กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 366

สรุปบท บทที่ 366 ให้ท่าเวธัส: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊

อ่านสรุป บทที่ 366 ให้ท่าเวธัส จาก กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 366 ให้ท่าเวธัส คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่อันว่างเปล่า เวธัสกำลังประชุมอยู่ห้องประชุมที่อยู่ทางด้านข้าง

เธอมองเห็นสูทตัวนอกของชายหนุ่มพาดไว้บนพนักเก้าอี้ทำงานตัวสูงใหญ่

เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหา และช้อนชายเสื้อขึ้นมาสูดดม น้ำหอมการ์ดิเนียจาง ๆ เตะเข้าจมูก เธอเปลี่ยนท่าทีแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างเต็มที่...

จากนั้นตามมาติดๆ เธอเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหยิบลิปสติกออกมาจากกระเป๋า และยัดใส่กระเป๋าเสื้อสูทของเวธัส

เมื่อได้ยินมีความเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก ก้อยรีบแกะกระดุมเสื้อออกหลายเม็ด พลันนอนตะแคงแสร้งนอนหลับสลบอยู่บนโซฟา เนื่องจากการถูกบีบอัดจากท่านอนตะแคง บริเวณหน้าอกจึงปรากฏร่องอกติดชิดกันขาวนวลดั่งหิมะอย่างยั่วใจ ช่างเย้ายวนมาก

เวธัสกลับมาถึงห้องทำงาน ก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่ไม่ใช่ของที่นี่

เมื่อก่อนนี้ก้อยไม่มีเงินจะไปซื้อน้ำหอม ของเหล่านี้ณิชาซื้อให้ทั้งนั้น เป็นน้ำหอมกลิ่นมะลิอ่อน รวมถึงลิปสติกด้วย ก็เป็นกลิ่นน้ำหอมซิตรัสอ่อนๆ

เวธัสสังเกตเห็นก้อยที่นอนอยู่บนโซฟา คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันทันที

……

ก้อยที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา พลันรู้สึกมีเงาคนเดินมาหาตนเอง แพขนตาสั่นเทาอยู่ตลอด หัวใจก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

คุณเวธัสใช่มั้ย?

ถ้าเธอสามารถแย่งสามีของณิชาได้ ณิชาก็ต้องเจ็บปวดรวดร้าวเจียนจะขาดใจตายแน่นอน

หลายปีที่ผ่านมานี้ แม่ถูกเธอยึดครองไปแล้ว เธอจึงใช้วิธีหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง

ร่างกายนั้นชะงักห่างจากโซฟาราวครึ่งเมตร ก้อยรออยู่สักพักก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะตะโกนปลุกให้ตื่นหรือมีความเคลื่อนไหวอื่นใด ก้อยจึงแสร้งลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย...

“น้องก้อย ทำไมคุณมานอนหลับอยู่ในห้องท่านประธานแบบนี้ล่ะ?” คุณลุงพ่อบ้านทำความสะอาดที่มือสวมถุงมือยางสีฟ้า ฉีกยิ้มให้เธอ และจ้องมองหน้าอกที่โผล่พ้นมาเกินครึ่งของเธอ

ก้อยตกใจทันที พลันผุดลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา

ในห้องนอกจากลุงพ่อบ้านแล้วก็ไม่มีร่องรอยของเวธัสอยู่เลย เธอหน้าแดงแจ๋ พยายามรวบคอเสื้อของตนเองอย่างสุดชีวิต และเอ่ยปากสอบถามกลับอย่างกระวนกระวายใจ “คุณเวธัสล่ะคะ? เขา...เมื่อกี้เขา....”

คุณลุงพ่อบ้านเข้าใจทันทีว่าทำไมเมื่อครู่จู่ ๆ ท่านประธานถึงไปเรียกให้เขาเข้ามาปลุกก้อยแล้ว

ผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูใสซื่อ ที่แท้ก็เป็นพวกร่านอยู่ในสายเลือด ตั้งใจไม่ติดกระดุมเสื้อ แถมมานอนอ่อยอยู่ตรงนี้ และอยากให้ท่าท่านประธาน

แต่ช่างน่าเสียดายที่ท่านประธานของพวกเขาไม่เข้าหาผู้หญิง

“ท่านประธานก็ต้องประชุมอยู่ในห้องประชุมสิครับ” คุณลุงพ่อบ้านจ้องมองต้นคอขาวระหงพลันยิ้มตาหยี พลางยื่นมือเพื่อจะดึงเธอขึ้นมา “คุณมานอนหลับอยู่ตรงนี้เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ เอางี้มั้ยไปพักในห้องลุงสักงีบมั้ยล่ะ...”

ถุงมือยางสีฟ้าไม่รู้ว่าไปเปื้อนอะไรมาบ้าง ยังมีคราบน้ำมันสีเหลืองจางๆ ติดอยู่อีกชั้น ก้อยตกใจจนหน้าถอดสี พลันรวบคอเสื้อแล้ววิ่งเตลิดทันที แถมยังรู้สึกแค้นเคืองและรู้สึกขยะแขยงอยู่ในใจ

ดันประมาทเลินเล่อจนโดนลุงอายุสี่สิบกว่าพูดจาแทะโลมฟรี ๆ เสียนี่!

……

หลังจากเวธัสรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องทำงานของเขาแล้ว พลันแสยะยิ้มให้และโทรศัพท์หาเอกทันที

“ไปตรวจสอบที่มาที่ไปของผู้หญิงที่ชื่อก้อยคนนั้นทีสิ”

สำหรับก้อยแล้ว เขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจสักครั้ง

แต่ตอนนี้กลับต้องมองใหม่ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จัดการรับมือได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยความนึกคิดในใจก็ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ใจมากพอ

ตอนกลางคืนเวธัสยังคงทำงานล่วงเวลาที่บริษัท เมื่อกลับมาถึงบ้าน ณิชากำลังเล่นเกมต่อจิ๊กซอว์กับเด็กน้อยสองคนอยู่ในห้องรับแขก

เด็กหนุ่มน้อยทั้งสองคนมือเป็นระวิง คอยร่วมทีมต่อภาพจิ๊กซอว์อย่างสุดชีวิต โดยมีอัตราความเร็วมาก ราวกับไม่ต้องใช้ความคิดใดๆ จนทำให้คนถึงกลับเวียนหัวเลยทีเดียว

ณิชานั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา คอยจ้องมองเขาสองคนและอมยิ้มไปด้วย พลันพูดชมเชยอยู่เรื่อย

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็เดินมุ่งหน้าไปที่ประตูเพื่อเป็นการต้อนรับ โดยช่วยถอดเสื้อสูทตัวนอกของเวธัสออก “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้ว คุณไปล้างมือนะ เดี๋ยวมากินข้าวได้เลย”

เวธัสอ้าแขนทั้งสองข้างออกเพื่อให้ความร่วมมือ พลันปล่อยให้เธอถอดเสื้อสูทออก

ทันใดนั้นปอกลิปสติกสีดำก็หล่นออกมาจากเสื้อตัวนอก จนได้ยินเสียงกลิ้งหล่นอยู่ที่พื้น

เด็กน้อยทั้งสองคนต่างงอแงจะเดินตามเข้ามาด้วย

เวธัสจัดการปิดประตูทันที เพื่อสลัดเด็กน้อยทั้งสองคน เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว เขาก็เริ่มประทับรอยจูบบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที ถึงได้เอ่ยปากอธิบาย “คุณไม่รู้สึกว่าลิปสติกแท่งนี้มันดูคุ้นหูคุ้นตามากบ้างเลยเหรอครับ?”

ณิชาได้ยินถึงได้เพ่งมองลิปสติกที่อยู่ในฝ่ามือเต็มตา ซึ่งมันมีกลิ่นน้ำหอมซิตรัส เมื่อมองรุ่นและแบรนด์ที่กำกับอยู่ด้านล่าง...

“ของก้อยเหรอคะ?”

เครื่องสำอางทุกชิ้นของก้อยณิชาเป็นคนซื้อให้ทั้งหมด ลิปสติกแท่งนี้เหมือนจะคุ้นตาอยู่บ้าง

“เจตนาลูกพี่ลูกลูกน้องของคุณคิดไม่ซื่อ วันนี้ยังคิดจะแต๊ะอั๋งผมเลย” เวธัสยกริมฝีปากอันน่ากลัว และเขยิบกระซิบเสียงทุ้มต่ำของเขาใกล้ติ่งหูของเธอ

ระยะใกล้ชิดขนาดนั้น ณิชาทำหน้านิ่ง ไม่ยอมเบนสายตาของตนเองไปทางอื่น พลันก้มหน้าจ้องมอง

“อาศัยที่ผมกำลังประชุมอยู่ แอบย่องเข้ามาในห้องทำงานของผม และจัดการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก จงใจให้ท่าผม....”

ณิชาได้ฟังก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นเรื่อย เวธัสเป็นสามีตามกฎหมายของเธอเรียบร้อยแล้ว ก้อยกลับคิดเลยเถิดกับเขา จนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจที่สิ่งของของตนเองกลับถูกคนอื่นอยากได้ไปครอง

เธอใช้มือข้างหนึ่งเกี่ยวกระหวัดต้นคอของเวธัสเอาไว้ พลันเหนี่ยวรั้งลงมา บีบให้เขาก้มศีรษะลง เพื่อสบตากับเธอ

“เล่ามาสิคะ คุณไม่ได้ติดเบ็ดใช่มั้ย?!”

เวธัสหลงรักกับท่วงท่าความขี้หึงแบบนี้ของเธอจริงๆ พลันคว้ามือเล็กๆ ของเธอเพื่อให้ลื่นไหลให้มุดใต้เสื้อเชิ้ตของตนเอง....

“รู้สึกได้หรือยังครับ? บริเวณตรงนี้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับคุณเท่านั้น” เสียงแหบพร่าถึงที่สุด ราวกับเค้นออกมาจากคอหอย

ท่ามกลางสายตาเรียวแคบเช่นนี้ ณิชาแค่รู้สึกว่าอุณหภูมิฝ่ามือเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ

เธอใกล้จะทนไม่ไหวอยู่รอมร่อ...

ราวกับเจ้ากวางน้อยที่วิ่งชนไปทั่ว เธอตกใจจนถึงขั้นหวาดหวั่นอยากจะผลักเขาให้ปล่อยตัวออก

เวธัสตรึงฝ่ามือของเธออย่างแข็งกร้าว ไม่อนุญาตให้เธอถอยออก “ถูกผู้หญิงน่าขยะแขยงมาหมายหัวไว้เสียแล้ว แถมผู้หญิงคนนั้นยังมีศักดิ์เป็นน้องสาวของคุณอีก ผมเสียหายไปมากมายเลยนะ ตอนนี้ ผมต้องการให้คุณจูบผม!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊