ไม่นานนักรษิกาก็กลับมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล เธอค่อยๆ ทายาอย่างระมัดระวังบนมือของไอรดา
ไอรดาเป็นเด็กดีตลอดเวลาที่รษิกาทายาให้ เมื่อเธอรู้สึกเจ็บ เธอจะห่อตัวเล็กน้อยและกระตุกมือกลับ
นั่นทำให้รษิกาใจอ่อนยวบอย่างที่สุด
หลังจากทายาให้ไอรดาเรียบร้อยแล้ว รษิกาก็ย้ายไปนั่งข้างเธอทันที
อชิยกที่นังของเขาให้อย่างเชื่อฟังและย้ายจานอาหารของเขาไปนั่งข้างๆเลอศิลป์
“ให้ฉันป้อนข้าวหนูได้ไหมคะ?” รษิกาเอ่ยขออนุญาตกับไอรดา
ไอรดาไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าด้วยความคาดหวัง
รษิกาถือจานอาหารของไอรดาด้วยรอยยิ้มและเริ่มป้อนข้าวเธอ
เมื่อรษิกาป้อนอาหารให้กับไอรดา เธอก็ดูจะเจริญอาหารมากขึ้น เธอจ้องมองดูรษิกาตลอดเวลาและอ้าปากทานทุกอย่างที่รษิกาป้อนให้
รษิกายิ้มกว้างขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าไอรดาเป็นเด็กดีเพียงใดขณะที่ทานอาหาร
เลอศิลป์มองดูทุกการกระทำจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ทุกครั้งที่ริมฝีปากของไอรดาเลอะ รษิกาจะช่วยเธอเช็ดมันออกเสมอ แม้แต่ความเร็วในการป้อนอาหารของเธอก็ถูกต้อง
ไอรดายิ้มตาหยีขณะที่เธอทานอาหาร
ในช่วงเวลานั้นเอง แววตาของเลอศิลป์ก็ปนเปไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ขณะนั้นเองอชิและเบนนี่ก็เฝ้าดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ พวกเขาคิดว่าไอรดานั้นดูน่ารักเวลาที่เธอทานอาหารแทนที่จะรู้สึกอิจฉาเธอ
เมื่อพวกเขาละสายตาจากเธอ พวกเขาก็มองไปยังเลอศิลป์พร้อมกัน
วินาทีต่อมา พวกเขาก็สบตากันด้วยความสงสัย
ถ้าพวกเขาเดาไม่ผิด พ่อกำลังมองแม่โดยที่ไม่มีความเกลียดชังในแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยแต่มันดูเหมือนจะ… แสดงถึงความรัก
อชิขมวดคิ้วและวางส้อมลง เขาหยิบทัพพีที่อยู่ด้านข้างตักอาหารให้เลอศิลป์และมองเขาอย่างไร้เดียงสา “คุณเลอศิลป์ครับ ทำไมคุณไม่กินอะไรเลยล่ะครับ? ต้องกินอาหารเยอะๆนะครับ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นเลอศิลป์ก็ได้สติกลับมาและขอบคุณอชิโดยไม่รู้ตัว “ขอบคุณครับ”
เมื่อเขาพูดและมองเห็นผักในจานของเขา สายตาเขาก็เคร่งเครียดขึ้น
บังเอิญเหลือเกินว่าผักที่อชิตักให้เขานั้นเป็นขึ้นฉ่าย
เลอศิลป์มองกวาดไปเพื่อหาจานอาหารที่มีขึ้นฉ่ายบนโต๊ะและพบว่าจานอาหารนั้นวางอยู่ห่างเกินกว่าที่อชิจะเอื้อมถึง ดูเหมือนว่าอชิจะตั้งใจตักขึ้นฉ่ายให้เขา
เมื่ออชิพูดจบเขาก็ก้มหน้าก้มตาลงทานอาหารของเขาและแอบมองเลอศิลป์จากทางหางตา
เขาจำได้ว่าขึ้นฉ่ายเป็นผักที่เลอศิลป์เกลียดจากที่เขาและเบนนี่ดูในประวัติของเลอศิลป์มา
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งแม่ไปในอดีตและตอนนี้กลับมามองเธอด้วยสายตาแบบนั้น แต่เพราะเขาทิ้งแม่ไป เขาจึงต้องได้รับบทลงโทษ แค่ขึ้นฉ่ายนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก
เลอศิลป์หยิบส้อมของเขาขึ้นมาและมองอย่างมีความหมายไปยังเด็กชายที่ตักผักให้กับเขา
เมื่อรู้สึกได้ว่าเลอศิลป์กำลังจ้องอยู่ อชิก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเลอศิลป์อย่างไม่เกรงกลัว
เลอศิลป์เลิกคิ้ว ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขารู้สึกได้ว่าอชิกำลังท้าทายเขา
อย่างไรก็ตามเลอศิลป์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุใดอชิถึงท้าทายเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก
“คุณไม่ชอบขึ้นฉ่ายเหรอครับ?” อชิมองเลอศิลป์อย่างไร้เดียงสา คำพูดของเขาดูเหมือนจะกระตุ้นเขาอีกครั้ง
“ไม่ชอบครับ” เลอศิลป์ยิ้มตอบ
พร้อมกันนั้นเขาก็ตักขึ้นฉ่ายเข้าปากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
จากมุมที่อชินั่ง เขาไม่สามารถมองเห็นความพะอืดพะอมที่ฉายขึ้นมาในแววตาของเลอศิลป์ได้ขณะที่เขากลืนขึ้นฉ่ายลงท้อง
รษิกามองดูชายที่กำลังตักขึ้นฉ่ายเข้าปากของเขา มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะหันหน้าหนีเพราะเธอเห็นความพะอืดพะอมในแววตาของเขา และทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปเมื่อหกปีก่อน
“คุณเขี่ยมันออกไปก็ได้นะถ้าคุณไม่อยากทาน” รษิกาหลุบตามองต่ำเพื่อปิดปังความรู้สึกของเธอ
เสียงเรียบๆ ของเลอศิลป์เอ่ยขึ้นว่า “ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าผมจะไม่กิน”
รษิการู้สึกปั่นป่วนในอารมณ์ และเธอก็เงียบไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม