เมื่อครู่ประเสริฐมัวแต่สนใจตัวของเวธัส ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตมากนัก พลันชำเลืองมองเธอ และส่ายหน้าไปมา
“คุณกันญ่าครับ โทรศัพท์ของผมน่าจะดังครับ” บุรุษพยาบาลพิเศษออกโรงอธิบายก่อนอย่างทันควัน
กันญ่าได้แต่ยิ้มให้เขา จากนั้นก็ปล่อยมือจากท่านประเสริฐ และเดินย่ำรองเท้าพื้นแบนมุ่งหน้าไปยังห้องพักพยาบาลพิเศษทันที
บุรุษพยาบาลพิเศษเห็นเธอเตรียมจะไปยังห้องที่ณิชาซ่อนตัวอยู่ ด้วยความกังวลใจจนหัวใจเต้นรัวผิดจังหวะ “คุณกันญ่าครับ ห้องผมรกมาก เกรงว่าจะทำให้คุณเสียสายตาครับ”
“คุณได้กลิ่นมั้ย?”
ริมฝีปากแดงอันงดงามของกันญ่ากระตุกขึ้น แม้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ทุกครั้งที่ออกจากบ้านก็จะทาลิปสติก เพื่อเพิ่มออร่าให้ตนเอง เติมเต็มบรรยากาศให้มากขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของกันญ่า ทุกคนต่างแข็งทื่อทันที
พยาบาลพิเศษถามกลับอย่างมึนงง “ได้กลิ่นอะไรหรือครับ?”
“กลิ่นน้ำหอมดอกการ์ดิเนีย”
เริ่มตั้งแต่เธอเดินเข้ามาพร้อมกับท่านประเสริฐ ก็ได้กลิ่นนี้ทันที
แต่ตอนแรกนึกว่าตนเองตั้งท้องอยู่จึงเกิดอาการประสาทหลอน กระทั่งมีเสียงโทรศัพท์เสียงนั้นดังขึ้น...
เอกแอบสบถออกมา
เขาลืมไปเสียสนิท ณิชาจะมีกลิ่นดอกการ์ดิเนียจางๆ หอมติดตัว!
แถมกลายเป็นหลักฐานที่ทรยศเธอเองในเวลานี้
กันญ่าผลักบุรุษพยาบาลออก พลันเดินปรี่มุ่งหน้าไปยังห้องทันที โดยก้าวฝีเท้ายาวๆ ราวกับต้องการดึงคนที่อยู่ด้านในออกมาอย่างเร่งด่วน แววตาซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้...
“มาดูนี่สิ มือของคุณเวธัสเริ่มขยับแล้ว!” ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตคับขัน ทันใดนั้นเอกก็ชี้มาที่มือขวาของเวธัสที่พาดอยู่ขอบเตียงและตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความปีติยินดี
บรรยากาศเหมือนเงียบสนิทในชั่วพริบตา จากนั้นดวงตาของทุกคนต่างมากระจุกรวมกันอยู่ที่มือขวาของเวธัส
เหมือนผสมโรงกับคำพูดของเอกด้วย นิ้วนางกับนิ้วกลางมือขวาของเวธัสค่อยๆ สั่นเล็กน้อย พยายามขยับเขยื้อนให้น้อยที่สุด จนหมอยังจับสังเกตได้ จนรู้สึกประหลาดใจมาก
“ท่านครับ ยินดีด้วยครับ คุณเวธัสใกล้จะฟื้นแล้วครับ...”
ท่านประเสริฐตกตะลึงก่อนชั่วครู่ พลันพูดทันควัน “รีบไปเรียกคุณหมอคนอื่นมาเร็ว มาตรวจตาธัสอีกครั้ง บนตัวของเขามีแต่แผลเต็มตัว ตอนฟื้นขึ้นมาต้องเจ็บปวดทรมานมากๆ แน่...”
กันญ่าได้ยินเวธัสฟื้นแล้ว จึงตื่นตระหนกทันที
เตชินท์ยังไม่ได้ไปเอายามา ทำไมเวธัสถึงใกล้จะฟื้นได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?
จึงไม่ได้สนใจถึงเรื่องไล่ตรวจสอบว่าณิชาอยู่ในห้องนั้นหรือไม่ ในทางกลับกันก็แค่อยากอยู่กับเวธัส ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือการไม่ให้เวธัสฟื้นขึ้นมาในเวลานี้ได้!
จึงฉวยจังหวะตอนที่คุณหมอท่านอื่นกำลังวุ่นวายอยู่ กันญ่าแอบเดินมุ่งหน้าไปส่งข้อความหาเตชินท์ตรงมุมห้อง--
“เตรียมยาไว้ดีหรือยัง? ทางโรงพยาบาลมีความเคลื่อนไหวแล้วนะ”
……
กลุ่มหมอต่างห้อมล้อมเวธัสและตรวจสอบกันอย่างชุลมุน
แต่หลังจากที่เวธัสขยับมือแล้วก็ไม่มีลางบอกเหตุอื่นใดอีกเลย
ท้ายที่สุดทางคุณหมอจึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นครับ? บอกว่าตาธัสจะฟื้นแล้วไม่ใช่เหรอ?” ท่านประเสริฐใช้ไม้เท้าเคาะเต็มแรง กระทุ้งเพื่อแสดงความรู้สึกไม่พอใจของตนเองออกมา
ทำหน้าตาทมึงทึงเย็นชาตามมาทันที
“คุณเวธัสเกือบจะฟื้นแล้วครับ พลังจิตของคนไข้แรงกล้ามากครับ แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายของเขาในเวลานี้ค่อนข้างย่ำแย่มาก รอจนร่างกายฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอนครับ” คุณหมอได้แต่พูดอธิบายอย่างอ้อมค้อม
กันญ่าเดินออกมาจากมุมห้อง เพื่อประคองท่านประเสริฐ “คุณปู่คะ หนูคิดว่าน่าจะเป็นเพราะในห้องคนเยอะมากเกิน บรรยากาศอึดอัดมาก เอางี้มั้ยคะให้ทุกคนออกไปให้หมด ให้คุณเวธัสพักผ่อนคนเดียวให้สบายอยู่ในห้องสักระยะ บางทีเขาอาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ค่ะ”
“มีความเป็นไปได้นะ...” คุณหมอเห็นกันญ่าช่วยแก้ตัวให้ตนเอง จึงรีบสมทบทันที
ท่านประเสริฐเลิกคิ้วขึ้น พลันโบกมือเพื่อให้ทุกคนออกไปให้หมดทุกคน
เขายืนอยู่หน้าเตียงคนไข้พลันใช้สายตาจ้องมองเวธัสอยู่สักพัก และค่อยเดินตามหลังไป
ห้องพักคนไข้ที่เสียงเอะอะเอ็ดตะโรพลันเงียบสงบลงในพริบตา
ณิชาที่แนบชิดกำแพงประตูบานหนึ่งในห้องด้านข้าง ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น พลันถอนหายใจยาวโล่งอก
เมื่อครู่เสี่ยงอันตรายจริงๆ
เธอรีบปิดระบบการสั่นของโทรศัพท์ทันที และเปลี่ยนเป็นระบบปิดเสียงแทน
เนื่องจากหน้าต่างของห้องนี้ทะลุด้านใน ซึ่งเท่ากับเมื่อครู่เธอเองก็เห็นกันญ่าวิ่งมาอยู่ตรงมุมห้องทางนี้ด้วย
เหมือนเธอส่งข้อความออกไปหนึ่งข้อความ ส่งให้ใครเหรอ?
ทำไมพอได้ยินเรื่องที่เวธัสฟื้น ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยล่ะ?
“คุณณิชา ไม่มีเรื่องอะไรแล้วครับ คุณออกมาได้แล้ว…” หน้าผากบุรุษพยาบาลผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆ ขึ้น ตอนที่เปิดประตูห้อง
ณิชายิ้มให้บุรุษพยาบาลเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ พลันรีบเดินไปหาเวธัสอย่างรวดเร็ว
เวธัสนอนหงายอยู่บนเตียง เมื่อจับสัมผัสเงาตะคุ่มของร่างกายผอมบางเงาหนึ่งฉาบทาบลงใบหน้าของเขา จึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
ณิชากำลังเดินผ่านตัวเขาไปและทำทีเป็นเหมือนหัวขโมย พลันแนบกับบานประตูหลักและคอยแอบฟังทางด้านนอก
ใบหูอันงดงามคู่นั้นเหมือนแดงระเรื่อขึ้น โดยไม่รู้ว่าเมื่อครู่รีบร้อนมากเกินไปหรือไม่
เวธัสทั้งตลกและโกรธพร้อมๆ กัน...
เขาค่อยๆ ลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ เมื่อณิชามั่นใจแล้วว่ากลุ่มคนพวกนั้นต่างออกไปหมดแล้ว พลันหันหลังกลับมาและเหลือบมองพฤติกรรมลุกจากที่นอนของเขา ด้วยแววตาเคร่งขรึม
“คุณลุกขึ้นมาได้ยังไงคะ? เมื่อกี้คุณหมอก็พูดแล้วว่าสภาพร่างกายของคุณมันย่ำแย่มาก...”
“ผมกระหายน้ำ” เวธัสลากโทนเสียงยาว ไร้เรี่ยวแรง โดยที่ไม่รู้ว่าอ่อนแอจริง หรือว่าเขาจงใจทำกันแน่ ส่งผลให้ตอนพูดน้ำเสียงแหบแห้ง เหมือนออดอ้อนอยู่
ณิชาคิดปะติดปะต่อเชื่อมโยงไปถึงปัณณ์อย่างไม่รู้ตัว
ตอนเขาสิ้นหวัง ก็มักจะแสดงท่าทางหมดเรี่ยวแรงแบบนี้
ณิชาเหมาเวธัสที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้กับความน่าสงสารของปัณณ์เอามารวมกันในเวลานี้
“คุณอย่าขยับสิคะ นอนนั่นแหละ ฉันจะไปรินน้ำให้คุณเอง”
ณิชาไร้การต่อต้านสักนิด พลันวิ่งไปยังกาน้ำร้อนที่รักษาอุณหภูมิน้ำให้อุ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อรินน้ำออกมา
พอหันศีรษะกลับมาจึงพบว่าบุรุษพยาบาลหนุ่มกำลังแสดงท่าทางขวยเขินตอนที่จ้องมองพวกเขาสองคน
บุรุษพยาบาลหนุ่มพอจะทราบดีว่าตนเองเป็นส่วนเกิน จึงเกาศีรษะ และแอบหลบเข้าไปอยู่ในห้องอย่างเร่งรีบ
แก้มณิชาร้อนผ่าวดั่งโดนไฟแผดเผาทันที
ทำไมถึงเหมือนว่ากำลังเล่นชู้กันเลย?
……
เตชินท์ได้รับข่าวจากกันญ่า จึงรีบบึ่งมายังโรงพยาบาลทันที
ภายในรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งฝั่งตรงข้ามของโรงพยาบาล กันญ่าเพ่งมองขวดกระเบื้องสีขาวขวดเล็กที่อยู่ในมือ ดวงตาเปล่งประกายรัศมีแห่งความชั่วร้ายออกมา
เดิมทีเธอคิดจะซื้อตัวพยาบาลคนหนึ่ง โดยวางแผนฉีดผสมตอนเปลี่ยนน้ำเกลือให้เวธัส
แต่ตอนนี้ไม่ทันการเสียแล้ว จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไม่ให้เวธัสฟื้นกลับมาอีก...
ที่สำคัญกว่านั้นคือไม่สามารถให้เวธัสพูดความลับว่าเด็กในท้องของเธอไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลสนธิไชย
กันญ่าหยิบชุดพยาบาลขึ้นมาหนึ่งชุดที่ได้จัดเตรียมวางไว้เบาะนั่งทางด้านหลัง
“คุณจะลงมือด้วยตนเองเหรอครับ?” เตชินท์ตาลีตาเหลือกเร่งรุดมาโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน พอเห็นว่าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า พลันขมวดคิ้วหน้านิ่วทันที
“ฉันซื้อกะเย็นคืนนี้ของพยาบาลคนหนึ่งเอาไว้”
กันญ่าจัดการวางขวดกระเบื้องเล็กๆ ไว้ในช่องเก็บของ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว พลันหยิบหน้ากากปิดปากที่พับอย่างเรียบร้อยผืนใหม่ออกมาหนึ่งแผ่นจากกระเป๋า พร้อมทั้งจัดการม้วนผมเพื่อเก็บทรงให้เรียบร้อย
ถ้าเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความระมัดระวัง จะได้ไม่เจอบอดี้การ์ดของตระกูลสนธิไชย ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้น
เตชินท์ร้อนใจแทน เพราะพิษยาของตัวยาชนิดนี้ร้ายกาจมาก โดยใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงก็สามารถจัดการคนให้เสียชีวิตได้ทันที
ตอนแรกเขารอหลังจากพยาบาลวางยาเวธัสแล้วก็จะฆ่าพยาบาลปิดปากทันที
จะได้เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่มีใครสามารถสาวมาถึงพวกเขาได้
แต่กันญ่าต้องการลงมือด้วยตนเอง...
กันญ่าจงใจทำให้ผมยุ่งเหยิงมากขึ้น และหยิบเอาขวดกระเบื้องเล็กติดมือมา พลันผลักประตูรถและเดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณโรงพยาบาล
“ญ่า เดี๋ยวสิ” ขมับบริเวณหน้าผากของเตชินท์เต้นตุบตับ “คุณไปไม่ได้นะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊