กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 310

ชั้นล่างตึก

ฝนตกกระหน่ำลงมากระทบพื้น น้ำกระเซ็นมากมายนับไม่ถ้วน

เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้มีคนเข้าและออกน้อยลงมาก

รปภ.ชาวฝรั่งเศสที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนั้นพูดคุยกัน

“เอ้ะ นายดูสิ ผู้หญิงคนนั้นหมดสติไปแล้ว……”รปภ.คนหนึ่งชี้ไปที่ณิชาและร้องออกมา

“เรียกรถพยาบาลให้เธอดีไหม? ” รปภ.อีกคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความลังเล

“นายโง่เหรอ? คุณเวธัสสั่งมาแล้วว่าห้ามเธอก้าวเข้ามาในบริษัทแม้แต่ก้าวเดียว แสดงว่าต้องเกลียดผู้หญิงคนนี้มากแน่ๆ !แล้วนายยังจะส่งเธอไปโรงพยาบาลอีกเหรอ? ไม่อยากทำงานแล้วรึไง? ”

“พูดอีกก็ถูกอีก แต่ว่าตอนนี้เธอเป็นลมไปหน้าบริษัทแบบนี้ ถ้าเกิดว่ามีคนเห็นเข้ามันจะกระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัทเรารึเปล่า? ”

รปภ.ที่เป็นคนนำขมวดคิ้วแล้วก็พูดว่า “งั้นย้ายเธอไปใต้ต้นไม้ก่อน รอฝนหยุดเมื่อไหร่เธอก็คงตื่นแล้วแหละ”

รปภ.ทั้งสองคนสรุปกันเสร็จแล้วก็ออกไปย้ายณิชาไปไว้ที่ใต้ต้นไม้ทันที

ทั้งสองคนแบ่งกัน คนหนึ่งจับไหล่ อีกคนหนึ่งจับแขนของณิชา และกำลังจะย้ายไปด้านข้าง……

“ใครอนุญาตให้พวกแกแตะต้องเธอ?!”

ตามมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น เพียงแค่ช่วพริบตาเดียวเท่าน้น รปภ.ทั้งสองคนก็รู้สึกเจ็บที่ไหล่ และก็ถูกทุ่มตัวลงกับพื้นทันที!

เพราะว่าการกระทำนี้ เลยทำให้ณิชาตกลงไปที่พื้นอีกครั้ง

ผมที่เรียวยาวปรกลงมาบนใบหน้า และน้ำฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย……

เธอหนาวจนตัวสั่น รู้สึกเหมือนตัวเองตกเข้าไปอยู่ในเอสกิโม แทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว

แต่วินาทีต่อมา ร่างกายของเธอก็ถูกใครคนหนึ่งอุ้มขึ้นมา

ขนตาที่เรียวยาวของณิชาสั่นเล็กน้อย เธอหดตัวไปหาความอบอุ่น เวธัสปัดฝนเย็นยะเยือกบนใบหน้าของณิชาออกเบาๆ สายตาของเขานั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

พึ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเอง ทำไมเธอถึงได้ผอมลงขนาดนี้?

“คุณ……คุณเวธัส?”รปภ.ทั้งสองคนตะลึงไปเลย

เขาสั่งไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้อุ้มเธอด้วยท่าทางที่ระมัดระวัง ราวกับว่ากำลังรักษาสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลกอยู่ล่ะ?

เวธัสเหลือบมองสองคนนั้นด้วยสายตาที่เยือกเย็น แล้วก็สั่งโทนี่ “จ่ายค่าจ้างให้พวกมันด้วย แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”

รปภ.ทั้งสองคนยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าก็โดนไล่ออกซะแล้ว!

เวธัสไม่สนใจอะไรมากมาย เขารีบอุ้มณิชากลับไปที่ห้องพักผ่อนของประธานชั้นบนสุดทันที ร่างกายของเธอนั้นมันเย็นเกินไป ต้องอาบน้ำอย่างเร็วที่สุด และทำให้ร่างกายอบอุ่นด้วยการดื่มน้ำขิงร้อนๆ สักแก้ว……

……

เสียงของพายุฝนถูกสกัดกั้นจากหน้าต่าง

เวธัสวางณิชาลงบนเตียงในห้องพักอย่างอ่อนโยน แล้วก็สั่งให้โทนี่ไปซื้อน้ำขิงมา

พอหันหน้ามา ก็พบว่าผูหญิงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นลุกขึ้นมานั่งแล้ว

แววตาของณิชานั้นดูสดใสมาก แล้วความอ่อนแอเมื่อกี้มันหายไปไหนกัน?

เธอเสแสร้งต่างหาก!

มันเป็นแผนการทรมานร่างกายตัวเอง!

เวธัสตระหนักได้ว่าตัวเองโดนเธอหลอกเข้าให้แล้ว ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มแน่น

“เวธัส ในที่สุดก็ยอมเจอฉันแล้วเหรอ? ”ณิชาไม่ได้หมดสติไปจริงๆ เมื่อกี้เธอก็แค่อยากลองเดิมพันดู เดิมพันว่าเวธัสจะเห็นเธอไหม และเขาจะใจอ่อนรึเปล่า

โชคดี ที่เธอชนะการเดิมพันในครั้งนี้

ผ่านไปไม่กี่วัน เธอก็ได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ว่าเขากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ใบหน้าที่เย็นชาของเวธัสไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา เขาอยู่ห่างจากเธอประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง มองหน้าเธอเงียบๆ และพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่เป็นไรแล้วก็ออกไปเถอะ”

“ไม่ ฉันจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง? คุณคืนลูกมาให้ฉันเลยนะ!”ณิชาโซเซลงมาจากเตียง

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หมดสติ แต่ว่าการที่เธอตากฝนอยู่นานมันคือเรื่องจริง

ตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวมากจริงๆ ……

แต่ว่าเธอก็ฝืนวิ่งไปตรงหน้าของเขา แล้วก็คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้

เวธัสพยายามบังคับให้ตัวเองไม่มองใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ แล้วก็ดึงมือของเธอออก ท่าทางนั้นมันช่างดูเฉยเมยและไร้หัวใจ——

“สบายใจได้ พวกเขาก็เป็นลูกชายของผมเหมือนกัน ผมต้องดีกับพวกเขามากอยู่แล้ว ดีกว่าการที่พวกเขาอยู่กับคุณอีก”

แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการคือความรักของแม่ ไม่ใช่การชดเชยด้วยวัตถุสิ่งของ!

“เวธัส คุณเคยรับปากฉันแล้วนะ!ว่าจะไม่แย่งสิทธิเลี้ยงดูของพวกเขาไปจากฉัน……”ณิชาใช้มือข้างหนึ่งจับมุมโต๊ะเอาไว้ ปากของเธอซีดจนเหมือนกระดาษไปแล้ว

“คุณก็เคยรับปากจะแต่งงานกับผมแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ” เวธัสถามกลับอย่างสบายๆ แต่ว่าคำพูดที่เยือกเย็นนั้นมันทำให้เธอใจสั่น

ณิชาตะลึงไปในทันที ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“นี่มันคนละเรื่องกัน จะเอามารวมกันไม่ได้……”

“ต่อให้มันจะเป็นคนละเรื่อง แต่ว่าต่อให้ผมจะเคยรับปากว่าจะไม่ไปแย่งสิทธิการเลี้ยงดูของพวกเขา แล้วมันยังไงกันล่ะ? คุณคิดว่าตอนนี้มีทนายคนไหนยอมรับค่าจ้างของคุณบ้าง!”

เวธัสมองเธออย่างเย็นชา เขามั่นใจมากว่าถ้าเธอไม่มีทนาย เธอก็ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

ลมหนาวพัดเข้ามา มันยิ่งทำให้ร่างกายของณิชาหนาวเย็นมากขึ้นไปอีก

เธอตะคอกออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง!ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติ ไม่มีอะไรเลย ฉันมีแค่ลูกสองคนเท่านั้น เวธัส ฉันขอร้องล่ะนะ คืนลูกๆ มาให้ฉันเถอะ……”

เพราะว่าตื่นเต้นมากเกินไป ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่ทันใดนั้นทุกอย่างก็มืดไป เธอเซและล้มลงไปกับพื้นทันที

ดวงตาของเวธัสหรี่ลง เกือบจะวิ่งเข้าไปกอดเธอเอาไว้แล้ว

เขามองข้ามความอ่อนแอของเธอ แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอและมองลงไป——

“แต่งงานกับผม”

ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา หัวใจของณิชาก็เหมือนจะหยุดเต้นทันที เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างว่างเปล่า น้ำตาไหลลงมา ได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

เวลาเหมือนกับจะหยุดนิ่ง น้ำตาเอ่อล้นออกมาเต็มเบ้าตาของเธอ จนเธอมองเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ชัดเจน

เวธัสหยิบแหวนที่เธอโยนทิ้งออกมาจากกระเป๋าช้าๆ

แล้วก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ

นิ้วที่หยาบกร้านของเขาเช็นน้ำตาที่อาบแก้ม แล้วก็ยัดแหวนเข้าไปในอุ้งมือของเธอ

และฝ่ามือหนาๆ ของเขาก็กุมมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้

เธอได้ยินเขาพูดว่า “พรุ่งนี้มีเที่ยวบินไปลาสเวกัสตอนสิบโมงเช้า ผมจะรอคุณที่สนามบิน จะมาหรือไม่มาก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ”

ณิชากัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ มือของเธอกำแหวนแน่นจนรู้สึกเจ็บ

“เปลี่ยนเงื่อนไข!เวธัส นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นฉันยอมได้หมด!”

“โทนี่”เวธัสลุกขึ้นยืนอย่างเย็นชาและพูดกับโทนี่ที่ยืนอยู่ข้างนอกว่า “ส่งคุณณิชากลับไปซะ”

ณิชาเหมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ถูกต้อนจนเข้ามุม ปากของเธอตะคอกออกมา ดวงตาก็แดงก่ำ……

“ทำไม? แค่คุณโบกมือก็มีผู้หญิงตั้งมากมายเข้ามาแล้ว แล้วทำไมถึงต้องมาพัวพันกับฉันด้วย? ”

เวธัสเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขานั้นคมกริบ “คุณควรจะถามตัวเองนะ ว่าคืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อน ทำไมถึงได้บุกรุกเข้ามาที่ห้องของผม? แล้วทำไมถึงต้องมีลูกกับผมด้วย? ”

ดวงตาของณิชาสั่นเทา ทุกคำพูดติดอยู่ที่ปาก

ใช่ ทำไมเธอถึงต้องบุกเข้าไปที่ห้องของเขา แล้วก็คลอดลูกของเขาออกมาด้วย?

เรื่องราวมันถูกกำหนดไว้ให้คลุมเครือตั้งแต่แรกแล้ว……

เธอควรจะไปโทษใคร และไปโทษใครได้บ้าง?

……

หลังจากฝนตกท้องฟ้าก็แจ่มใส ณิชาออกมาจากสนธิไชยกรุ๊ปด้วยความงุนงง เหมือนผีที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนถนน

เธอเดินไปเดินมาก็มาถึงโรงเรียนอนุบาลที่ฝรั่งเศสของปัณณ์กับอรัล

ผ่านรั้วเหล็กสีดำ เธอได้แต่ยืนมองกลุ่มเด็กๆ เล่นในสนามอย่างสนุกสนานและเป็นอิสระ เล่นสไลเดอร์ ปั้นทราย ทำให้ตัวเองเลอะเทอะไปหมด

แต่ใบหน้าเล็กๆ ของทุกคนเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและบริสุทธิ์

ถ้าเกิดว่าลูกของเธอทั้งสองคนอยู่ที่นี่ ก็คงจะเป็นเหมือนพวกเขาใช่ไหม?

จู่ๆ ก็มีเสียงของเด็กน้อยดังขึ้นในหูของเธออย่างชัดเจนว่า “หม่ามี๊”ณิชาหันกลับไปทันที แต่ว่าบนถนนก็มีแต่คนเดินผ่านไปผ่านมา จะมีร่องรอยของปัณณ์ได้ยังไงกันล่ะ?

เธอเริ่มหูฝาดไปแล้วสินะ……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊