กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 308

“คุณเวธัส ขอโทษครับ!”เอกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที และก็ไม่กล้าปกปิดอีกต่อไป “ตอนนั้นผมแค่อยากจะให้คุณกับคุณณิชาได้ใจเย็นลง……”

พลั่ก

เขาถีบมาที่ท้องของเอกอย่างแรง

ร่างกายของเขาสั่นไหว ลูกถีบของเวธัสทำให้เอกถอยหลังไปสองก้าว เหงื่อซึมออกที่หน้าผาก เขางอตัวอยู่นานเพราะไม่สามารถยืดตัวตรงได้ แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ

เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคิดและทำเอง ก็ต้องได้รับโทษ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นายต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน? หรือจะเอาตำแหน่งประธานฉันไปด้วยเลยไหมล่ะ? ”

“คุณเวธัส ผมซื่อสัตย์ต่อคุณจริงๆ นะครับ ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นแน่นอน!”

เอกรีบโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพอย่างรวดเร็ว

ตัวเขานั้นเป็นเด็กกำพร้า ก็ได้เวธัสนี่แหละที่เป็นคนอุปถัมภ์ และให้เขามาทำงานที่บริษัทหลังจากเรียนจบ

ทั้งๆ ที่อายุไล่เลี่ยกัน แต่ว่าเวธัสกลับมีออร่าที่ทำให้ผู้คนยอมสวามิภักดิ์อย่างอดไม่ได้

นอกจากเรื่องความสัมพันธ์กับณิชา เอกไม่เคยเห็นเวธัสเสียอาการขนาดนี้มาก่อนเลย นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ตอนนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยณิชากับคุณหนูไป……

“ลุกขึ้นเถอะ” หลังจากผ่านไปนาน ก็มีเสียงที่เยือกเย็นของผู้ชายคนนั้นดึงขึ้นมา

ร่างกายที่สูงใหญ่ของเวธัสนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารนุ่มๆ สายตาที่เยือกเย็นนั้นสงบนิ่ง แสงแดดบางส่วนสาดส่องมาที่ร่างกายของเขา ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

เอกก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เหมือนกัน

สรุปแล้วคุณเวธัสเป็นคนจับตัวคุณหนูไปรึเปล่า?

“คุณเวธัส ตอนนี้คุณณิชาอยู่ที่ห้องรับแขกข้างๆ ครับ คุณอยากไปเจอเธอหน่อยไหม? ”เอกถามอย่างระมัดระวัง พลางเอื้อมมือมาปาดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง

เขานึกว่าเวธัสจะต้องอยากเจอณิชาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คำตอบของเขาก็คือ——

“ให้รปภ.มาเอาตัวเธอออกไป และอย่าปล่อยให้เธอเข้ามาอีก”

เอกเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเวธัสด้วยความตะลึง

“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งงั้นเหรอ? ”ใบหน้าที่หล่อเหลาของเวธัสปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง ทำให้คนที่พบเห็นพลางตัวสั่นไปด้วย

เอกก็ไม่กล้าหยั่งเชิงอีก พอได้ยินดังนั้นเขาก็รีบหันหลังเดินออกจากห้องประชุมไปทันที

……

พอณิชาได้ยินในสิ่งที่เอกพูด ก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า แต่ถึงยังไงเธอก็บอกว่าเธอจะไม่ยอมออกไปอย่างแน่นอน

“เขาอยากให้ฉันมาขอร้องเขาไม่ใช่เหรอ? ฉันก็มาแล้วนี่ไง ทำไมถึงไม่ยอมเจอฉันล่ะ? ”

เธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ดวงตาแดงก่ำ และก็ตะคอกออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น นอกจากเขาจะคืนลูกมาให้ฉัน!”

“คุณณิชา ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ? ” เอกไม่กล้าสองจิตสองใจอีกแล้ว ได้แต่เกลี้ยกล่อมว่า “ตั้งแต่ที่พวกคุณหนีไปเมื่อวาน คุณเวธัสก็โกรธมาก และตอนนี้เขาก็ไม่เชื่อใจผมแล้ว……”

จนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่ได้รับรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคุณหนูทั้งสองเลย

บางทีอาจจะเป็นฝีมือของโทนี่ก็ได้ หรือไม่คุณเวธัสก็อาจจะส่งคนอื่นไปจัดการ

เอกหัวเราะอย่างขมขื่น

“ถ้าเขาจะโกรธก็ควรมาลงที่ฉันสิ!เขาเคยรับปากกับฉันแล้ว ว่าจะไม่แย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก……”หัวใจของณิชาเหมือนถูกมีดทิ่มแทวง ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งเสียใจ

และเธอก็รีบพุ่งออกไปทันที

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เวธัสประชุมอยู่ที่ห้องไหน ก็เลยได้แต่มองหาเข้าไปทีละห้อง

“เวธัส ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ จะเอาลูกมาคืนฉันได้รึยัง? จะฟ้องศาลไหม? เดี๋ยวฉันจะพาไปเอง! คุณมีสิทธิอะไรมาลักพาตัวพวกเขาไปแบบนี้? ”

“คุณณิชา ที่นี่คือบริษัทนะครับ ถ้าเกิดว่าคุณยังเป็นแบบนี้ผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ”เอกเข้ามาขวางณิชาเอาไว้

และก็เริ่มมีพนักงานสนใจณิชากับเอก พร้อมกับมองตรงมาที่พวกเขา……

ณิชาอยากจะให้หนึ่งในคนพวกนี้มีเวธัสอยู่ด้วยจริงๆ

แต่ว่าพอหาไปเรื่อยๆแล้ว นอกจากใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย เธอก็ไม่เจออะไรอีก

เวธัสไม่ปรากฏตัวเลย สุดท้ายณิชาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก ต่อให้วุ่นวายต่อไปก็ไม่ได้ผลอะไร……

……

ภายในห้องประชุมนั้น ทุกคนออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เวธัสคนเดียวเท่านั้น

เขาถอดเสื้อสูทพาดไว้หลังเก้าอี้ ตอนนี้เขาสวมใส่เสื้อกั๊กสีน้ำเงินเข้ม มือหนึ่งคีบบุหรี่เอาไว้ แต่ว่าไม่ได้สูบเข้าไป ได้แต่ดมกลิ่นควันอยู่แบบนั้น

แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตะโกน เสียงด่าทอดังออกมาจากทางเดินตรงกำแพง ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงในทันที

และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงนั้นก็ค่อยๆ หายไป

หลังจากนั้นโทนี่ก็เดินเข้ามา

“คุณเวธัส คนของคุณท่านได้ถูกจับตัวเอาไว้แล้ว และสามารถแย่งคุณหนูกลับมาได้แล้วครับ แต่ว่าลุงพรมีแผนจะพาคุณหนูทั้งสองคนกลับประเทศ แล้วกลัวว่าคุณหนูจะไม่ยอมขึ้นเครื่องบินง่ายๆ ก็เลยใช้ยาที่ไม่เป็นอันตราย ตอนนี้พวกคุณหนูหลับไปแล้วครับ”

บุหรี่มวนนั้นกำลังจะไหม้จนถึงก้น และทันใดนั้นเวธัสก็สูบเข้าไปอย่างแรง ไฟที่ก้นบุหรี่นั้นสว่างขึ้นมา หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้มันเผาไหม้อีกต่อไป และสุดท้ายก็ดับไปอย่างรวดเร็ว……

เขาขยี้ก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ยอย่างแรงจนผิดรูปผิดร่าง

“นอกจากลุงพร ให้หักขาแต่ละคนข้างหนึ่งแล้วส่งกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลสนธิไชย และบอกตาแก่นั่นด้วยว่า ต่อไปอย่ามายุ่งกับเรื่องของฉัน”ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

ถึงแม้ว่าโทนี่จะตกใจ แต่ว่าเขาก็เข้าใจดีว่า คุณหนูเปรียบเสมือนเกล็ดใต้คอมังกรของคุณเวธัส

คุณท่านจะส่งคนมาขโมยลูกไปอย่างนั้นเหรอ? คนเป็นพ่ออย่างเขาทนไม่ได้หรอกนะ!

โทนี่พยักหน้ารับคำสั่ง แล้วก็ถามต่อว่า “แล้วจะให้ส่งคุณหนูทั้งสองท่านกลับไปที่ปราสาทไหมครับ? ”

“ไม่ ให้ลุงพรพาตัวกลับไป และฝากไปบอกตาแก่นั่นด้วยว่า การที่ฉันส่งคนไปให้เขาโดยสมัครใจ กับการที่เขาให้คนมาขโมยไปนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน แล้วบอกเขาว่าอย่าแอบทำอะไรอีก”

โทนี่รู้สึกตกใจมากกว่าเดิมอีก นี่เขาจะส่งคุณหนูทั้งสองคนกลับคฤหาสน์เก่าตระกูลสนธิไชยจริงเหรอ?

ถึงแม้ว่าคุณท่านจะชอบคุณหนูมาก แต่ว่า……ถึงยังไงแม่ของเด็กก็คือณิชา และคุณท่านก็ไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน

“จะไม่แจ้งคุณณิชาหน่อยเหรอครับ? ”

โทนี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกระแวงว่าความสัมพันธ์ที่เย็นชาอยู่แล้วของณิชากับเวธัสจะพังทลายลงอีกครั้ง

เวธัสมีแววตาที่ดูกระหายเลือด “บอกสิ ต้องบอกอยู่แล้ว และก็บอกให้เธอรู้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาด้วย!”

หลังจากที่โทนี่ออกไปแล้ว เวธัสก็ค่อยๆ หยิบแหวนรูปพลุออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา มันเป็นแหวนวงที่ณิชาโยนทิ้งไปด้วยความโกรธตอนคืนนั้น เขาใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะหามันเจออีกครั้ง

ทั้งๆ ที่มันยังคงแพรวพราวเหมือนเดิม แต่ว่าความหมายของมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ณิชา ต่อให้มันจะเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ แต่ฉันก็จะทำให้เธอต้องขอร้องเพื่อสวมใส่มันกลับไปอีกครั้ง

……

เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสามวันแล้ว

ณิชาไม่ได้ยินเสียงของปัณณ์กับอรัลเลย และก็ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้ด้วยเลยเหมือนกัน

เธอโทรหาป้าบุญที่ปราสาท

ป้าบุญบอกเธอว่าคุณหนูทั้งสองคนไม่ได้อยู่ที่ฝรั่งเศสแล้ว พวกเขาถูกส่งไปยังคฤหาสน์ตระกูลสนธิไชยที่เมืองพรเรียบร้อยแล้ว

คฤหาสน์ตระกูลสนธิไชย……

พอณิชาได้ยินคำตอบนี้ ก็เหมือนกับโดนฟ้าผ่าเข้าที่กลางหัว รู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัว

ถ้าเกิดว่าอยู่ที่ฝรั่งเศสเธอยังพอจะต่อสู้ได้ แต่ถ้ากลับเมืองพรไปแล้ว ตระกูลสนธิไชยน่ะถือว่าเป็นผู้กุมท้องฟ้าไว้ แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้กับพวกเขาได้ล่ะ?

ปัณณ์ อรัล ขอโทษด้วยนะ หม่ามี๊ไม่ได้ปกป้องพวกลูกให้ดีๆ อีกแล้ว

พอกลับไปที่สิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ปัณณ์เชื่อฟังคนอื่นรึเปล่านะ?

แล้วเวลาที่อรัลไม่เห็นเธอ เขาจะเสียใจแล้วไปก่อเรื่องกับพวกผู้ใหญ่ในตระกูลสนธิไชยไหม?

พอคิดได้แบบนี้ ณิชาก็รู้สึกกังวลจนสุดขีด

กริ๊ง

และตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ปลายสายนั้นคือคนส่งพัสดุที่บอกเธอว่ามีพัสดุมาส่ง

ณิชาเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาที่แดงก่ำ แล้วก็ลงไปรับพัสดุ

พัสดุที่มาส่งนั้นเป็นแค่ซองจดหมายจากทนายเท่านั้น

จดหมายจากทนายนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจน ว่าให้เวลาเธอสามวันในการดำเนินการหาทนาย แล้วก็ไปเจรจากับทีปกรที่สำนักงานสาขาฝรั่งเศส

ถ้าเกิดว่ามาสายหรือว่าขาด จะถูกฟ้อง!

ฟ้อง……

เขาตั้งใจจะฟ้องเธอ ก็เลยจงใจหลีกเลี่ยงไม่ยอมมาเจองั้นเหรอ?

เธอคงไปทำให้เขาโกรธมากเข้าแล้วจริงๆ ……

ณิชากำซองจดหมายจากทนายในมือแน่นจนหลังมือเริ่มซีดไปหมด

ไม่ เธอจะต้องหาทนายไปสู้กับเขาให้ได้ จะให้ปัณณ์กับอรัลถูกแย่งไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

เพราะว่านั่นคือสายเลือดของเธอ……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊