หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 194

หลังจากมื้อเช้า รษิกาคิดว่าเวลานี้ยังเช้ามากอยู่ และเธอน่าจะไปสถาบันวิจัยทันเวลา

“ไข้ของฉันก็ลดลงแล้ว ลิสา คุณช่วยจัดการให้ฉันออกจากโรงพยาบาลหน่อยได้ไหม? ฉันมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ”

ความคืบหน้าของงานเธอในสถาบันวิจัยต้องชะงักไปเพราะการผ่าตัดที่เธอทำให้รณภพ

รษิกาจึงไม่อยากปล่อยให้งานค้างคาและล่าช้ามากไปกว่านี้

ลิสาลังเล “คุณรษิกา ฉันคิดว่าคุณควรอยู่ต่อและดูอาการอีกสักวันนึงนะคะ ฉันรู้ว่าช่วงนี้คุณมีงานเยอะมากแค่ไหน และคุณไม่ได้ป่วยโดยไร้สาเหตุแน่ๆ แต่มันเป็นเพราะความเหนื่อยล้าต่างหาก! ตอนนี้อุณหภูมิของคุณก็ปกติแล้ว คุณเองก็รอแทบไม่ไหวที่จะไปจมกับงานอีกครั้ง ฉันกลัวจริงๆ ว่าร่างกายคุณจะรับมันไม่ไหวและล้มป่วยอีกเป็นครั้งที่สองนะคะ”

ถึงลิสาจะไม่ได้รับใช้รษิกาเป็นเวลานาน แต่เธอก็เห็นมามากพอแล้วว่ารษิกาทำงานหนักมากวันแล้ววันเล่า

ทุกคนคงยอมรับแต่โดยดีว่ารษิกามีพลังพิเศษถ้าเธอไม่ล้มป่วยเมื่อวานนี้ เธอไม่เคยบ่นว่าตัวเองเหนื่อยหรือบ่นเรื่องกิจวัตรอันแสนวุ่นวายในการงานและการเลี้ยงดูลูกของเธอเอง

ยิ่งลิสาใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนี้มากแค่ไหน เธอยิ่งสงสารคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองคนมากเท่านั้น

เธอดูแลรษิกาเหมือนลูกสาวตัวเอง และใจของเธอสลายตอนที่เห็นหญิงสาวล้มป่วย

“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้วล่ะ แล้วยิ่งเรื่องเมื่อวาน มันเป็นแค่อุบัติเหตุนิดหน่อยเอง” รษิกาเอาผ้าห่มออกและยืนกรานที่จะลุกออกจากเตียง

สีหน้าของผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น

เขานึกถึงข้อมูลที่น่ามหัศจรรย์ในประวัติของเธอ เธอบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างไรกันภายในเวลาหกปี? เธอใช้ชีวิตยังไงตอนที่อยู่ต่างประเทศ? เธอต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาจนถึงจุดนี้?

ลิสายังคงเป็นห่วงมาก เธอไม่ได้อยู่ในตอนที่หมอบอกคำวินิจฉัย เธอจึงไม่รู้เรื่องอาการที่แท้จริงของรษิกา

ในขณะที่ลิสากำลังเรียบเรียงว่าจะทำอะไรดี รษิกาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้ว ลิสาวิตกกังวลและรีบหันไปหาเลอศิลป์ ก่อนที่จะมองเขาอย่างอ้อนวอน โดยหวังว่าเขาน่าจะช่วยโน้มน้าวรษิกาให้อยู่ต่อได้

เธอแค่รู้สึกว่ารษิกาอาจจะฟังเขาก็ได้

เลอศิลป์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นขณะที่เขาเดินตรงไปที่เตียงและจ้องมองผู้หญิงที่หัวรั้น “หมอบอกว่าคุณควรตรวจร่างกายก่อนที่เขาจะอนุมัติให้คุณออกจากโรงพยาบาลได้”

พอเขาพูดจบ เขาเหลือบมองลิสาและสั่ง “ช่วยไปตามหมอมาที่นี่ที”

ลิสาถอนหายใจออกมาในที่สุดและทำตามที่เขาขอ

คิ้วของรษิกาขมวดเข้าหากันโดยไม่เห็นด้วย “ไม่จำเป็นหรอก ฉันรู้ตัวเองดี และฉันรู้จักร่างกายของตัวเองดีด้วย”

ในฐานะหมอ เธอทราบดีถึงสภาพร่างกายของตัวเอง

มันเป็นแค่ไข้ธรรมดา ฉันฟื้นตัวแล้ว และฉันสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แน่นอน

เลอศิลป์แย้งกลับไป “ถ้าคุณรู้ ทำไมคุณถึงล้มป่วยตอนอยู่บ้านและอ่อนแอมากจนคุณเองก็ลุกจากเตียงไม่ไหว?”

รษิกาหมดคำที่จะพูดเมื่อเขาพูดสวนกลับมา

พอได้ยินคำพูดของเลอศิลป์ อชิและเบนนี่ก็พูดแทรกขึ้นมา “แม่ครับ ให้คุณหมอมาตรวจร่างกายแม่แบบละเอียดไปเลยเถอะครับ”

รษิกาทนเห็นลูกๆ เป็นห่วงเธอไม่ได้ ในท้ายที่สุด เธอก็คืนคำปฏิเสธและยอมเชื่อฟัง

ไม่นานนัก ลิสาก็กลับมาที่ห้องคนไข้พร้อมกับหมอ

หลังจากตรวจร่างกายหลายขั้นตอน หมอกวาดตามองทุกคนเพื่อหาชายที่ให้รษิกานอนรักษาที่โรงพยาบาล “ดูเหมือนเธอจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ ผู้ป่วยสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ แต่ต่อจากนี้ไปเธอต้องใส่ใจกับสุขภาพของเธอและพักผ่อนให้เพียงพอ จำไว้ว่าการไม่มีโรคภัยเป็นลาภอันประเสริฐ.”

เลอศิลป์พยักหน้า จากนั้น เขาก็มองไปที่รษิกา

หลังจากสบตาเขา รษิการู้สึกผิดเล็กน้อยและหรี่ตาลง “ขอบคุณค่ะหมอ ฉันจะจำเรื่องนี้เอาไว้” เธอพูดพึมพำ

สิ้นคำนั้น หมอก็จดข้อมูลไว้ให้สองสามข้อและออกจากห้องไป

พอได้ยินคำยืนยันว่ารษิกาหายดีเป็นปกติแล้ว ลิสารู้สึกสบายใจและไปจัดการเรื่องการออกจากโรงพยาบาลให้รษิกา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม