กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 367

หัวใจของณิชาเต้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ยอมจูบเขา เดี๋ยวจูบเสร็จแล้วเธอคงไม่ต้องกินข้าวเย็นแล้ว คงจะเลยเถิดไปกินอาหารรอบดึกไปเลยมั้ง

“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย? มีอนาคตที่ดีมากกลับไม่เอา อยากจะเป็นเมียน้อย...”

เวธัสจิ้มปลายจมูกโด่งของเธอ สีหน้าแววตาหยิ่งจองหอง “เพราะว่าสามีของคุณรวยแถมหน้าตาดีอีก เธอเลยสนใจในตัวผม”

“ผู้หญิงสวยเอาตัวใส่พานถวายถึงที่ คุณไม่หวั่นไหวเหรอคะ?”

“ผมสนองให้คุณทุกวันยังรู้สึกไม่อิ่มหนำสำราญเลย คุณรู้สึกว่าผมยังมีแรงเที่ยวลักกินขโมยกินอีกมั้ยล่ะ?”

เวธัสตรึงมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้ พลันลองเคลื่อนไหวแผ่วเบา

เสียงลมหายใจในความหมายคลุมเครืออันเร่งรัดของชายหนุ่มสะท้อนกึกก้องอยู่ในใบหูของณิชา เธออยากจะดึงมือกลับมาก แต่เขากลับลงแรงเพิ่มแถมตรึงเธอเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ ณิชาพยายามเพิกเฉยการสัมผัสอันย่ำแย่นั้นออกไปอย่างสุดชีวิต

แต่ชายหนุ่มยังคงพูดคำพูดลามกจกเปรตใส่หูเธออีกหลายประโยค...

……

บริเวณประตู ปัณณ์กับน้องอรัลกำลังเอาตัวพาดบานประตูอย่างสุดกำลัง เพื่อตั้งใจจะฟังให้ชัดเจนว่าภายในห้องพูดอะไรกันอยู่

แต่เวธัสตั้งใจสั่งทำบานประตูนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพอันดับหนึ่ง

เด็กน้องทั้งสองคนทุ่มสุดตัวพลิกไปพลิกมาอยู่นานมาก ก็ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวที่อยู่ภายใน

ต่างสบตากัน

“ปีศาจกษัตริย์จะรังแกหม่ามี๊ของเราหรือเปล่า?”

“ไม่มั้ง ตอนนี้คุณพ่อหลงรักหม่ามี๊มาก ในบ้านหม่ามี๊พูดแล้วก็ถือว่าเด็ดขาดที่สุด พ่อเขาไม่กล้าหรอก” อรัลถึงพูดให้เหตุผลแทนเวธัสอย่างเงียบๆ

“แล้วทำไมไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ?” ปัณณ์เกาศีรษะจนยุ่งเหยิง หัวใจเกิดความวิตกกังวลจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

ดวงตาดำขลับของอรัลทอประกายเล็กน้อย “ฉันจำได้แล้วว่าในกระเป๋าถือของหม่ามี๊มีกุญแจสำรองอยู่”

“ใช่สิ....” แววตาของปัณณ์เปล่งประกาย พลันรีบวิ่งตึงตังมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกทางด้านข้างและพลิกกระเป๋าถือของณิชา

แถมยังหากุญแจสำรองสีเงินออกมาได้หนึ่งดอก

เด็กน้อยสองคนส่วนสูงยังไม่สูงพอ อรัลเลยย้ายเก้าอี้นั่งเปลี่ยนรองเท้ามาหนึ่งตัว ปัณณ์ขาสั้นถอดรองเท้าแตะออก จากนั้นก็เหยียบขึ้นบนเก้าอี้ เพื่อเสียบกุญแจเข้าไปในรูกุญแจ และยังไม่ทันเริ่มบิดไขกุญแจ...

พลันมีเสียงประตูเปิดดังแอ๊ด

ณิชาหน้าแดงก่ำ แถมยังสอดนิ้วประสานมือกับเวธัส สิ่งที่เห็นเต็มตาก็คือเด็กน้อยสองคนยืนอยู่ในตำแหน่งเตี้ยคนสูงคน

“หม่ามี๊!” ปัณณ์เห็นณิชา พลันกระโดดลงจากเก้าอี้นั่งทันที พลันเดินรอบตัวณิชาเพื่อสำรวจตรวจสอบอย่างละเอียด “ปีศาจกษัตริย์ไม่ได้ทำร้ายหม่ามี๊ใช่มั้ย?”

หน้าผากณิชาผุดเหงื่อเต็ม พลันส่ายหน้า “เปล่านี่”

“จริงเหรอครับ?” เด็กน้อยซักไซ้ต่ออย่างไม่ไว้ใจ

เวธัสเปลี่ยนใส่ชุดลำลอง สีหน้าอารมณ์อยู่ในลักษณะผ่อนคลายมาก

“ตอนไหนที่พ่อลงไม้ลงมือกับหม่ามี๊ของหนูเหรอ?”

ปัณณ์ยืนเท้าเอวเล็ก ด้วยท่วงท่าดูถูก “อย่าคิดว่าพวกเราเป็นเด็กสามขวบแล้วจะหลอกได้ง่ายนะ! วันนั้นพวกเหล่าพี่สาวคนรับใช้ที่คฤหาสน์สนธิไชยได้พูดคุยกันด้วย บอกว่าพ่อทำให้หม่ามี๊ร้องไห้ พ่อไม่ได้ลงไม้ลงมือกับหม่ามี๊ แล้วทำไมหม่ามี๊ถึงร้องไห้ล่ะ?”

อรัลก็คิดถึงช่วงเช้าตรู่ของวันที่หม่ามี๊เจนนี่ป่วย

ตอนที่เขากับปัณณ์ตื่นนอน คุณพ่อกับหม่ามี๊ก็ออกไปจากคฤหาสน์สนธิไชยแล้ว

ตอนที่ทั้งสองคนกำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหาร ก็ได้ยินพี่สาวคนรับใช้พูดกระซิบกระซาบกัน

พวกเขาแปลกใจมากว่าตกลงพวกเธอกำลังพูดอะไรกันอยู่?

พลันแอบกลั้นหายใจแล้วเอียงหูฟัง จึงพบว่ากำลังพูดว่าเวธัสทำให้ณิชาร้องไห้ แถมยังได้ยินเสียง แปะ แปะ ด้วยแหละ!

หม่ามี๊ต้องโดนคุณพ่อตีก้นแน่นอนเลย

ตอนแรกเขากับปัณณ์ก็ได้ปรึกษาหารือเรื่องที่จะคิดบัญชีกับคุณพ่อ แต่หม่ามี๊เจนนี่มาป่วยเสียก่อน เขาพวกจึงต้องไปดูแลหม่ามี๊เจนนี่ก่อน

เมื่อณิชาได้ยินเด็กๆ กล่าวหาตามเสียงประสาเด็ก ทันใดนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่คนรับใช้ของคฤหาสน์สนธิไชยกำลังพูดคุยกัน จนแก้มสุกราวกับกุ้งต้มสุก

เธอเยาะเย้ยให้เวธัสสองครั้ง

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไปนอนห้องหนังสือ! ฉันจะนอนกับลูกสองคน!”

ใบหน้าหล่อเหลาของเวธัสหม่นหมองลง เดี๋ยวกลับไปต้องจัดการเปลี่ยนคนรับใช้กลุ่มนี้ทั้งหมดแน่นอน!

ปัณณ์ชูสองนิ้วขึ้นลักษณะเหมือนกรรไกร “หม่ามี๊ทำถูกต้องที่สุด อย่าให้ปีศาจกษัตริย์รู้สึกว่าได้หม่ามี๊มาอยู่ในเงื้อมมือง่ายดายเกินไป ผู้หญิงที่ใจง่ายจะอยู่ได้ไม่นาน”

ณิชาก้มหน้าจิ้มหน้าผากของเด็กน้อย

“แม่ยังไม่ได้พูดถึงหนูเลยนะ ต่อไปอนุญาตให้ดูรายการของเด็กกับการ์ตูนแอนิเมชั่นเท่านั้นนะ”

“...อาชาลีสอนผมมาครับ ไม่ได้เรียนมาจากรายการทีวีครับ”

ณิชา “…” ต้องให้ชาลีอยู่ห่างๆ จากลูกชายของเธอสักหน่อยแล้ว

……

หลายวันถัดจากนั้น ก้อยนัดณิชาออกมาเดินเที่ยวและดื่มกาแฟกัน

ณิชาทำเหมือนเช่นเดิม เมื่อพบเสื้อผ้าและเครื่องสำอางที่ก้อยชื่นชอบ จึงจ่ายเงินให้เธอด้วยสีหน้าตามเดิม

ก้อยคอยแอบมองสังเกตการแสดงออกของณิชา แต่ก็มองไม่ออกถึงข้อบกพร่องสักนิด

หรือว่าการที่เธอเอาลิปสติกยัดใส่ในเสื้อผ้าของเวธัส เธอไม่เห็นเหรอ?

“พี่ ช่วงนี้สบายดีมั้ย?” เธอสอบถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

“ฉันสบายดี” ณิชาพยักหน้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นหญิงสาวตัวเล็กที่ยังมีความสุขคงเดิม

รอยยิ้มมุมปากก้อยเกร็งอยู่สักพัก พลันสอบถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “พี่เขยเขาดีกับพี่มากมั้ย?”

“เขาดีกับฉันมากมาตลอดแหละ” ณิชายกแก้วชานม พลันเม้มหนึ่งอึก และพูดหยอกล้อกลับ “เรายังวางแผนอยู่เลย จะไปจัดงานแต่งงานที่ไหนดีหลังจากนี้”

ก้อยกำลังครุ่นคิดณิชาต้องไม่เจอลิปสติกแน่ ๆ เลย

“พี่มีความรู้สึกที่ดีกับพี่เขยจริงๆ แต่ฉันไปฟังป้าพูดมา ครอบครัวของพี่เขยไม่ค่อยยอมรับพี่สักเท่าไหร่ งั้นพี่ต้องคอยจับตามองพี่เขยไว้ให้ดี ถ้าทางตระกูลสนธิไชยจะไปสรรหาผู้หญิงแบบไหนมายัดเยียดให้พี่เขยอีก...”

“หือ?” ณิชาเหมือนหวั่นไหวไปตามที่เธอพูด “งั้นแกรู้สึกว่าฉันควรจะจับตามองเขายังไงดี?”

“ง่ายดายมาก ทุกวันก่อนและหลังเลิกงานควรตรวจตรงปกคอเสื้อของเขาว่ามีรอยลิปสติกหรือเปล่า บนตัวมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นอยู่มั้ย แล้วตอนกลางคืนอีกเขายังยอมแตะต้องพี่หรือเปล่า....”

ก้อยลดนิ้วชี้ลง พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับณิชาเป็นข้อๆ ไป

รอเธอพูดจบ ณิชาก็คอยเพ่งจ้องเธออยู่ตลอด แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร

ก้อยลูบคลำใบหน้า “พี่ พี่มองฉันทำไมเนี่ย?”

“แกเป็นเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะเรียนจบปวส.ได้ไม่นาน แต่กลับให้คำแนะนำให้ฉันจับตามองสามี หรือว่า แกเห็นพี่เขยของแกเที่ยวหาเศษหาเลยข้างนอกเหรอ?” ณิชาวางแก้วชานมลง และค่อยๆ ถามไถ่

ใบหน้าของก้อยแดงแปร๊ดทันที พลันส่ายหน้าและตอบกลับอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “มะ...ไม่มี ฉันก็แค่เตือนพี่ด้วยความหวังดีเท่านั้นเอง”

“ตอนนี้แกก็ทำงานอยู่ใกล้ตัวกับเขา ถ้าตามจับผู้หญิงที่มาใกล้เขาได้ จำไว้นะต้องถ่ายรูปและส่งมาให้ฉันด้วย” ณิชาค่อยๆ ตีหลังฝ่ามือของก้อย

ก้อยนอกจากยิ้ม ก็ไม่ได้พูดเรื่องอื่นขึ้นมาอีก

เธอโง่ดักดานขนาดนี้ ขนาดกระเป๋าเสื้อของเวธัสก็ไม่ตรวจตราดูเลย แล้วจะจับเวธัสอยู่หมัดได้ยังไง?

อาศัยใบบุญจากเด็กสองคนนั้นเหรอ ถึงทำให้น้ำตาลไม่เคยชนะเธอเลย!

ก้อยอุตส่าห์ตีเกาะเคาะไม้แต่กลับพ่ายแพ้ยับเยิน ไฟแผดเผาอยู่ในใจ

รอจนตกบ่ายเมื่อเวธัสมารับณิชากลับบ้าน เธอจึงไม่อดใจอีกแล้ว

จังหวะก่อนจะขึ้นรถ ก้อยใช้มือเล็กๆ ดึงชายเสื้อของเวธัสเอาไว้ “พี่เขย เหมือนว่าก้อยทำลิปสติกหล่นในห้องทำงานของพี่ พี่ยังไม่ได้เอามาคืนให้ฉันเลยนะคะ?”

“ลิปสติกเหรอ?” ณิชาได้ยิน ราวกับค้นพบผืนแผ่นดินใหม่ พลันถลึงตาจ้องมองเวธัสด้วยความสงสัย

“พี่ก็อย่าเข้าใจผิดนะ” ก้อยเห็นเหตุการณ์นั้นเข้า พลันแสดงท่าทางทำทีว่าเป็นพูดผิด และรีบอธิบายอย่างอารมณ์เสีย “วันนั้นฉันก็แค่เอาเอกสารไปส่งให้พี่เขยเอง เลยเติมหน้าไปหน่อยหนึ่ง”

ณิชายังคงจ้องก้อยตาเขม็ง “มิน่าล่ะเมื่อกี้แกถึงพูดว่าให้ฉันจับตามองเวธัสให้ดี ที่แท้ก็อยากจะบอกความหมายเป็นนัยอันนี้นี่เองเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊