หลังจากรักษาตัวหลายวัน จื่อซูก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักระยะหนึ่งเสียที
ไห่ถังเล่าให้นางฟังว่า นางซั่งกวนโดนท่านพ่อตำหนิไปชุดใหญ่ และท่านพ่อยังได้จัดระเบียบในจวนใหม่อีกครั้ง ทั้งยังขับไล่ข้าทาสบริวารในเรือนหลีฮวาออกไปจนหมด พ่อบ้านไปซื้อสาวใช้มาจากแหล่งค้าทาสสามคน จากนั้นก็นำมาส่งยังเรือนหลีฮวา
เมื่อพ่อบ้านคำนับเสร็จพลันเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “คุณหนูสามขอรับ ข้าน้อยไปซื้อสามคนนี้มาจากด้านนอก ดังนั้นสามคนนี้จึงไม่เคยผ่านการฝึกฝนด้านกฎระเบียบมารยาทมาก่อน รบกวนคุณหนูสามอบรมสั่งสอนกฎภายในจวนหน่อยขอรับ”
สาเหตุที่พ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ เพราะต้องการบอกจื่อซูว่าฮูหยินไม่ได้ส่งสามคนนี้มา
จื่อซูปรายตามองสามคนนี้พบว่าสาวใช้สองคนเป็นคนแปลกหน้าจริง ทว่าสำหรับเด็กสาวสวมผ้าหยาบ สะพายถุงผ้าสีเขียวนั้น ชาติที่แล้วนางเคยเห็นมาก่อน
อีกฝ่ายมีชื่อว่าสือหลิว เป็นบุตรีของพี่ชายคนโตของพ่อบ้าน ชาติปางก่อนเด็กสาวผู้นี้เข้าทำงานในจวนหลังจากที่นางแต่งออกเรือนแล้ว
จื่อซูไม่ได้แสดงท่าทีประการใด มองสาวใช้ทั้งสามคนแล้วถามว่า “ชื่ออะไรกันบ้าง?”
“บ่าวชื่อหลีฮัวเจ้าค่ะ”
“บ่าวชื่อสือหลิวเจ้าค่ะ”
“บ่าวชื่อชิงอิ๋งเจ้าค่ะ”
พวกนางสามคนก้าวเข้าไปย่อตัวคำนับ “คารวะคุณหนูสามเจ้าค่ะ”
จื่อซูมองดวงหน้าพวกนาง จากนั้นก็ชี้ไปยังสือหลิว “เจ้า”
พ่อบ้านกระพริบตาปริบ ๆ คิดว่าจื่อซูไม่อยากรับสือหลิวไว้ จึงเอ่ยว่า “คุณหนูสามขอรับ นายท่านกั๋วกงเป็นผู้คัดเลือกสือหลิวด้วยตัวเองขอรับ”
จื่อซูเบนสายตามองเขาเรียบ ๆ ปราดหนึ่ง “ในเมื่อท่านพ่อจัดมาให้ เช่นนั้นต่อไปก็เข้ามาปรนนิบัติในเรือนเถอะ”
ก้นบึ้งนัยน์ตาของพ่อบ้านมีประกายแสงลำพองใจแวบผ่าน เขาแสร้งหันไปกำชับต่อสือหลิว “คุณหนูสามให้เกียรติเจ้าเพียงนี้ เจ้าก็ปรนนิบัติพัดวีต่อคุณหนูสามดี ๆ หากทำหน้าที่ได้ดี นายท่านกั๋วกงกับฮูหยินจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
สือหลิวหลุบตาตอบ “เจ้าค่ะ”
พ่อบ้านพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปโดยไม่คำนับต่อจื่อซู
จื่อซูนั่งมองสาวใช้หน้าใหม่ทั้งสามคนด้วยแววตาเย็นเยือก “อยู่กับข้าก็มีกฎข้อเดียว นั่นก็คือเชื่อฟังข้า ข้าให้พวกเจ้าทำกระไร พวกเจ้าก็ปฏิบัติตามสิ่งนั้น หากถ้าไม่สั่ง พวกเจ้าก็อย่ายุ่มย่าม”
“เจ้าค่ะ” สามสาวใช้ขานรับ
“ออกไปเถอะ ประเดี๋ยวไห่ถังจะบอกหน้าที่ที่พวกเจ้าต้องรับผิดชอบให้” จื่อซูโบกมือกล่าว
สาวใช้ทั้งสามคนจึงย่อกายแล้วเดินออกไป
ทันทีที่ไห่ถังปิดประตูแล้วก็เอ่ยด้วยความปลาบปลื้มใจ “คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกั๋วกงใส่ใจต่อคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ”
จื่อซูมองใบหน้าเล็กที่กำลังดีอกดีใจของไห่ถังแล้วแย้มยิ้ม “หากใส่ใจจริง นางซั่งกวนก็คงไม่โดนด่าแค่ไม่กี่ประโยคหรอก”
ยามนี้ท่านเริ่มเมตตาต่อนางแล้ว ทว่ายังเรียกว่าผูกพันและรักใคร่ดุจบุตรสาวในสายเลือดไม่ได้
นางรู้ตัวดีตั้งแต่ชาติภพที่แล้วว่าท่านจงเกลียดจงชังนางเข้ากระดูก หลังจากที่มารดาของนางเสียชีวิตจากการคลอดยาก นางที่พึ่งจะมีอายุแค่สามเดือนกว่าก็ถูกส่งไปยังชนบท โดยมีป้าซุนฟูมฟักชุบเลี้ยงนางจนเติบใหญ่ และสวนชนบทแห่งนี้เป็นมรดกที่มารดาทิ้งไว้ให้นาง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนเป็นพ่อไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของบุตรสาวคนนี้เลย จวบจนข้าราชการผู้หนึ่งขึ้นถวายฎีกาต่อฝ่าบาทว่าท่านไม่ดูแลเลี้ยงดูบุตรสาวของตัวเอง ท่านจึงรับนางกลับจวนเมื่อนางอายุได้สิบสามปี
“ใช่แล้ว” จื่อซูเงยหน้าถามไห่ถัง “ช่วงนี้เจ้าออกไปหาข่าวดูว่าซูกงกง ผู้บัญชาการเรือนจำใต้อยู่ในเมืองหลวงหรือไม่?”
“ซูกงกง?” ไห่ถังสะดุ้งตกใจ “ไยคุณหนูจึงถามถึงซูกงกงเจ้าคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...