กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 319

สองมือของเธออสั่นเทา พยายามควานหาแหวนในกระเป๋า น้ำตาไหลพรากบดบังสายตาจนพร่ามัว เธอตัวสั่น ในที่สุดก็หาแหวนเพชรที่เขาขอแต่งงานเจอ

กางมือออก และสวมลงบนนิ้วนาง

แต่ว่าการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างลนลาน ทำให้แหวนติดอยู่ตรงข้อนิ้วมือ ดวงตาเธอแดงก่ำ พยายามที่จะยัดแหวนให้เข้าไป จนผิวหนังบนข้อนิ้วมือถูกขูดถลอก แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด

เธอสวมแหวนแล้วชูขึ้น กางออกกลางแสงแดด……

“เวธัส คุณเห็นหรือยัง ฉันสวมแหวนแล้ว ฉันอยากได้งานแต่งงานสไตล์ตะวันตก ฉันอยากสวมชุดแต่งงาน ทำไมคุณถึงผิดสัญญา”

สิ่งเดียวที่ตอบกลับเธอคือความเงียบของอากาศและเสียงสายลมที่พัดผ่านเท่านั้น

เธอมองไปรอบๆ ตั้งตารอว่าเขาจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างฉับพลัน ยิ้มแล้วบอกกับเธอว่าคำพูดเมื่อสักครู่เขาได้ยินหมดแล้ว……

แต่สิ่งที่เธอได้ยิน มีเพียงเสียงดับรถ เธอจึงหันหลังไปมอง ก็เห็นคนไล่ตามมาแล้ว

หนึ่งในนั้นลงมาจากรถ และก็เป็นคนนั้นที่เวธัสแทงด้วยกริช เขาจ้องมองณิชาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ชั่วร้ายที่สุด

เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ณิชายังไม่ทันหายใจ ก็เป็นลมหมดสติไป

ก่อนหมดสติ ยังได้ยินเสียงคนเหล่านั้นกำลังหารือกันว่าจะจัดการอย่างไรกับเธอ……

……

โลกตกอยู่ในความมืด ณิชานอนอย่างเงียบๆ แล้วก็ฝันร้ายซ้ำๆ

เธอฝันเห็นเวธัสเพื่อช่วยเธอแล้ว รถได้ตกลงบนหน้าผา แล้วก็เผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน

แล้วภาพก็ได้ตัดไป เธอฝันเห็นลูกน้อยสองคนถามเธอว่า ทำไมคุณพ่อไม่อยู่แล้ว

ตัวของเธอสั่นเทา ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

และในเวลานี้ เธอได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเห็นเวธัสที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหน้าโชกไปด้วยเลือกเดิมมาหาเธอ

ร่างของเขาโปร่งแสงเหมือนลอยอยู่ในอากาศ ราวกับวิญญาณที่คลานออกมาจากนรก……

“ณิชา ทำไมคุณถึงไม่รับปากแต่งงานกับผมตั้งแต่เนิ่นๆ”

“คนร้ายลักพาตัวพวกนี้ตามคุณมา เป็นเพราะคุณทำให้ผมต้องตาย!”

“ถ้าหากไม่ใช่คุณ ผมก็คงไม่ต้องขึ้นไปนั่งอยู่บนรถคันนั้น……”

คำพูดเหล่านี้ประหนึ่งเสียงสวดคาถาที่ดังทะลุผ่านเข้าไปยังใบหูอย่างไม่หยุดหย่อน เธอสะอึกแล้วส่ายหน้า ร้องไห้ต้องการจะอธิบาย

แต่เขาไม่ฟัง ร่างของเขาลอยมาตรงหน้าเธอ แล้วยื่นมือออกมาบีบที่คอของเธออย่างแรง คู่ดวงตาแดงก่ำ “ในเมื่อคุณไร้ความปรานีเช่นนี้ อย่างนั้นก็ลงไปนรกเป็นเพื่อนผมเถอะ……”

“ขอโทษ ขอโทษ……”

ณิชากรีดร้องลั่นแล้วก็ตื่นจากฝัน

ปลายจมูกได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ และเธอถึงได้รู้ว่าเธอนอนอยู่บนเตียงสีขาวของเตียงผู้ป่วย

ขาขวาเจ็บปวดมาก แค่เพียงขยับเล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนจะหักให้ได้

ตามเนื้อตัวของเธอก็มีบาดแผลขีดข่วนนับไม่ถ้วน

ในห้องยังมีพยาบาลสาวคนหนึ่งที่กำลังวัดอุณหภูมิให้เธอ เมื่อเห็นเธอตื่นแล้ว จึงกล่าวด้วยความดีใจ “คนไข้ฝืนเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ เมื่อสักครู่คุณหมอเข้ามา ยังบอกว่าร่างกายของคนไข้อ่อนแอมาก อาจจะต้อง……”

ไม่รอให้พยาบาลกล่าวจบ ณิชารีบคว้าเสื้อของพยาบาล แล้วหายใจหอบ มีเหงื่อซึมออกมาตามหน้าผาก

“ใครเป็นคนพาฉันมาที่โรงพยาบาลคะ ใช่เวธัสหรือเปล่า เขายังไม่ตายใช่ไหมคะ”

พยาบาลสาวถูกเธอกระชาก คอเสื้อหลุดลงไปเกือบครึ่ง จึงรีบกดหลังมือของเธอไว้ด้วยสีหน้าที่งุนงง “ดิฉันก็ไม่ทราบว่าใครส่งคนไข้มา คนไข้อย่าเพิ่งใจร้อนนะคะ”

“อย่างนั้นเห็นชายหนุ่มที่ถูกส่งมาพร้อมกับฉันไหมคะ เขาหน้าตาดี และก็น่าจะบาดเจ็บด้วยเช่นกัน……” ณิชารีบถามอย่างลนลาน

โดยไม่กล้ากะพริบตาด้วยซ้ำ เพราะกลัวจะพลาดคำตอบของพยาบาล

พยาบาลจ้องมองเธอ “เขาเป็นอะไรกับคนไข้คะ”

“เขาเป็น……คู่หมั้นของฉันค่ะ” ณิชาลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม

สายตาของพยาบาลที่มองเธอ ฉับพลันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและเสียใจ ดวงตาเช่นนี้ทิ่มแทงทะลุหัวใจของณิชาอย่างเจ็บปวด มือที่คว้าชายเสื้อของเธอไว้ก็ได้เพิ่มแรงหนักขึ้นในทันใด

“คนที่ถูกส่งมาพร้อมกับคนไข้ เป็นคนไข้ผู้ชายจริงๆ แต่ว่าระหว่างมาโรงพยาบาล ได้ทำการช่วยเหลือยื้อชีวิตแล้ว แต่สุดความสามารถจึงเสียชีวิตลงแล้วค่ะ”

เสียชีวิต……

สามคำสั้นๆ ราวกับสายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ ทำให้ณิชาเจ็บปวดใจสุดขีด

เธอผลักพยาบาลออก วิ่งไปที่ห้องเก็บศพอย่างสูญเสียการควบคุม ต้องการจะเห็นเวธัสเป็นครั้งสุดท้าย

เขาได้ถูกแช่แข็งแล้ว

มองดูคนไข้ที่เดินขวักไขว่ตามทางเดิน ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ กุมหัวใจไว้แน่นแล้วค่อยๆ นั่งยองลงไปกับพื้น ศีรษะซุกอยู่ตรงหว่างขาและร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อย……

ผ่านไปสักพัก เข่าของเธอเริ่มชา ตรงหน้าปรากฏรองเท้าหนังมันวาวคู่หนึ่ง

“คุณณิชา คุณนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ทำไม” เสียงของเอกดังลอยมา

ณิชาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเหม่อลอย  ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เธอกลับไม่เห็นความหดหู่สิ้นหวังบนใบหน้าของเอก ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะผุดความหวังขึ้นมา

“เป็นคุณที่ส่งฉันมาที่โรงพยาบาลเหรอ แล้วเวธัสล่ะ……”

“คุณเวธัสเขา……” เอกมองณิชาด้วยใบหน้าที่ลำบากใจ ไม่รู้จะตอบเธออย่างไรดี

ณิชาร้อนใจจนจะร้องไห้อีกครั้ง กลั้นความเจ็บปวดของบาดแผลแล้วค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมา และกล่าวเร่ง “คุณรีบพูดสิ! เขาอยู่ที่ไหนกันแน่!”

“ให้ฉันบอกกับเธอแล้วกัน——”

ในเวลานี้ มีเสียงที่หยิ่งทะนงของหญิงสาวได้ลอยมา และเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอวดดี

เสียงนั้นเป็นเสียงที่ณิชาคุ้นเคยดี เป็น……

กันญ่า!

ณิชาหันหลังไปมอง แล้วก็เป็นเช่นนั้น เห็นมือข้างหนึ่งของกันญ่าประคองเอวไว้และเดินเข้ามาหาเธอ

ถึงแม้ครรภ์ของเธอจะยังไม่ถึงสามเดือน แต่เธอก็สวมชุดคลุมท้องแล้ว เพราะอย่างกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ และเธอก็ยังสวมรองเท้าส้นเตี้ยด้วย

และด้านข้างของเธอยังมีชายชราที่ร่าเริงยืนอยู่

นัยน์ตาของชายชราประหนึ่งคบเพลิง ที่ค่อยๆ กวาดมองมาทางณิชา……

“คุณท่าน” เอกเห็นประเสริฐเดินเข้ามา จึงรีบโค้งคำนับทักทาย แล้วเขยิบออกไปข้างๆ เพื่อหลบทางให้ ขณะเดียวกันก็ขยิบตาให้กับณิชา

แต่ณิชาไม่ได้สนใจเจตนาของเอกมากนัก

ประเสริฐใช้ไม้ค้ำหัวมังกรด้วยมือซ้าย มือขวาถูกประคองด้วยกันญ่า รองเท้าหนังสีดำที่มันวาวสะท้อนเหยียบอยู่บนพื้น เปล่งเสียงดังอย่างกดดันออกมา เขาแทบจะใช้หางตาในการมองณิชา……

“เธอก็คือณิชาที่ทำให้หลานชายของฉันลุ่มหลงจนหัวปักหัวปำคนนั้นเหรอ”

เมื่อไม่กี่วันก่อน ลุงพรกับบอดี้การ์ดในที่สุดก็ได้พาสองหนูน้อยกลับไปที่เมืองพร คิดไม่ถึงว่านอกจากลุงพร ทุกคนต่างขาหักกันหมด อีกทั้งยังถูกเวธัสตักเตือนว่า อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของเขา

แล้วนี่จะให้ประเสริฐทนได้อย่างไร

หนูน้อยสองคนก็ใช่ย่อย วันดีคืนดีงอแงร้องอยากออกไปด้านนอก ไม่อย่างนั้นจะไม่ทานอาหารใดๆ หรือไม่ก็จะขว้างปาข้าวของ และยังจุดไฟเผาพัดที่เขาเพิ่งได้มาจากตลาดของเก่าอีก!

ทำให้เขาโกรธอย่างมาก……

ฝั่งนี้ยังไม่ทันบรรเทาความโกรธลง ก็ได้รับข่าวจากกันญ่า ว่าเวธัสบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อณิชา ตอนนั้นเขาแทบนั่งไม่ติดก้น และได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวข้ามคืนมาที่นี่

โชคดีที่ทุกอย่างยังไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ทุกอย่างยังทันกาล

“สวัสดีค่ะ ท่านประเสริฐ” ณิชาโค้งคำนับกล่าวสวัสดีท่านประเสริฐ บาดแผลตามเนื้อตัว ทำให้การเคลื่อนไหวที่ง่ายๆ เช่นนี้ส่งความเจ็บปวดไปถึงหัวใจ

แต่ว่าในใจกลับมีความสุขมาก……

เธอสามารถมองออกถึงแววตาของพวกเขา ว่าเวธัสนั้นยังไม่เสียชีวิตอย่างแน่นอน!

เขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของท่านประเสริฐ หากว่าเกิดเรื่อง ท่านประเสริฐไม่มีทางที่จะมาถามหาความผิดอยู่ที่นี่ได้

“ฉันไม่ใช่ธัส ไม่หลงกลนี้ของเธอหรอก เธอก็ถือว่าเก่งเหมือนกัน ที่สามารถซ่อนเหลนตัวน้อยของตระกูลสนธิไชยถึงสี่ปี คงใช้ความคิดไปอย่างมากเลยล่ะสิท่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊