เจนนี่รู้สึกว่าคุณย่าใช้สายตาประเมินตนเองจนเริ่มแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อตั้งสติกลับมา ไม่นานนักก็รู้สึกแย่แล้ว คุณย่าเหมือนเข้าใจผิด
เธอกำลังคิดอธิบาย “ไอ้นั่น” คุณย่าคงไม่ได้หมายถึง...
“ช่วงบ่ายฉันรีบร้อนมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง หนูช่วยไปกินอะไรกับฉันสักหน่อยสิ” คุณย่าศิริจันทร์พูดขัดจังหวะคำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากของเจนนี่
เจนนี่เหลือบมองมาทางลิฟต์อย่างลำบากใจแวบหนึ่ง
เธอยังต้องเจรจาการยุติสัญญากับชาลีนะเนี่ย พี่ซีต้องรอคำตอบกลับของเธออย่างแน่นอน
คุณย่าศิริจันทร์เห็นเธอทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไม่เต็มใจเหรอจ้ะ?”
น้ำเสียงกดต่ำเล็กน้อย บรรยากาศถึงขั้นกลัวตัวเองด้วยซ้ำ เจนนี่ยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว “เต็มใจค่ะ หนูเต็มใจค่ะ!”
ตกลงว่าหญิงชราคนนี้คือใครกัน...
เจนนี่ฝืนอมขมกลืน
คุณย่าศิริจันทร์คอยตั้งใจสังเกตเจนนี่อยู่ตลอดทาง
แม้ว่าเธอจะเกรงใจแต่กลับไม่เคยยกยอปอปั้นสักนิด ท่าทางเป็นมิตร มีความกระตือรือร้นเมื่อปฏิบัติต่อคนอื่น
ถ้าพูดว่าเธอไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร จนตั้งใจแสร้งทำทีท่าเช่นนี้ออกมา ถือว่าฝีมือการแสดงไม่เลวเลย
คุณย่าศิริจันทร์ให้คนขับรถพาทั้งสองคนไปยังร้านปิ้งย่างที่อยู่ข้างทางทั้งที่สภาพย่ำแย่มาก ๆ
เมื่อคุณย่าศิริจันทร์ได้นั่งก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนทันที แต่เจนนี่กลับไม่รู้สึกมีปัญหาสักนิด...
ความจริงคุณย่าอยู่ในร้านอาหารหรูหราจนเคยชิน ดังนั้นถึงได้รู้สึกว่าร้านปิ้งย่างในละแวกนี้สภาพแวดล้อมย่ำแย่มาก
ในความจริง เป็นร้านข้างทางที่แสนธรรมดามากๆ เงื่อนไขจำกัดแต่ใช่ว่าไม่รักษาสุขอนามัย
เจนนี่กับปัณณ์มีความเหมือนกัน นั่นคือเป็นสายกินด้วยกันทั้งคู่
การไปอยู่ต่างประเทศมาครึ่งเดือน เธอคิดถึงร้านปิ้งย่างข้างทางเอามากๆ พลันหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดโต๊ะเก้าอี้ พร้อมทั้งประคองหญิงชราให้นั่งลง
“คุณยายคะ คุณยายก็ชอบกินปิ้งย่างเหมือนกันหรือคะ? หนูก็ชอบมาก! หนูจะบอกว่า หนูชอบกินมะเขือย่างมากๆ เลยค่ะ...”
“มีบางคนชอบกินสมองหมูย่าง แต่หนูรู้สึกว่ามะเขือย่างอร่อยกว่าหมูย่างตั้งเยอะค่ะ ย่างเสร็จแล้วข้างในนุ่ม ด้านนอกกรอบ บวกกับใส่กระเทียมและเครื่องปรุงปิ้งย่างที่ปรุงพิเศษ รสชาติอร่อยที่สุด ขอบอกเลยว่าคนกินครั้งแรกก็อยากกินครั้งที่สองอย่างแน่นอนค่ะ!”
คุณย่าศิริจันทร์ฝืนกลั้นความขยะแขยงอยู่ในใจพลันนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก แถมไม่กล้าเอาเสื้อผ้าเขยิบให้เฉียดใกล้บนโต๊ะ บนนั้นมีคราบมันจนทำให้เธอขนพองสยองเกล้า
เมื่อได้ยินเจนนี่พูดจนน้ำลายแตกฟอง ทำเหมือนไม่สนใจอาหารข้างถนนประเภทนี้เลย...
น่าจะไม่ใช่พวกผู้หญิงเห็นแก่เงิน
“หนูกับชาลีรู้จักกันมานานขนาดไหนแล้วจ้ะ?” หญิงชราถามต่อ
เจนนี่เกาศีรษะ เพื่อนับเวลา “หลายปีอยู่ค่ะ ตอนหนูเรียนปีสองก็รู้จักเขาแล้วค่ะ”
“หนูอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“24 ปีค่ะ หนูเรียนปีสองตอนอายุ 19 ปีค่ะ ตัวหนูเองก็ไม่คิดว่า พริบตาเดียวห้าปีผ่านไปแล้ว...”
ห้าปีเหรอ?
คุณย่าศิริจันทร์ครุ่นคิดหวนนึกถึงเมื่อห้าปีก่อน ราวกับชาลีออกไปจากตระกูลรุ่งโรจน์ เริ่มตั้งแต่เวลานั้นจริงๆ เพื่อสร้างบริษัทการบันเทิงเซ็นจูรี่
หรือว่าเพื่อผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าคนนี้เหรอ?
คุณย่าศิริจันทร์ดึงสายตากลับมา และพูดอย่างเชื่องช้า “ฉันคอแห้งแล้วแหละ”
“งั้นคุณย่ารอหนูสักครู่นะคะ หนูจะไปเทน้ำมาให้คุณย่าค่ะ” เจนนี่ได้ยินแล้วลุกขึ้นทันที พลันหยิบกระเป๋าและยกขึ้นวางบนเก้าอี้
คุณย่าศิริจันทร์ฉวยจังหวะตอนที่เจนนี่ไปเทน้ำ ช้อนกระเป๋าถือใบนั้นมา
คุณภาพไม่ถือว่าหยาบกร้าน จนสามารถมองออก แต่ก็ไม่ถือว่าแบรนด์ดังอะไร...
รอเจนนี่เทน้ำเสร็จแล้วกลับมาแล้ว คุณย่าศิริจันทร์ก็นั่งอย่างเป็นทางการแล้ว
“น้ำค่ะคุณยาย” เจนนี่นำแก้วใสที่ใส่น้ำอุ่นแก้วหนึ่งยื่นให้คุณย่าศิริจันทร์
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้คุณย่าศิริจันทร์ดื่มไม่ลง จึงลูบคลำข้างแก้ว “มันเย็นเกินไปนิด”
“เย็นไปเหรอคะ? หนูตั้งใจลองอุณหภูมิให้แล้วนะคะ!” เจนนี่ครุ่นคิดถึงอายุที่มากของคุณย่า พลันรีบเปลี่ยนแก้วที่อุณหภูมิสูงกว่านี้ และมองมาทางคุณย่าศิริจันทร์และพูดอย่างอ่อนโยน “คุณย่าคะ อุณหภูมิของแก้วนี้น่าจะพอได้แล้วค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...