ช่วงเวลาเดียวกัน ณ บ้านฟากฟ้า
จารุณีกำลังสั่งให้คนใช้ปัดกวาดร่องรอยของโศภิตาออกให้หมด ทั้งผ้าปูที่นอนที่เธอเคยนอน รองเท้าสลิปเปอร์ที่เธอเคยสวม ผ้ากันเปื้อนที่เธอเคยใส่ หรือแม้กระทั่งจานและตะเกียบที่เธอเคยใช้
“นี่แม่กำลังทำอะไร” แทนไทยขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เขากลับมา
จารุณีบ่นเบา ๆ “ก็แล้วทำไมเราต้องเก็บข้าวของของผู้หญิงคนนั้นไว้ด้วยล่ะ ทักษอรคือคนที่ลูกจะแต่งงานด้วย” เธอกลอกตาขณะพูด และรีบเดินไปใกล้ ๆ แทนไทย “แทนไทย ไม่ใช่ว่าลูกหย่ากับหล่อนแล้วเหรอ อย่าลืมว่าเงินทั้งหมดที่ลูกมี มันคือเงินที่ลูกหามาอย่างยากลำบาก อย่าคิดแม้แต่จะให้เงินหล่อนแม้แต่แดงเดียว!”
แทนไทยตอบเบา ๆ ว่า “โศภิตาไม่ต้องการอะไรเลย”
เห็นได้ชัดว่าจารุณีไม่เชื่อที่เขาพูด “เป็นไปไม่ได้! หล่อนจะไม่ต้องการอะไรเลยได้ยังไง หล่อนไม่มีเงิน แล้วทำไมหล่อนถึงจะไม่อยากได้เงินจากลูกล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น หล่อนจะหาเงินจากไหนมาเลี้ยงผู้ชายที่หล่อนซุกไว้”
แทนไทยส่ายหัวเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของโศภิตากับนายแบบหนุ่มคนนั้น เขาไม่ต้องการเสวนากับจารุณีอีกต่อไป เขาสั่งให้ธนากรเอาใบหย่าให้แม่ของเขาดู
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบน แทนไทยเห็นทักษอรนั่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าต่าง
เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน “คุณกลับมาแล้ว”
เห็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายของเธอ ความหงุดหงิดในใจของเขาจึงค่อย ๆ หายไป
“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“ฉันสบายดีค่ะ อยู่ในห้องแล้วรู้สึกเบื่อ ก็เลยหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา” ทักษอรวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียงเบา ๆ ก่อนจะยืนขึ้นและกอดเอวของแทนไทยจากด้านหลัง “แทนไทย คุณเสียใจที่หย่ากับโศภิตาหรือเปล่าคะ”
แทนไทยกดเสียงต่ำ “ไม่เลย ผมไม่ได้รักโศภิตา และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นฝ่ายนอกใจผมก่อน”
มุมปากของทักษอรยกขึ้นเล็กน้อย
ชายหนุ่มหันกลับไปสวมกอดเธอ “อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือสุขภาพของคุณ คุณลุงทวีรัชต์จะจัดงานเลี้ยงให้คุณในเดือนหน้า เพราะฉะนั้นคุณจะต้องรีบหายเร็ว ๆ”
ทักษอรกะพริบตาและยิ้มขณะที่เธอตอบว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากแทนไทยเดินออกจากห้อง ทักษอรกดหมายเลขโทรออกหาแม่บ้านที่บ้านกิตติพงศ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่ากันเถอะคุณสามี