หวนเวลามาพบท่าน นิยาย บท 13

หลังจากขึ้นรถม้า จื่อซูก็มองสำรวจด้านใน พบว่าทั้งเบาะรองนั่งกับผ้าม่านรถม้าล้วนสะอาดสะอ้าน ทั้งยังมีกลิ่นหอมฟุ้งอยู่กลางอากาศด้วย ดูเหมือนสำนักจิงจ้าวจะให้เกียรตินางมากทีเดียว

หากไปดำเนินเรื่องตามขั้นตอนคงไม่เสียเวลามากนัก

แม้นจะคิดได้ดังนี้ ทว่าก้นบึ้งหัวใจก็ยังคงกระวนกระวายดังเดิม

นางแหวกม่านออก เห็นว่ารถม้ามุ่งหน้าไปยังเส้นทางสำนักจิงจ้าวจริง และมีทหารกับข้าหลวงเดินผ่านถนนใหญ่สายนี้ นางยังได้ยินมือปราบกล่าวทักทายปราศรัย ทุกอย่างแลดูเป็นการใช้ชีวิตปกติทั่วไป

หลังจากเดินทางไปได้สักระยะหนึ่งรถม้าก็หยุดจอด ทหารวิ่งด้วยความเร็วไวมารายงานกับมือปราบว่า “ท่านมือปราบขอรับ พบผู้ต้องสงสัยที่ถนนทิศตะวันออกขอรับ ใต้เท้าสั่งให้พวกเราไปดูขอรับ”

มือปราบเหลียงหันหัวม้าพร้อมกับเอ่ย “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาหันไปสั่งการทหารที่ทำหน้าที่สารถีว่า “เจ้าส่งคุณหนูไปสำนักก่อนแล้วค่อยตามมาสมทบที่ถนนทิศตะวันออกทีหลัง”

“ขอรับ” ทหารที่ทำหน้าที่เป็นสารถีน้อมรับคำสั่ง

มือปราบเหลียงควบม้าจากไปโดยที่ไม่บอกกล่าวจื่อซูสักคำ

จื่อซูเองก็ไม่ใส่ใจ ลอบสันนิษฐานในใจว่าญาติของแม่นมจางไปฟ้องศาล เชื่อว่าต้องเป็นคำสั่งจากซั่งกวนซื่อหรือไม่ก็ซั่งกวนป๋าเป็นแน่

ทว่าสิ่งที่นางสงสัยก็คือ พวกเขาทำเช่นนี้ไม่เท่ากับไร้ค่าหรอกหรือ? หากท่านพ่อมาให้ปากคำ เรื่องนี้ก็จะคลี่คลายได้โดยง่ายแล้ว มากสุดก็ทำให้นางเสียอารมณ์เท่านั้น

ลงทุนวางแผนขนาดนี้เพียงเพื่อให้นางหงุดหงิดหรือ?

เมื่อดูจากการคาดคะเนนี้แล้ว คงไม่ใช่ฝีมือซั่งกวนป๋าแล้วละ เช่นนั้นก็ต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงผู้แสนดีของนาง ซั่งกวนซื่อ

กีบเท้าม้ากระทบกระเบื้องหินบนพื้นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง ซึ่งเสียงเหล่านี้ประหนึ่งค้อนทุบหัวใจนางก็ไม่ปาน

นางรู้สึกหนังตาหนักอึ้ง นางร้องแย่แล้วในใจทันที

กลิ่นนี้...

“เสี่ยวเฮย”

เมื่อจื่อซูเริ่มเอะใจ ร่างกายพลันอ่อนยวบ จากนั้นก็ดิ่งลงสู่ความมืดมิด

มีบุรุษผู้หนึ่งขึ้นรถม้าของนางก่อนจะถึงประตูเมืองหลวง

เนื่องจากองค์ชายฮุยหลินหายตัวไป จึงมีด่านตรวจตรงประตูเมือง

รถม้าจึงหยุดจอดหน้าด่านตรวจ ทหารเฝ้าประตูรีบเข้ามาตรวจสอบด้วยความกระฉับกระเฉง “ใคร? จะไปไหน?”

“คุณหนูสามแห่งจวนกั๋วกงจะไปเยี่ยมญาตินอกเมืองขอรับ”

ทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจ ทว่าไม่ได้ถามอะไรมาก ปล่อยม่านรถม้าลง “ไปได้”

เมื่อรถม้าห่างออกไปแล้ว ทหารเฝ้าประตูเมืองก็ถามเพื่อนร่วมงานอีกคนว่า “คุณหนูสามแห่งจวนกั๋วกงไม่ใช่หมั้นหมายกับคุณชายแห่งเจียงหนิงโหวหรอกหรือ?”

“ใช่” ทหารอีกนายกล่าว

“เช่นนั้นก็แปลกแล้ว เมื่อครู่ข้าเห็นคุณหนูสามของจวนกั๋วกงนั่งกอดกับผู้ชายอยู่ ชนิดที่เนื้อชิดเนื้อเลย” ทหารเฝ้าประตูเมืองหัวเราะ “ปากบอกว่าไปเยี่ยมญาติ แต่คงจะไปพลอดรักกันสิท่า คุณชายหานช่างน่าสงสารยิ่งนัก ยังไม่ทันแต่งภรรยาเข้าจวนก็ถูกสวมเขาซะแล้ว จวนเจียงหนิงโหวต้องอับอายแน่ทีนี้”

“จริงหรือ?” ทหารหลายนายกรูกันเข้ามาถาม ประชาชนที่เข้าออกเมืองหลวงต่างเงี่ยหูฟังสุดชีวิต

บนกำแพงเมืองมีบุรุษสวมอาภรณ์สีเขียวขจี เรือนผมสีดำขลับยืนอยู่ สองมือของเขาจับกำแพงเมืองที่ทำมาจากอิฐแดง เขามองรถม้าที่แล่นออกไปด้วยความเร็วแสง และฟังถ้อยคำหยามเหยียดของพวกทหารแล้ว ดวงตาอันเย็นยะเยือกก็เจือความเดือดดาลขึ้น

เฝิงจื่อซู!

เขาเดินลงไปอย่างแช่มช้า เหล่าทหารที่นินทากันอย่างออกรสก็หยุดนิ่ง รีบก้มหน้าคำนับทันที “แม่ทัพเฝิง”

แปลกเหลือเกิน แม่ทัพเฝิงมายืนบนกำแพงเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันหรือเปล่า? เขาคือลูกบุญธรรมของเจียวหนิงโหวนะ...

เฝิงซิวหร่านจูงอาชาดำออกมาด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก จากนั้นก็พลิกกายขึ้นหลังม้าแล้วมุ่งหน้าไปนอกเมืองด้วยความรวดเร็ว

ตอนที่ถูกล็อก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน