เขาใส่ชุดคนไข้ลายทางสีฟ้าขาว หลับตาลงอย่างสงบนิ่ง แพขนตายาวอันงดงามไร้การขยับเขยื้อน บนหลังฝ่ามือใส่สายน้ำเกลือ เหมือนว่าเพิ่งจะเปลี่ยนเป็นขวดใหม่ได้ไม่นาน และยังคงมีน้ำเกลือเต็มขวด
คุณหมอพูดว่าสมรรถภาพร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก น่าจะใช้เวลาไม่กี่วันก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
เดิมทีประเสริฐอยากจะพาเขากลับประเทศทันที แต่ก็กลัวข่าวรั่วไหลออกไป จนทำให้เกิดสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ ฉะนั้นจึงล้มเลิกความคิดนี้ออกไป และตัดสินใจรอให้เวธัสฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เรื่องนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสอันประจวบเหมาะให้แก่ณิชา
พยาบาลพิเศษมองเห็นณิชาเดินเข้ามาจากริมระเบียง พลันตกใจทันที และชี้ไปในห้อง จึงหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู หลังจากนั้นตนเองก็ยืนรออยู่ริมระเบียงเพียงคนเดียว เพื่อเว้นช่องว่างให้แก่พวกเขาได้อย่างเพียงพอ
ณิชาจ้องมองพยาบาลหนุ่มอย่างซาบซึ้ง พลันค่อยๆ เดินเขยิบมาอยู่ด้านหน้าเตียงของเวธัสอย่างเงียบเชียบ...
พลันชะเง้อมองแก้มอันซีดเซียวนิ่งสงบของเขา เนื่องด้วยความอ่อนแอ ทำให้ความบ้าคลั่งและความเข้มงวดจึงลดระดับน้อยลงกว่าปกติ และเพิ่มความอ่อนโยนมากขึ้น
ณิชาป้องปาก จู่ๆ เกิดความรู้สึกทั้งดีใจและเศร้าใจพรั่งพรูประสานกัน จนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดตีขึ้นมาในหัวใจ...
ช่างดีจริงๆ ที่เขายังมีชีวิตอยู่
เธอนั่งอยู่ขอบเตียง ปลายนิ้วเรียวยาวค่อยๆ ลูบไล้โครงหน้าอันลึกซึ้งของเขา โดยเริ่มจากดวงตาตาที่ปิดสนิทของเขาก่อนเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยแพขนตาอันหนาทึบ และค่อยไล่ลงลากยาวลงมายังสันจมูกโด่ง ริมฝีปากบางตามลำดับ...
ตอนที่ลูบไล้มุมปากของเขานั้น เธอชะงักการกระทำทันที
เธอค้นพบว่าทางด้านขวาของริมฝีปากล่างมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย จนตอนนี้ตกสะเก็ดแล้ว
ตอนที่อยู่บนรถนั้น จู่ๆ เขาก็ผลักเธอออก เธอกัดอย่างไม่รู้ตัว
“เวธัส ขอโทษนะ คุณต้องฟื้นมาเร็วๆ นะคะ” ณิชาสอดนิ้วประสานมือใหญ่ๆ ของเขา และเริ่มนวดให้เขาอย่างเชื่องช้า
ซึ่งเหมือนว่านวดจนร้อนมากขึ้น อุณหภูมิของเขาก็ยิ่งสูงขึ้น ก็หมายถึงพลังชีวิตของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น...
และก็ไม่รู้ว่าความนิ่งเช่นนี้จะอยู่กับเขาไปนานขนาดไหน ทั้งๆ ที่ณิชาพูดขอมาดูแป๊บเดียวก็จะออกไปแล้ว แต่กลับไม่เต็มใจที่จะออกไป
เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ ความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เหนื่อยจนลืมตาไม่ขึ้น จากความเหน็ดเหนื่อย
จังหวะที่เวธัสกระโดดลงจากรถช้าไปเพียงเศษเสี้ยว จนสมองกระแทกอย่างไม่ทันระวัง
แม้ว่าจะอยู่ในสภาพโคม่าก็ตาม สมองก็เจ็บปวดเจียนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หัวคิ้วของเขาขมวดไว้แน่น พลันเกิดความรู้สึกว่ามีคนกุมมือของเขาเอาไว้ตอนที่ตกอยู่ในภวังค์ ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน และเหมือนมีคนมากระซิบบางอย่างข้างหูของเขาอยู่บ่อยครั้ง
ข้อนิ้วของเขาขยับเล็กน้อย เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
ภายในห้องพักผู้ป่วยเปิดไฟสีเหลืองสลัวข้างผนังห้องเอาไว้หนึ่งดวง เขาเพิ่งลองขยับตัวเล็กน้อย จนค้นพบว่ามีมือเล็กๆ อันอ่อนนุ่มคู่นั้นกุมมือตนเองเอาไว้
บริเวณแผ่นหลังและต้นขาของเขาเจ็บปวดจนมีเกิดความรู้สึกฉีกขาดอยู่เป็นระยะ จนทำให้เขาสูดลมเย็นๆ เข้าปากอย่างอดไม่ได้
สายตามองไล่ตามมือเล็กข้างนั้นขึ้นไป ณิชากำลังนอนหลับสนิทพาดบริเวณขอบเตียง
เส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย คลอเคลียอยู่ข้างแก้มอย่างไม่เชื่อฟัง จนปิดบังดวงตาอันงดงามของเธอทันที
พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนตกหน้าผา ดวงตาฉายความโหดเหี้ยมออกมาแวบหนึ่งทันที
ครั้งนี้ถือว่าโชคช่วย ที่พวกเขารอดมาได้ เขาไม่มีวันให้เกิดเรื่องซ้ำสองขึ้นเป็นอันขาด!
พลันใช้มืออีกข้างหนึ่งปัดปอยผมประปรายของเธอออกจากตรงขมับ เวธัสชะเง้อคอมองหญิงสาวที่คอยเฝ้าตนเองอยู่ ครั้งนี้ เขาจ่ายด้วยราคาอันแสนเจ็บปวด ก็น่าจะรั้งให้เธออยู่ต่อได้แล้วมั้ย?
เวลานั้นเอง เวธัสสัมผัสได้ถึงหญิงสาวที่กุมมือไว้เริ่มดิ้นรนอย่างไม่สงบ และเริ่มเปลี่ยนมาหายใจเร่งรัดขึ้น--
“เวธัส อย่า...อย่าตายนะ...”
จากการละเมอเพ้อพกอย่างแผ่วเบา เหมือนว่าบริเวณหางตามีน้ำตาไหลออกมา ไม่รู้ว่ากำลังฝันอะไรอยู่
“ณิชา?” เวธัสรีบบีบมือเล็กของเธอทันควัน และเขย่าหัวไหล่ของเธอเพื่อปลุกให้ตื่นขึ้น “ตื่น...”
ณิชาถูกเขาเขย่าจนตื่นขึ้นมา แต่ยังคงอยู่ในสภาพท่ามกลางฝันร้าย จึงไม่ได้สติอยู่สักพัก แต่ก็จ้องมองผู้ชายที่จู่ๆ ก็ฟื้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอยู่ด้านหน้าอย่างมึนงง น้ำตาทอประกายเอ่อล้นอยู่ในเบ้าตา
“ฝันร้ายเหรอ?” เวธัสยื่นมือออกไปปาดคราบน้ำตาที่อาบแก้มเธออยู่ เจ็บปวดรวดร้าวมาก
“เว...เวธัส คุณฟื้นแล้วเหรอ ? ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้วเหรอ?”
ในที่สุดณิชาก็ตั้งสติกลับมาแล้ว หลุดพ้นจากอาการฝันร้าย ปลายจมูกและเบ้าตาแดงก่ำ จนกล่องดวงใจพองโตด้วยความยินดี
เธอลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น และประเมินเขาทั้งตัวอย่างจริงจัง
จู่ๆ เวธัสพลันเกิดความรู้สึกถึงมือเล็กๆ ของเธอหายไปจากฝ่ามือของเขา จนหัวใจเวธัสเวิ้งว้างว่างเปล่า จึงกางแขนออกข้างหนึ่งให้เธอทันที “มานี่มะ ให้ผมกอดหน่อยนะ”
ณิชาร้องไห้สะอึกสะอื้น พลันกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างไร้การปฏิเสธ ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ และบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้งจนเสียงคลุมเครือดังไม่ชัดเจน “ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว! คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องมากมายกับคุณ กลัวมากเหลือเกินว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว...”
แขนขวาของเวธัสมีบาดแผล ได้แต่กอดเธอหลวมๆ ริมฝีปากบางของเขาแนบชิดแก้มของเธอ จนได้ลิ้มลองรสชาติเค็มจางๆ
จากนั้นจึงประทับรอยจูบค่อยๆ เคลื่อนลงตามแก้มของเธอ...
“ผมยังไม่ตาย คุณร้องไห้เสียใจปานนี้ มันเป็นลางไม่ดีนะครับ”
เขาพูดเกลี้ยกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างแผ่วเบา อยากจะพูดล้อเล่นแต่กลับไร้เรี่ยวแรง
“ต่อไปนี้ถ้าคุณกล้าทิ้งฉันอีกคงต้องลองดูสักตั้งแล้วแหละ!” ณิชาถลึงตามองเขาอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้น น้ำตาพลันไหลพรากลงมาอย่างผิดหวัง “ฉันไม่อนุญาตให้คุณเอาชีวิตของตัวเองมาเป็นเดิมพัน ไม่งั้นฉัน ...ฉันจะหอบเด็กสองคนไปอยู่กินกับคนอื่น ให้พวกเขาเรียกธนาว่าพ่อ ฉันจะโกรธเคืองจนคุณนอนตายตาไม่หลับเลยทีเดียว...”
เวธัสเพ่งมองเธอ นัยน์ตาลึกซึ้งดำดิ่งมากกว่าเดิม “ผมเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาแท้ๆ คุณก็มาเกรี้ยวกราดใส่ผมขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
เขาพูดไปด้วย พลันเอามือทาบหน้าอก พยายามงอตัวเล็กน้อย ด้วยท่าทางหายใจลำบาก
ณิชาตื่นตระหนกทันที กลัวจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ พลันรีบยื่นมือออกไปตรวจสอบบริเวณแผงอกของเขาทันควัน....
ดวงตาของเวธัสทอประกายเล็กน้อย จนอยากจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มในอ้อมกอด
แต่สภาพบาดแผลเต็มตัวที่กำลังเจ็บปวดระบม จนไม่สามารถเรียกเรี่ยวแรงแม้เพียงเล็กน้อยออกมาได้สักนิด
ทันใดนั้นเขาก็ทำหน้าตาเขียวปั้ดด้วยความรู้สึกเสียใจ
ทำไมถึงทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพนี้ไปได้นะ อยากจะกอดเธอก็ยังลำบากมาก
มิเช่นนั้นขนาดในความฝันเธอยังตะโกนชื่อของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาต้องจัดการกดทับเธอตรงหัวเตียงอย่างแน่นอน...
เมื่อคิดเช่นนี้ เลือดลมในร่างกายสูบฉีดอย่างเดือดพล่าน
ณิชาคอยคลำบริเวณแผงอกของเขาอยู่นาน จนคลำเจอแต่ความเนียนลื่น โดยที่ไร้ร่องรอยบาดแผลอื่นใด พลันกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว “ภายในบาดเจ็บใช่มั้ย? คุณรอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปเรียกพยาบาลมาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ...”
“อย่าครับ” เวธัสดึงเธอกลับมาครอบครองอย่างเอาแต่ใจ เพราะโดนเธอลูบคลำจนจิตใจเตลิดเปิดเปิงไปไกลเสียแล้ว
น้ำเสียงพลันแหบพร่ามากกว่าเดิม
“คำพูดเหล่านั้นที่คุณพูดตรงชะง่อนหน้าผาผมได้ยินทั้งหมด ตราบใดที่ผมกลับมา คุณก็จะยอมตอบตกลงผมทุกอย่างใช่มั้ยครับ?”
“…” ณิชาพลันฉุกคิดถึงตอนเสียอาการ จึงรู้สึกไม่พอใจบ้าง พลันสูดจมูก น้ำเสียงอู้อี้ “ฉันจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ”
“ต้องการให้ผมพูดซ้ำอีกครั้งมั้ยครับ? ที่คุณตะโกนออกมาว่า ‘ฉันสวมแหวนแล้ว ฉันอยากได้งานแต่งงานสไตล์ตะวันตก’ ”
เวธัสจงใจใช้ปลายคางถูไถบริเวณหัวไหล่ของเธอ เริ่มบดขยี้เล็กน้อย เวลาพูดออกมาก็เหมือนสัมผัสถึงขนอ่อนเล็กๆ บนแก้มของเธอ จนเกิดอาการเกร็งชา
แก้มของณิชาแดงแจ๋ทันที เพลิงกองไฟลุกโชนบริเวณลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาโฉบผ่าน
“ณิชา คุณยังชอบผมอยู่ อย่าทรมานผมอีกเลย….” เขาล้มเลิกการต่อต้านของเธอแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นคำร้องขอไม้อ่อนก็แล้ว แต่เขากลับใช้ปลายนิ้วเขี่ยลากวนเวียนเป็นวงกลมรอบๆ ต้นคอของเธอ
ความใกล้ชิดสนิทสนมที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้ร่างกายณิชาสั่นเทาดั่งกระแสไฟฟ้าช็อตทั่วตัว
เธอถูกสะกดให้แหงนหน้าสบตาดวงตาอันดำขลับคู่นั้นของเขาโดยตรง จนเกือบจะถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว พลันสอดประสานนิ้วมือของเขาไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของณิชารู้สึกเจ็บปวด พลางเปิดเผยความเปราะบางของเธอตามความจริง ที่ไม่สามารถปล่อยผู้ชายคนนี้ไปได้...
ผู้ชายคนนี้ยอมทิ้งชีวิตเพื่อเธอ
เวธัสมองเห็นเบ้าตาของเธอเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อย จึงดึงมือของเธอเพื่อให้กอดเอวสอบของเขาเอาไว้ พลันจุมพิตริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยคลื่นความรักที่ไม่สามารถมลายหายไปได้....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...