หลังจากขึ้นรถม้า จื่อซูก็มองสำรวจด้านใน พบว่าทั้งเบาะรองนั่งกับผ้าม่านรถม้าล้วนสะอาดสะอ้าน ทั้งยังมีกลิ่นหอมฟุ้งอยู่กลางอากาศด้วย ดูเหมือนสำนักจิงจ้าวจะให้เกียรตินางมากทีเดียว
หากไปดำเนินเรื่องตามขั้นตอนคงไม่เสียเวลามากนัก
แม้นจะคิดได้ดังนี้ ทว่าก้นบึ้งหัวใจก็ยังคงกระวนกระวายดังเดิม
นางแหวกม่านออก เห็นว่ารถม้ามุ่งหน้าไปยังเส้นทางสำนักจิงจ้าวจริง และมีทหารกับข้าหลวงเดินผ่านถนนใหญ่สายนี้ นางยังได้ยินมือปราบกล่าวทักทายปราศรัย ทุกอย่างแลดูเป็นการใช้ชีวิตปกติทั่วไป
หลังจากเดินทางไปได้สักระยะหนึ่งรถม้าก็หยุดจอด ทหารวิ่งด้วยความเร็วไวมารายงานกับมือปราบว่า “ท่านมือปราบขอรับ พบผู้ต้องสงสัยที่ถนนทิศตะวันออกขอรับ ใต้เท้าสั่งให้พวกเราไปดูขอรับ”
มือปราบเหลียงหันหัวม้าพร้อมกับเอ่ย “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เขาหันไปสั่งการทหารที่ทำหน้าที่สารถีว่า “เจ้าส่งคุณหนูไปสำนักก่อนแล้วค่อยตามมาสมทบที่ถนนทิศตะวันออกทีหลัง”
“ขอรับ” ทหารที่ทำหน้าที่เป็นสารถีน้อมรับคำสั่ง
มือปราบเหลียงควบม้าจากไปโดยที่ไม่บอกกล่าวจื่อซูสักคำ
จื่อซูเองก็ไม่ใส่ใจ ลอบสันนิษฐานในใจว่าญาติของแม่นมจางไปฟ้องศาล เชื่อว่าต้องเป็นคำสั่งจากซั่งกวนซื่อหรือไม่ก็ซั่งกวนป๋าเป็นแน่
ทว่าสิ่งที่นางสงสัยก็คือ พวกเขาทำเช่นนี้ไม่เท่ากับไร้ค่าหรอกหรือ? หากท่านพ่อมาให้ปากคำ เรื่องนี้ก็จะคลี่คลายได้โดยง่ายแล้ว มากสุดก็ทำให้นางเสียอารมณ์เท่านั้น
ลงทุนวางแผนขนาดนี้เพียงเพื่อให้นางหงุดหงิดหรือ?
เมื่อดูจากการคาดคะเนนี้แล้ว คงไม่ใช่ฝีมือซั่งกวนป๋าแล้วละ เช่นนั้นก็ต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงผู้แสนดีของนาง ซั่งกวนซื่อ
กีบเท้าม้ากระทบกระเบื้องหินบนพื้นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง ซึ่งเสียงเหล่านี้ประหนึ่งค้อนทุบหัวใจนางก็ไม่ปาน
นางรู้สึกหนังตาหนักอึ้ง นางร้องแย่แล้วในใจทันที
กลิ่นนี้...
“เสี่ยวเฮย”
เมื่อจื่อซูเริ่มเอะใจ ร่างกายพลันอ่อนยวบ จากนั้นก็ดิ่งลงสู่ความมืดมิด
มีบุรุษผู้หนึ่งขึ้นรถม้าของนางก่อนจะถึงประตูเมืองหลวง
เนื่องจากองค์ชายฮุยหลินหายตัวไป จึงมีด่านตรวจตรงประตูเมือง
รถม้าจึงหยุดจอดหน้าด่านตรวจ ทหารเฝ้าประตูรีบเข้ามาตรวจสอบด้วยความกระฉับกระเฉง “ใคร? จะไปไหน?”
“คุณหนูสามแห่งจวนกั๋วกงจะไปเยี่ยมญาตินอกเมืองขอรับ”
ทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจ ทว่าไม่ได้ถามอะไรมาก ปล่อยม่านรถม้าลง “ไปได้”
เมื่อรถม้าห่างออกไปแล้ว ทหารเฝ้าประตูเมืองก็ถามเพื่อนร่วมงานอีกคนว่า “คุณหนูสามแห่งจวนกั๋วกงไม่ใช่หมั้นหมายกับคุณชายแห่งเจียงหนิงโหวหรอกหรือ?”
“ใช่” ทหารอีกนายกล่าว
“เช่นนั้นก็แปลกแล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นคุณหนูสามของจวนกั๋วกงนั่งกอดกับผู้ชายอยู่ ชนิดที่เนื้อชิดเนื้อเลย” ทหารเฝ้าประตูเมืองหัวเราะ “ปากบอกว่าไปเยี่ยมญาติ แต่คงจะไปพลอดรักกันสิท่า คุณชายหานช่างน่าสงสารยิ่งนัก ยังไม่ทันแต่งภรรยาเข้าจวนก็ถูกสวมเขาซะแล้ว จวนเจียงหนิงโหวต้องอับอายแน่ทีนี้”
“จริงหรือ?” ทหารหลายนายกรูกันเข้ามาถาม ประชาชนที่เข้าออกเมืองหลวงต่างเงี่ยหูฟังสุดชีวิต
บนกำแพงเมืองมีบุรุษสวมอาภรณ์สีเขียวขจี เรือนผมสีดำขลับยืนอยู่ สองมือของเขาจับกำแพงเมืองที่ทำมาจากอิฐแดง เขามองรถม้าที่แล่นออกไปด้วยความเร็วแสง และฟังถ้อยคำหยามเหยียดของพวกทหารแล้ว ดวงตาอันเย็นยะเยือกก็เจือความเดือดดาลขึ้น
เฝิงจื่อซู!
เขาเดินลงไปอย่างแช่มช้า เหล่าทหารที่นินทากันอย่างออกรสก็หยุดนิ่ง รีบก้มหน้าคำนับทันที “แม่ทัพเฝิง”
แปลกเหลือเกิน แม่ทัพเฝิงมายืนบนกำแพงเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันหรือเปล่า? เขาคือลูกบุญธรรมของเจียวหนิงโหวนะ...
เฝิงซิวหร่านจูงอาชาดำออกมาด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก จากนั้นก็พลิกกายขึ้นหลังม้าแล้วมุ่งหน้าไปนอกเมืองด้วยความรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...