาๆ และมองดูลวดลายบนม่านด้วยแววตาที่อ่อนแสง “เมื่อกลับมาถึง ข้าถึงได้พบว่าแท้จริงแล้วพ่อบ้านโกหก!”
นางพูดอย่างเย้ยหยัน แต่ถึงกระนั้นก็แฝงไปด้วยความเศร้าที่ยากจะบรรยายได้
เฝิงกั๋วกงรู้สึกสะเทือนใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้า
เมื่อครู่ที่เขาอยู่ข้างนอก ฟังเสียงนางร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ในฝันร้าย เขาไม่เคยรู้เลย...
เขาถอนสายตาและเอ่ยว่า “แม่ทัพอู่จิ้งเข้าวังไปแล้วเพื่อขอยาเซียวฝูจากหมอหลวงเพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า ส่วนเรื่องที่ไห่ถังบอกว่าแม่นมจางวางยาพิษ ข้าจะตรวจสอบเอง!"
เฝิงจื่อซูไม่ขยับเขยื้อนและไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีใดๆ ราวกับว่านางไม่ได้สนใจเลย
นางมองเห็นร่องรอยแห่งความสงสารในแววตาของบิดา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นในชาติก่อน
ความรักจากครอบครัว... นางได้รับมาเพียงเล็กน้อยหลังจากที่นางจบแผนการตีโพยตีพาย แบบนั้นนางคงไม่เทิดทูนแล้ว
นางหลับตาลงและได้ยินเสียงถอนหายใจที่ไม่น่าจะได้ยินอยู่หลายครั้ง
“เจ้าบอกพ่อได้หรือไม่ว่าใครสอนการต่อสู้ให้เจ้า” เฝิงกั๋วกงถาม
เฝิงจื่อซูไม่สนใจ นางสนใจไม่ได้ นางต้องโกรธยิ่งกว่าใครๆ ต้องให้เขารู้สึกว่านางเป็นผู้เคราะห์ร้ายยิ่งกว่าใครอื่น
ขอเพียงแค่เขาบอกที่ศาลาว่าการว่าแม่นมจางวางยาลอบสังหารผู้เป็นนาย นางก็จะไม่ต้องถูกสอบสวน
การสังหารแม่นมจางคือการสร้างอำนาจ เป็นการระบายความโกรธ ทั้งยังเป็นการประกาศสงคราม แต่ไหนแต่ไรการลงมือแค่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เคยทำอะไรใครได้และทำได้เพียงกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากจะลงมือต่อสู้
ถ้าจะลงมือก็ต้องโหดเหี้ยม!
หลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นและเดินออกไป
เฝิงจื่อซูค่อยๆ ลืมตา ในแววตามีประกายของความเหนื่อยล้าฉาบฉายให้เห็น
นางไม่ใช่คนที่ถนัดการต่อสู้แบบใช้อุบายลับหลัง ตอนที่อยู่บ้านสวนตามชนบท นางคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้กำลัง
แม้ว่าความจริงนางอาจจะไม่แพ้ให้ซั่งกวนป๋า แต่นางก็จำเป็นต้องใช้แผนทำร้ายตัวเองเพื่อให้ศัตรูวางใจ ถ้านางมีใครสักคนในครอบครัวนี้ให้พึ่งพา เรื่องมันจะเป็นเช่นนี้หรือ
เดิมทีนางแค่คิดจะดึงซั่งกวนป๋าให้ไปเกี่ยวข้องการเรื่องการวางยาพิษ แต่ไม่คิดว่าเขากับเฝิงซิวหร่านจะกลับมาพร้อมกัน การสร้างปัญหาให้ซั่งกวนป๋าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำได้ยาก ดังนั้นนางจึงใช้อุบายทำร้ายตัวเองเพื่อเสี้ยมให้ทั้งสองคนแตกคอกันเสียเลย
เรื่องในชาติก่อนและชาตินี้ผสมปนเปกันอยู่ในใจ นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเคียดแค้น
เลือดลมพลุ่งพล่านจนนางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นนางจึงหมดสติไปอีกครั้ง
เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจึงรู้สึกได้ถึงรสหวานภายในปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...