“เขาเป็นคนเซ็นเอกสารผ่าตัดและเอกสารการแจ้งเตือนโรค ได้รู้เรื่องอาการป่วยของเธอแล้ว”
“ครรชิตช่วยฉันออกเอกสารเพื่อปิดบังการป่วยที่ฉันเป็นอยู่กับเขาได้ไหม” อาจเป็นเพราะว่าสลบนานเกิดไป เสียงของเบญญาเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่ว่าครรชิตเข้าใจความหมายของเธอ
ครรชิตขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “ไหนๆ เธอก็ช่วยหมอนั่นขนาดนั้นทำไมไม่บอกอาการป่วยของเธอกับหมอนั่น บอกให้ชัดเจน?”
“เพราะว่าชอบถึงไม่บอกเขาไง”
“เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเธอ กระวนกระวายเรื่องเธอเหรอ?”
เบญญาส่ายหน้า เก็บกดความเจ็บปวดไว้ในใจ มรุเดชจะเป็นห่วงเธอได้ยังไง? รู้ว่าเธอใกล้ตายแล้ว ไม่แน่อาจจะจุดพลุฉลองที่สลักเธอทิ้งได้สักที
อีกอย่างต่อให้เป็นห่วง นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอป่วย เธอใกล้ตายแล้ว ความรู้สึกพวกนั้นก็แค่สงสารเท่านั้น
ความสงสารนั้นเป็นอะไรที่คุณหนูใหญ่ของตระกูลพุ่มเทียนไม่ต้องการ
“ยังไงซะฉันกับเขาก็จะหย่ากันแล้ว ความเป็นห่วงของเขาไม่จำเป็นสำหรับฉัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ใกล้ตายแบบฉันตายไปเงียบๆ ดีกว่า” เบญญาค่อยๆ หลับตาลง สีหน้านิ่งเรียบมากๆ
ใจของครรชิตกระตุก กระตุกจนเจ็บ “ไม่หรอก ตอนนี้ในประเทศได้ทำการวิจัยยารักษามะเร็งกระเพาะอาหาร โรคที่เธอคิดว่าเป็นโรคที่ถึงตายได้ในสายตาของนักวิจัยก็แค่โรคเล็กน้อยๆ เท่านั้น รอได้ยามาแล้วเธอก็สามารถรักษาจนหายแล้ว”
ริมฝีปากของเบญญาได้ขยับเล็กน้อย พูดออกมาเบาๆ ประโยคหนึ่งว่า “ครรชิต ฉันตอนนี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องความตายแล้ว บางครั้งถึงขั้นคิดว่าตายไปแล้วก็ดีอีกแบบ หลุดพ้นสักที ก็แค่หลังจากตายไปแล้วยังต้องรบกวนนายหน่อย จนฉันบริจาคอวัยวะทั้งหมด ที่เหลือก็เผาได้เลย เถ้ากระดูกก็ทิ้งลงในทะเล...”
“เธอพูดอะไรบ้าๆ” ตาของครรชิตได้แดง มองเธอแล้วกะพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน