จื่อซูพยักหน้าด้วยอาการเหม่อลอย “ใช่ ห้าพันตำลึงทอง”
ชาติที่แล้วก็เป็นเยี่ยงนี้แล ฝ่าบาทติดประกาศว่าหากผู้ใดสามารถให้เบาะแสที่แม่นยำ ก็สามารถนำเงินห้าพันตำลึงทองนี้ไปได้
ทว่าวันที่แปดของเดือน ไม่มีผู้ใดได้รับเงินห้าพันตำลึงทองนี้ สิ่งที่ได้พบเจอก็มีแต่ศพขององค์ชายฮุยหลินเท่านั้น
จื่อซูลังเลใจอย่างยิ่งยวด ไม่รู้ว่าควรบอกองค์หญิงผิงอันดีหรือไม่?
หากไม่บอกกล่าว ตามเหตุการณ์ชาติที่แล้วคือองค์ชายฮุยหลินต้องตายอย่างอเนจอนาถ ส่วนองค์หญิงก็เสียสติไปเลย
ทว่าหากนางแจ้งเบาะแส องค์หญิงผิงอันจะเชื่อถ้อยคำของนางหรือไม่? สมมุติว่าเชื่อ แล้วจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?
กล่าวอีกมุมหนึ่งก็คือการกระทำนี้จะนำความยุ่งยากอันใหญ่หลวงมาสู่นาง
นางไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
ระหว่างที่กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจ นางลุกขึ้นเอ่ยว่า “ไห่ถัง ออกไปกับข้า”
ไห่ถังถามนาง “คุณหนูหิวแล้วหรือเจ้าคะ?”
เมื่อก่อนยามที่พวกนางออกนอกจวนก็เพื่อหาอะไรกิน เพราะในจวนกินแต่ผักผลไม้เป็นหลัก จื่อซูรู้สึกไม่อิ่มท้อง บางครั้งก็ออกไปจับจิ้งหรีดกัน
“ใช่” จื่อซูไม่อยากอธิบาย อุ้มเสี่ยวเฮยแล้วเริ่มเดิน
หลังจากที่ออกจากจวนกั๋วกงแล้ว ทั้งสองก็หาร้านสุราที่โอ่อ่านั่ง
ปกติจื่อซูไม่ได้มาสถานที่เช่นนี้ จะไปซื้อของกินตามตลาด หากอิ่มหนำสำราญแล้วก็จะกลับจวน
ภายในร้านสุรามีเหล่าคุณชายกับคุณหนูผู้เอ้อระเหยสุมหัวกันเป็นจำนวนมาก และจะมีประชาชนทั่วไปมาใช้บริการของร้านด้วย ทว่าคนกลุ่มหลังส่วนใหญ่จะนั่งลานบ้านของร้าน สุราที่สั่งมาดื่มก็เป็นสุราราคาย่อมเยา
หลังจากที่พระพันปีหลงขึ้นปกครองบ้านเมืองสักระยะหนึ่ง พระนางก็ได้ขับไล่ชาติพันธุ์หมานอี๋สำเร็จ ความสงบสุขจึงบังเกิดตามแนวตะเข็บชายแดน ยามนี้ได้เปิดเสรีด้านประเพณีพื้นบ้าน ส่งเสริมการศึกษา ยิ่งบทเพลงบทกวีจะยิ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ฉะนั้นภายในร้านสุราเล็ก ๆ พวกนี้จะมีบัณฑิตขับร้องบทกลอนกันทุกที่
วันนี้ร้านเหล้าคึกคักเป็นพิเศษ
ล้วนพูดคุยเกรียวกราวถึงเรื่องการหายตัวขององค์ชายฮุยหลิน
โต๊ะด้านข้างจื่อซูมีคุณชายในอาภรณ์หรูหรานั่งอยู่หลายคน และยังมีดรุณีน้อยแต่งตัวสูงศักดิ์อีกสองคน โดยด้านหลังคนเหล่านี้ล้วนมีสาวใช้ยืนด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาจับกลุ่มเสวนาอย่างเปิดเผยและเสียงดัง ราวกับไร้คนรอบกาย บางครั้งก็ส่งเสียงหัวเราะดังระงม และบางจังหวะก็พากันปรบมือกันยกใหญ่
“ข้าว่าปกติองค์หญิงผิงอันคงไปล่วงเกินผู้อื่นไว้เยอะ ภัยจึงเข้าตัว พวกเขารับทำคดีของขุนนางมากมาย ต้องมีผิดพลาดไปปรักปรำคนอื่นบ้างแหละนะ กรรมมันติดจรวดจริง ๆ เพียงแต่บาปกรรมไปตกอยู่ในตัวบุตรชายของพวกเขา เสียดายยิ่งนัก ได้ยินมาว่าพระพันปีโปรดปรานองค์ชายฮุยหลินเป็นอย่างมาก”
“ใช่ โปรดปรานมาก ในราชวังก็มีองค์หญิงมากมาย ไยพระพันปีจึงโปรดปรานองค์หญิงผิงอันเป็นพิเศษเล่า? นางไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เสียหน่อย”
เสียงเรียบเฉยของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น “พระพันปีก็ไม่ได้มีชาติกำเนิดสูงส่งเช่นกัน”
“ใช่ เล่ากันว่าพระพันปีเข้าวังหลวงเพื่อสังเวยชีวิตไปพร้อมกับฝ่าบาทองค์ก่อนที่ล่วงลับไปแล้ว แต่จู่ ๆ ใครจะไปคิดว่าฝ่าบาทจะออกพระราชโองการก่อนสิ้นลมหายใจว่า ไม่ต้องฝังนางไปพร้อมกับพระองค์ และด้วยเหตุนี้พระนางจึงกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง” คุณหนูท่านหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“หวังว่าครั้งนี้องค์หญิงผิงอันกับใต้เท้าหานจะได้รับบทเรียนอย่างสาสมนะ ไม่ควรเที่ยวสืบสวนไปทั่ว ท่านพ่อข้าบอกว่าช่วงก่อนใต้เท้าหานไปสืบเรื่องของท่านด้วย เกินไปจริง ๆ ทำให้เมืองหลวงเอิกเกริกไปหมด ท่านพ่อข้าเป็นขุนนางสุจริต ผู้ใดไม่รู้บ้าง?”
“ใช่แล้ว” มีคนกดเสียงต่ำแล้วพูดว่า “พูดตามตรงนะ ข้าหวังว่าองค์ชายฮุยหลินจะตายอย่างอนาถ เช่นนี้จึงจะเป็นบทเรียนราคาแพง”
ทันทีที่คนผู้นี้แสดงความคิดเห็นเสร็จก็หัวเราะเสียงดังลั่น และคนอื่นก็หัวเราะตาม
จื่อซูถือจอกสุราแล้วได้ยินประโยคพวกนี้ ความเกรี้ยวกราดก็ผุดขึ้นกลางใจ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการตัดสินคดีในศาลว่าการผิดพลาด ปรักปรำผู้บริสุทธิ์หรือไม่ แต่ลำพังเรื่องบรรดาคุณชาย ผู้ซึ่งผ่านการอบรมสั่งสอน ทั้งยังมีความรู้ กลับปรารถนาให้เด็กอายุสี่ห้าขวบตายในเงื้อมมือผู้ร้าย มีความคิดเยี่ยงนี้ได้ ไม่รู้ว่าต้องใจไม้ไส้ระกำเพียงใด?
เดิมทีนางอยากออกมาผ่อนคลายเสียหน่อย ทว่ากลับต้องบันดาลโทสะเสียนี่
“ไปกันเถอะ” จื่อซูวางจอกลง พลางเอ่ยกับไห่ถัง
ไห่ถังขานรับแล้วตามจื่อซูออกไป
หน้าลานร้านเหล้า ประชาชนทั่วไปที่มานั่งดื่มเหล้าก็ได้หารือถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...