กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 120

“……” แววตาณิชาสับสน ไม่รู้จะมองไปตรงไหนดี ได้แต่มองเลิ่กลั่กไปทั่ว

มองไปมองมา จนมองมาที่หัวรองเท้าของเขา

คำถามที่ว่าเขาล้อเล่นกับเธออยู่หรือเปล่าเหล่านั้นตอนนี้กลืนลงคอกลับไปทันที ผ่านไปพักใหญ่จึงได้เค้นคำถามโง่ๆ ออกมาว่า “คุณไม่ได้พูดเล่นจริงๆ ใช่ไหม”

“ผมจริงจัง”

เขายอมรับว่าเมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องรับรองนั้นเขาวู่วามไปหน่อย แต่มาคิดดูแล้วภาพที่อยู่ด้วยกันกับเธอ ดูเหมือนว่า….ก็ไม่ได้เลวร้ายจนรับไม่ได้อย่างที่คิดขนาดนั้น

เธอทำให้เขารู้สึก……เหมือนกับผู้หญิงในคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อนอย่างยิ่ง

คิดมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเวธัสก็มีความมืดมนมองไม่เห็นก้นบึ้งที่จะโผล่ขึ้นมา แต่ก็เป็นแค่ชั่วพริบตาหนึ่งเท่านั้น

ณิชารวบรวมความกล้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอย่างช้าๆ สบตากับเขา ใจเต้นรัวราวกับเสียงกลอง หยั่งเชิงถามอย่างระมัดระวัง “งั้นฉันเข้าใจได้มั้ยว่า นายอยากอยู่กับฉัน”

เวธัสสีหน้าแววตาเรียบเฉย “ได้’

เล็บณิชาจิกลงไปที่ต้นขา

เจ็บเล็กน้อย นี่ดูไม่เหมือนว่ากำลังอยู่ความฝัน

ทันใดนั้น เรื่องราวต่างๆ ในช่วงหลายวันมานี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

ที่ห้องรับรองส่วนตัวของอิมพิเรียลคลับเขาบอกว่ามีผู้หญิงตั้งมากมายอยากจะเป็นผู้หญิงของเขาเวธัส ทว่าตอนนี้ แม้เธอจะถามหลายต่อหลายครั้ง แต่คำตอบเขากลับยังคงหนักแน่นถึงเพียงนี้…

“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ฉันรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันจอมปลอม คุณเองก็ไม่ได้ชอบฉัน เมื่อกี้ที่พูดอย่างนั้น ก็แค่จะใช้ฉันเป็นข้ออ้างให้คุณถอนหมั้นเท่านั้นเอง”

ณิชาแกล้งทำเป็นจับผมยาวสยายเบาๆ ด้วยท่าทางพูดติดตลก

ทันใดนั้นเอง เวธัสก็ยอมรับโดยทันทีว่า…

“ผมไม่ปฏิเสธว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุผล”

เขาจะไม่ยอมให้กันญ่ามาเป็นนายหญิงของตระกูลสนธิไชยในอนาคตเด็ดขาด

เขาไม่ต้องไปอธิบายกับคนอื่นก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาไม่อาจเพิกเฉยได้ก็คือความรู้สึกของน้าเล็ก

วิธีที่จะทำให้น้าเล็กยอมรับการถอนหมั้นอย่างเร็วที่สุดก็คือหาคนมาเป็นโล่กันกระสุนสักคน

การปรากฏตัวของณิชา ไม่ว่าจะเป็นจังหวะหรือบรรยากาศก็ตาม ก็เพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในเหตุผลของโล่กันกระสุนนี้ได้

….

หรือว่ายังมีเหตุผลอื่นอีก

คงไม่ใช่ว่าเขาชอบเธอหรอกนะ

ณิชาคิดจนยุ่งเหยิงไปหมด โพล่งถามออกมาว่า “งั้นยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้คุณเลือกฉัน”

เวธัสอมยิ้ม ดวงตาที่เย็นชาแพรวพราวเล็กน้อย “ที่งานเลี้ยงวันนั้น คุณถูกวางยา จนปีนขึ้นมาทำมิดีมิร้ายบนตัวผม หรือว่าตอนนี้คุณไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบกับผมแล้วเหรอ”

ณิชานึกขึ้นได้ ก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที อากาศบริสุทธิ์ฟุ้งกระจายไปทั่ว เธอถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห

เรื่องแบบนี้มีผู้ชายที่ไหนเขาเสียเปรียบกัน

คนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบคือเธอต่างหาก

ไม่รอให้เธอคิดได้อย่างกระจ่าง เสียงทุ้มต่ำของเวธัสดังขึ้นข้างหู “อยู่กับผม ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมอาจจะทำได้ไม่ได้ดีที่สุด แต่สิ่งที่คุณอยากได้ผมทำให้คุณสมหวังได้ วินๆ ทั้งสองฝ่าย ผมคิดเหตุผลที่คุณจะปฏิเสธผมไม่ออกเลย”

พอสิ้นเสียงเขา ในหัวสมองณิชาก็ขาวโพลนไปหมด

เมื่อก่อนอย่างมากก็แค่มีความคลุมเครือเรื่องชู้สาวเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้เขาก้าวเข้ามาโดยตรงเลย

กลืนน้ำลายหนึ่งอึก ณิชาจ้องมองเขาอย่างประหม่า “งั้นถ้าฉันปฏิเสธ คุณจะฆ่าปิดปากฉันหรือเปล่า”

ฝ่ามือเวธัสกระตุกเล็กน้อย ใบหน้าที่เดิมถือว่าหล่อเหลานั้นค่อยๆ เคร่งขรึมลง

เขาไม่ได้ตอบโดยทันที แต่จุดบุหรี่หนึ่งมวน

ความจริงแล้วแม้แต่ตัวเวธัสเองก็รู้สึกสับสน

เห็นชัดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะจัดอยู่ในประเภทที่ห่างไกลจากผู้หญิงในอุดมคติของมาก….

ในความไม่มีตัวตนนั้น ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง ทำให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้อย่างไม่อาจควบคุมได้

ไฟที่ก้นบุหรี่สีขาวมอดดับลง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พ่นควันสีขาวออกมา น้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่หรอก”

“จริงเหรอคะ”

เวธัสเหลือบมองเธอ

ณิชาถอนหายใจ กัดฟันพูดว่า “งั้นก็ได้ คำตอบของฉันก็คือไม่”

นัยน์ตาเวธัสเคลือบแฝงด้วยความเย็นเยือกเล็กน้อยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จ้องมองเธออย่างรุ่มร้อน “เหตุผล!”

ณิชาทำใจแข็งที่และคอยรักษาระห่างกับเขาอย่างชัดเจน ด้วยสถานะของเขาแบบนี้เธอไปยั่วโมโหเขาไม่ได้

“ฉันก็แค่อยากใช้ชีวิตและมีความรักอย่างเรียบง่ายธรรมดา เขาเดินจูงมือเป็นเพื่อนฉันไปตามท้องถนน ไปดูหนังกินข้าวข้างทางเป็นเพื่อนฉันได้”

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ มีทัศนคติที่สอดคล้องกัน จิตวิญญาณเชื่อมโยงกัน แต่ผู้ที่สูงส่งอย่างคุณ ทุกการเคลื่อนไหวของคุณดึงดูดความสนใจผู้คนมากมาย ช่องว่างนี้จะอย่างไรก็ก้าวข้ามไม่พ้น ที่คุณบอกว่าจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับฉันก็จะกลายเป็นภาระสำหรับฉันและลูก....” ”

เกือบจะทันทีที่เสียงพูดนั้นหยุดลง หลังมือของเธอที่ห้อยอยู่ข้างๆ ตัวก็ถูกมือใหญ่อันอบอุ่นกุมเอาไว้

ผิวบนหลังมือที่ถูกกุมไว้ของเธอค่อยๆ อุ่นขึ้น ร้อนจนทำให้หัวใจของเธอเต้นช้าลง

ณิชาหายใจติดขัด ไม่กล้าหันไปมองเวธัส แต่จับพลัดจับผลู เหมือนกับถูกผีแกล้งอย่างนั้น เงยหน้าขึ้นมามองด้วยจิตใจที่สับสนว้าวุ่น มองขึ้นไปตามมือที่ถูกกุมไว้อย่างช้าๆ …

คือใบหน้าที่น่ากลัว หล่อเหลาเขาหรี่ตามอง ไม่มีท่าทีว่าจะล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

“จูงมือกันเดินบนถนน เหมือนที่พวกเราทำตอนนี้เหรอ”

เมื่อประโยคนี้ดังเข้าไปในหู ก็เหมือนไฟช็อตอย่างนั้น ความชาไหลผ่านสิบนิ้วที่เกาะกุมกันอยู่

เพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ โลกทั้งใบก็เหมือนตกอยู่ในห้วงนิทราอันเงียบสงบ

ณิชามองเห็นแค่เพียงเวธัส

มุมเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ เต้นระรัว ราวกับถูกอะไรบางชนกระแทก

“ต่อจากนั้น ก็น่าจะไปดูหนังใช่ไหม”

เสียงเขาดังมาอีก

ณิชายิ่งใจเต้นระรัว

จากนั้น เธอก็ถูกเวธัสลากไป เดินตามถนนไปยังร่มไม้ที่อยู่ตรงข้าม

แผ่นหลังที่กว้างใหญ่ เสมือนกับรับน้ำหนักทั้งหมดเอาไว้ได้

จู่ๆ ณิชาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ตกใจจนกัดลิ้น รีบสะบัดเวธัสออกอย่างแรง ไม่รู้จะไปทางไหนดี รีบทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “คืนนี้ฉันยังมีธุระ” จากนั้นก้าวขาหนีไป

มีรถแท็กซี่ผ่านมาหนึ่งคันพอดี เธอจึงหลบขึ้นไปทันที

ร่างของเวธัสที่อยู่ในกระจกมองหลังยิ่งไกลห่างออกไปเรื่อยๆ …

เขายืนตัวตรงอยู่ที่นั่น หน้าตาคล้ายคลึงกับฐานภพ แต่กลับให้ความมั่นคงกับเธอแตกต่างไปจากฐานภพอย่างสิ้นเชิง

ความจริงแม้ว่าณิชาจะอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ไม่เคยมีความรักที่แท้จริงมาก่อนเลยสักครั้ง

ตอนสมัยเรียนมีคนเขียนจดหมายรักให้เธอมากมายหลายคน แต่ตอนนั้นเธอคิดแค่จะตั้งใจเรียน ต่อมาภายหลัง ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฐานภพก็ตามจีบเธออย่างเป็นบ้าคลั่ง ทั้งสองครอบครัวจึงได้จัดการหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว

การหมั้นหมายกันเอาไว้ก่อนค่อยมาบ่มเพาะความรักกัน ก็อาจจะไม่เกิดความรู้สึกประทับใจอย่างในเทพนิยายนั้น…

แต่เมื่อครู่ดูเหมือนว่าเธอ…

หยุดนะ!

ณิชาจับแก้มที่ร้อนผ่าว พร้อมทั้งตบแรงๆ

ณิชา ตกลงเธอกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่

เวธัสจะถอนหมั้นกันญ่า เธอก็แค่โล่กันกระสุนที่โผล่มาได้จังหวะพอดีเท่านั้นแหละ คิดว่าเขาจะมาคบกับเธอต่อไปจริงๆ เหรอ

เลิกฝันลมๆ แล้งๆ แบบนี้ได้แล้ว

ตลอดทางรถขับเคลื่อนไปอย่างสงบนิ่งบนท้องถนน

ณิชาลดกระจกรถลง ใช้ลมเย็นๆ นอกหน้าต่างมายุติความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้น

ขณะความคิดของเธอกำลังเลื่อนลอยเล็กน้อย เธอบังเอิญ เห็นรถเฟอร์รารีสีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ใกล้กับประตูโรงแรมฝั่งตรงข้ามของถนน ชายหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถ เดินไปทางประตูโรงแรม

ร่างของผู้หญิงคนนั้น….เหมือนจะคุ้นตาอยู่เล็กน้อย

ณิชาสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป ตะโกนว่า “พี่คะ หยุดรถหน่อยค่ะ!”

คนขับรถมองณิชาผ่านกระจกรถ เท้าเหยียบเบรก

ณิชาลดกระจกลง มองดูชายหญิงคู่หนึ่งที่โอบกอดกันอยู่ชั่วขณะ

เพราะด้วยปัญหาของมุม เธอมองเห็นอย่างชัดเจน และมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาด

นั่นคือกันญ่าจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊