กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 317

เลือดลมของเวธัสพลุ่งพล่าน ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นกลิ้งลง เสียงแหบพร่าได้กล่าวเตือน “อย่าขยับ!”

ณิชาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขา ทั้งตัวจึงแข็งทื่อขึ้น “นี่มันเวลาไหนแล้ว ร่างกายของคุณยังไหวอยู่เหรอ”

“คุณสามารถลองดูได้ว่าผมไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงของเวธัสแหบพร่าขึ้นเรื่อยๆ และกระซิบคลอเคลียอยู่ข้างใบหูของเธอ เสียงไม่ดังมาก แต่กระจายไปทั่ว

ณิชาได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา ภาพวันวานที่หวานแหววได้ผุดขึ้นมาในสมอง ทำให้เธออยากจะร้องไห้……

เวธัสกอดเธอไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ

เธอได้ยินเสียงหายใจของเขาที่เต้นแรงและหนักหน่วง

ที่พวกเขาต้องสงบในตอนนี้ เพราะว่าต้องเอาตัวรอด ไม่มีแรงเหลือพอที่จะไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันวาน

แต่เมื่อทันทีที่ออกไป โซ่ตรวนเหล่านั้นยังคงล่ามอยู่บนตัวของพวกเขาทั้งสอง

จู่ๆ ดวงตาก็แดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่มีการเตือน ณิชาพยายามกะพริบตามกลั้นน้ำตาที่เหลืออยู่ไม่ให้เอ่อไหลออกมา พยายามทำให้จูบของตัวเองนั้นผ่อนคลายมากที่สุด “คุณยังมีอารมณ์ใจเย็นอีก ไม่กลัวคนร้ายตามมาเหรอ ฉันมักจะรู้สึกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเป้ามาที่ตัวคุณ”

เวธัสไม่พูดจาใดๆ เพราะคนกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่เขาจริงๆ

ณิชาก็แค่ตัวล่อเท่านั้น

ที่ใช้ร้อยแปดพันวิธีหลอกให้เขามาที่นี่ และก็จัดเตรียมนักฆ่าไว้เพื่อฆ่าเขาปิดปาก

อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ว่า คนที่ลักพาตัวณิชากับกลุ่มที่คนที่ไล่ฆ่าเขานั้น คนละระดับกัน

กลุ่มคนที่ไล่ฆ่าเขานั้นเป็นทหารมืออาชีพ ส่วนกลุ่มคนที่ลักพาตัวคือโจรพื้นเมืองดีๆ นี่เอง

วางแผนกันมาอย่างดิบดี ก็ถือว่าเป็นการไม่ปรามาสเขา

เขาสูดลมสายใจ เชยหน้าเธอขึ้น แล้วประทับรอยจูบอย่างดูดดื่มสองสามที

เมื่อณิชาทำท่าอยากจะหลบนั้น เขาได้คลายตัวเธอออกแล้ว “ผมจะพาคุณออกไปที่นี่อย่างปลอดภัย”

 ……

ทั้งคู่จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย แล้วข้ามแม่น้ำสายเล็กๆ จนในที่สุดโทรศัพท์ก็มีสัญญาณ

เวธัสติดต่อกับเอกได้แล้ว

แต่ทว่ากลุ่มของเอกและโทนี่ก็เผชิญกับนักฆ่าไม่น้อยเช่นกัน ทั้งหมดจึงติดอยู่ในป่าอยู่ชั่วขณะ เหลือเพียงไม่กี่คนและคุณหมอท่านหนึ่งเท่านั้นที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าเล็กๆ

เมื่อได้ยินว่าเจอตัวณิชาแล้ว กลุ่มคนเหล่านั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เวธัสยังคงแบกณิชาตลอดทางจนออกมาจากป่ามรณะได้ แล้วก็เป็นเช่นนั้น เห็นรถของคฤหาสน์สนธิไชยอยู่ในทางเส้นเล็กๆ นั่น

รถเบนท์ลีย์จอดอยู่ข้างทางท่ามกลางความมืดมิดอย่างเงียบๆ

แต่ว่าคนที่เฝ้านั้นกลับหายไป!

เวธัสรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ณิชาเองก็มองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย “คนของคุณล่ะ”

เธอยังคิดว่าเมื่อออกมาแล้วจะสามารถให้คุณหมอช่วยรักษาบาดแผลของเวธัส......

และในเวลานี้ มีเสียงดังจากระยะไกลมาสู่ใกล้ เหมือนกับกำลังมีวิ่งรถอยู่บริเวณรอบๆ

รถของคฤหาสน์สนธิไชยล้วนเป็นรถเบนท์ลีย์รุ่นเดียวกันทั้งหมด

ส่วนรุ่นของรถที่กำลังใกล้เข้ามาไม่ใช่รถเบนท์ลีย์อย่างแน่นอน

เวธัสตระหนักได้ว่าคนของเขาอาจจะตกอยู่ในอันตราย จึงหันมามองณิชาอีกครั้ง ที่ข้อเข่าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ถ้ากลับไปที่ป่ามรณะอีกครั้งมีแต่เผชิญกับสิ่งเลวร้าย

“ขึ้นรถ” เวธัสดึงประตูรถอย่างรวดเร็ว

แต่วินาทีที่นั่งเข้าไปนั้น เขากลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นทันที……

สายตากวาดมองแผนผังของตัวรถ ดวงตาชัดเจนขึ้นทันใด

แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น!

ณิชายังไม่ทันได้คาดเข็มขัดนิรภัย เวธัสก็ได้เหยียบคันเร่ง รถจึงพุ่งตัวออกไปทันที และวิ่งคดเคี้ยวอยู่ตามเส้นทางบนภูเขา

“รัดเข็มขัดนิรภัยแล้วนั่งให้ดี” เวธัสกำชับสั่งอย่างเคร่งขรึม

ณิชารู้ว่าด้านหลังมีทหารตามไล่ล่า จึงไม่กล้าทำให้เขาว่อกแว่ก

เส้นทางบนภูเขาเช่นนี้ โอกาสสูงที่จะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ!

เมื่อมองผ่านกระจกรถ เธอเห็นรถสองคันวิ่งไล่ตามมาจริงๆ ด้วย คันหนึ่งอยู่หน้าคันหนึ่งอยู่หลัง ทะเบียนรถถูกปกปิด เหมือนกับมีการดัดแปลง จึงมองไม่เห็นว่าเป็นเลขทะเบียนอะไร 

คนที่นั่งอยู่บนรถ เปิดเผยสีหน้าที่เหี้ยมเกรียมออกมาให้เห็น ความกลัวจึงแล่นเข้ามาในหัวใจเธอ!

เวธัสไม่คุ้นชินกับสภาพเส้นทางที่นี่ และรถด้านหลังก็ดันไล่ตามไม่ยอมปล่อย ความเร็วรถยิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้น อันตรายก็ยิ่งมากตาม

ณิชาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกๆ และความเงียบนิ่ง

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ของเวธัสออกมาชาร์จแบต และเปิดแผนที่นำทางล่าสุดออกมา

“ฉันจะบอกทางให้คุณ ด้านหน้าสามร้อยเมตรมีทางโค้งซ้าย……”

“ห้าสิบเมตร เลี้ยวขวา ทางลาดชันปกติทั่วไป”

……

ภายในรถเงียบสงัดมาก มีเพียงเสียงของณิชาที่คอยอธิบายสภาพเส้นทาง ถ้าตั้งใจฟัง จะได้ยินเสียงนั้นสั่นเครือเล็กน้อย

แต่เธอจ้องจดจ่ออยู่กับแผนที่นำทาง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย

“ด้านหน้าแปดร้อยเมตรมีทางแยก เลี้ยวขวาเข้าไปยังเส้นทางเล็กๆ มุ่งหน้าตรงไปสี่กิโลเมตร จะผ่านโค้งหักศอกหนึ่งร้อยแปดสิบองศา ก็จะถึงหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดแล้ว! ขอเพียงไปถึงหมู่บ้าน พวกเราก็จะปลอดภัย……” ณิชากล่าวเสียงดังด้วยความดีใจ

เมื่อเวธัสได้ยินคำว่าโค้งหักศอก นัยน์ตาก็หม่นลงทันที

ณิชายังคงอธิบายสภาพเส้นทางต่อไป และคำนวณทางแยกถนนที่ใกล้ที่สุด “เหลืออีกสามกิโลเมตร สองกิโลเมตร……”

รถสองคันหลังก็ดูเหมือนจะรู้เจตนาของเวธัสด้วย จึงรีบเร่งความเร็วพุ่งเข้ามา

ณิชาที่นั่งอยู่ในรถรับรู้ได้ว่าตัวรถสั่น ตัวเองก็โคลงเคลงตามด้วย โดยที่เหยียบไม่ถึงพื้น

ในที่สุด เหลือเพียงอีกห้ากิโลเมตร ณิชาก็เริ่มทำการเตือนให้รู้ “เรากำลังจะผ่านทางโค้ง ผ่านไปได้พวกเราก็จะปลอดภัย”

“อืม” เวธัสตอบรับเบาๆ แต่มือควบคุมอยู่ที่พวงมาลัย ความเร็วนั้นกลับไม่มีการลดลงแม้แต่น้อย

ท่อนแขนตึงแน่น กล้ามเนื้อมีกำลัง อาการบาดเจ็บของแผ่นไหล่มีร่องรอยของการฉีกขาด

ตอนแรกณิชาคิดว่าเขาคงยังเห็นเป็นระยะไกล แต่เมื่อยิ่งใกล้ทางโค้งมากขึ้นเรื่อยๆ เขากลับยังไม่ลดความเร็วลง!

“ช้าลงหน่อย! นั่นเป็นโค้งหักศอก ความเร็วนี้ พวกเราคงจะผ่านไปไม่ได้……” ณิชาเตือน

คู่ดวงตาเวธัสจ้องตรงไปยังด้านหน้า ริมฝีปากบางเม้มแน่น

แต่ความเร็วยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นณิชาก็ตระหนักถึงความน่าจะเป็น สีหน้าจึงเปลี่ยน จนเกือบจะกระโดดออกมาจากที่นั่งข้างคนขับ

“หรือว่า……เบรกแตก”

“นั่งดีๆ” เวธัสสีหน้าปกติ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรหรอก”

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตอบตรงคำถาม แต่ก็เป็นการยอมรับโดยปริยาย

ระบบเบรกพังจริงๆ ด้วย!

ถึงว่าตั้งแต่ตอนที่ออกมานั้น คนเฝ้าอยู่ข้างรถได้หายไปหมด

ถึงว่าคนเหล่านั้นตามมาอย่างติดๆ......

เห็นได้ชัดว่าคงจับพวกเขาในป่าไม่ได้ ดังนั้นจึงออกมาเฝ้าอยู่ด้านนอก!

รอให้พวกเขาสองคนขึ้นรถคันนี้แล้ว ก็คงจะยากที่จะลงมาได้อีก……

เห็นทีคงถูกกำหนดไม่ให้ผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้

เมื่อยิ่งเข้าใกล้โค้งหักศอกนั้น สมาธิของเวธัสก็ยิ่งน้อยลง สายตาของเขากวาดมองสองข้างทางอย่างต่อเนื่องด้วยดวงตาที่เย็นชา

ณิชายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการทำอะไร ก็ได้ยินเขาถามขึ้น “ถ้าหากว่าต้องกระโดดลงจากรถ คุณกลัวไหม”

“ฉันกลัวตายอยู่ที่นี่มากกว่า และไม่สามารถเจอกับลูกๆ ได้อีก” แม้สีหน้าจะขาวซีด แต่เธอยังคงมองเขาอย่างแน่วแน่

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊