พยาบาลสาวสวยตอบกลับอย่างมีความสุข “ตราบใดที่คุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ไม่มีปัญหาแน่นอนนะคะ”
เจนนี่ส่งเสียงตอบรับอย่างอึดอัด พลันมองท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มลงทันที บริเวณหน้าอกคล้ายมีสิ่งของกดทับลงมา มันลำบากใจมาก จนใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
……
ภายในรถโรลส์-รอยซ์ เมื่อคุณย่าศิริจันทร์สอดตัวเข้าไปนั่งอยู่ในตัวรถในชั่วขณะนั้น คนขับรถจับสัมผัสได้ว่าคุณย่าอารมณ์ดีมากจนเห็นได้อย่างชัดเจน
กระทั่งมุมปากคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างอดยิ้มไม่ไหว
สำหรับคุณย่าที่เป็นคนเก็บงำอารมณ์มาโดยตลอด ถือว่าปรากฏให้เห็นได้น้อยมาก
คนขับรถเพิ่งมาติดตามปรนนิบัติคุณย่าได้ไม่นาน แต่คุณย่ายังยืนกรานให้เขาอยู่ในรถ เพื่อให้ตนเองอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นการส่วนตัว
“คุณท่านครับ มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจหรือครับ?” คนขับรถฉวยจังหวะที่คุณย่าอารมณ์ดี จึงเอ่ยปากถามกลับไปประโยคหนึ่ง
“มีแน่ ๆ ฉันจะเหลนชายแล้วนะ” คุณย่าศิริจันทร์ยักคิ้วขึ้นลงอย่างภาคภูมิใจ
ไม่แน่เธออาจได้เพลิดเพลินกับการอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนสี่รุ่น เพื่อเลี้ยงเหลนชายตัวน้อย
เธอพลันพูดกับคนขับรถทันที “โทรศัพท์หาชาลีสิ บอกเขาว่าฉันป่วย ให้เขากลับมาดูฉันที่คฤหาสน์หน่อย”
คนขับรถขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่กล้าตอบโต้คำพูดคุณท่าน จึงกดโทรศัพท์หาคุณชาลีทันที
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมื่อชาลีรับทราบว่าคุณย่าศิริจันทร์ป่วยจึงกลับคฤหาสน์ทันที พลันบึ่งรถยนต์เหาะกลับมาตลอดทาง ลมหายใจติดขัดไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย
เมื่อเห็นคุณย่าศิริจันทร์นั่งอยู่บนโซฟาเพื่อนั่งดูข่าวบันเทิงทั้งที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี พลันเลิกคิ้วขึ้น
“คุณย่าครับ คุณย่าร้อนใจขนาดนี้เลยเหรอ ถึงขั้นแกล้งป่วยเพื่อเรียกผมกลับมา คงไม่ใช่ว่าหาคู่ดูตัวให้ผมแล้วใช่มั้ยครับ?”
คุณย่าศิริจันทร์หยิบรีโมตขึ้น เพื่อกดปุ่มหยุดเอาไว้
หน้าจอ LCD ยังหยุดค้างบนภาพของเจนนี่ที่ถูกนักข่าวสัมภาษณ์เอาไว้ ข่าวเสียๆ หายๆ ของเธอเยอะมาก ตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์นั้นก็สวนกลับไม่ทัน สาวน้อยสู้ไม่ไหว ใบหน้ากลมแดงแจ๋จากอาการอดกลั้น ดูไปแล้วกลับทำให้คุณย่าศิริจันทร์ชอบมาก
ตราบใดที่เธอคลอดเหลนชายออกมา ตราบใดที่เธอไม่ใช่คนนิสัยเปลี่ยนเพศที่สาม เธอรับได้หมด
“เด็กผู้หญิงคนนี้ แกรู้จักมั้ย?” คุณย่าศิริจันทร์แสดงความหมายให้ชาลีมองหน้าจอโทรทัศน์
ชาลีใช้หางตาเหลือบมองแวบหนึ่ง “นักแสดงหญิงที่บริษัทของผมใกล้จะเซ็นสัญญาครับ”
“ฉันเจอเธอเมื่อตอนบ่ายแล้ว น่าจะตั้งท้องแล้วแหละ เด็กลูกของแกหรือเปล่า?” คุณย่าศิริจันทร์ไถ่ถามอย่างสบายใจเฉิบ
ชาลีที่สีหน้านิ่งสงบเป็นทุนเดิมวินาทีที่ได้ยินคำนี้ตีหน้าขรึมทันที “คุณย่า คุณย่าอย่าล้อเล่นสิครับ”
“พูดแบบนี้ แกไม่เคยแตะต้องเธอเลยงั้นสิ?”
“…” ชาลีฉุกคิดคืนนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน น้ำเสียงเผยความหงุดหงิดออกมา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ”
ความคาดเดาที่อยู่ในใจของคุณย่าศิริจันทร์คาดเดาไม่มีผิดเพี้ยน พลันหยิบรีโมทขึ้นมาและขว้างลงบนโต๊ะหน้าโซฟาอย่างเต็มแรง
“จัดการเหรอ? แกอยากจะจัดการอย่างไร ลากเธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาลงั้นสิ? ให้เหลนชายฉันกลายเป็นก้อนเลือดเหรอ? ข้างนอกมีคนอีกมายที่วิงวอนจะอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรกับลูกหลานเหลนสี่รุ่นแต่ก็ไม่มีโอกาส ตอนนี้มันไม่ง่ายดายที่ฉันจะมีโอกาสแบบนี้ แกอยากจะให้ฉันนอนตายตาไม่หลับใช่มั้ย?”
ยังมีพ่อของชาลีอีกคนที่กลับมาพร้อมกับชาลี
เขาเป็นลูกชายคนโตของคุณย่าศิริจันทร์ นิสัยโอนเอนไหลไปตามลม อายุเกินสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว สง่างามเลิศหรูทุกอิริยาบถ แต่หัวคิ้วเรียวแคบ มองภายนอกเป็นคนไร้ความรู้สึก
“คุณแม่ คุณแม่พูดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย? สุขภาพของคุณแม่ก็ดีมากๆ ต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเลี้ยงเหลนได้แน่” พสิษฐ์หัวเราะร่าให้หญิงชรา
ซึ่งอำนาจส่วนใหญ่ของตระกูลรุ่งโรจน์ในเวลานี้อยู่ในมือคุณย่า พสิษฐ์จำใจต้องประจบคุณย่าเอาไว้
คุณย่าไม่เข้าใจเจ้าลูกชายที่เอ้อระเหยลอยชายคนนี้เลย
หากไม่ใช่เขาเที่ยวหาเรื่องสร้างหนี้รักกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาเพียงนั้น ทั้งบ้านก็คงไม่ต้องมานั่งอยู่ไม่เป็นสุขหรอก
ชาลีไม่ยอมเข้ามารับช่วงต่อของตระกูลรุ่งโรจน์...
“ย่าเคยเจอเจนนี่มาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ชนะขาดลอยตรงที่มีลูกอยู่ท้อง แกชอบเธอมาตั้งห้าปีแล้ว งั้นฉันก็จะทำเป็นหลับตาไปข้างทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้เอา อนุญาตให้แกสองคนแต่งงานได้ ประจวบเหมาะอาศัยเวลาที่ฉันยังมีเรี่ยวแรงที่จะเลี้ยงลูกแกไหว”
เขาชอบเจนนี่มาห้าปีเหรอ?
อนุญาตให้พวกเขาแต่งงานเหรอ?
ชาลีไม่รู้ว่าคุณย่าไปได้ยินข่าวพวกนี้มาจากไหน
เดิมเขาตั้งใจไว้ว่าอายุไม่ถึง 35 ปี จะไม่มีวันแต่งงานเป็นอันขาด ซึ่งวางแผนการไว้ว่าจะหาแฟนที่ฐานะมั่นคง ก็เพื่อไม่อยากให้คุณย่าต้องคอยกังวล
โดยไม่รอให้ชาลีเอ่ยปาก พสิษฐ์เริ่มไม่พอใจออกนอกหน้าก่อนใคร พลันชะเง้อมองและพูดคุณย่าศิริจันทร์ “คุณแม่ เรื่องชาลีแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่โต จะเอาแบบแต่งชุ่ย ๆ แบบนี้ได้ยังไง? ฐานะทางบ้านของผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้าง ทำธุรกิจอะไร? คู่ควรกับชาลีหรือเปล่า? เด็กในท้องเป็นลูกชาลีมั้ย?”
คุณย่าศิริจันทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “งั้นแกพูดออกมาที แกคิดว่าจะเอายังไงดี”
“แม่ชอบเหลนชาย ก็ให้ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกออกมา เอาเงินฟาดหัวไปก้อนหนึ่งก็จบแล้ว ทางผมก็มองหาคุณหนูพันชั่งของตระกูลสมรัตคนนั้นเอาไว้ให้แล้ว เธอนิสัยดี ฐานะทางบ้านก็เหมาะสมกัน แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางตระกูลรุ่งโรจน์ของเราด้วย”
ความสัมพันธ์ระหว่างชาลีและพสิษฐ์ไม่ถูกกันเลย เพราะว่าพสิษฐ์เป็นคนเจ้าชู้ประตูดิน
เมื่อได้ยินมาถึงเรื่องนี้ พลันทำจมูกฟึดฟัดแสดงความดูถูกดูแคลนออกมา
“ทางตระกูลสมรัตกับตระกูลรุ่งโรจน์ได้แต่งงานกันก็ถือว่าไม่เลวจริงๆ”
“คุณแม่ครับ คุณแม่ได้ยินมั้ย? ชาลีสนใจจะแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลสมรัต!
คุณย่าศิริจันทร์จ้องมองชาลีอย่างสงสัย “แกไม่ชอบจับคลุมถุงชนไม่ใช่เหรอ?”
“ใครบอกว่าผมต้องการแต่งงานแบบคลุมถุงชน?” สีหน้าแววตาชาลีนิ่ง ดวงตาคมกริบโตดั่งลูกท้อหรี่ตาเล็กน้อย “พ่ออยากหาแม่เลี้ยงสาวเอ๊าะ ๆ ให้ผม ผมยกมือสนับสนุนอย่างเต็มที่”
“ไอ้เวร!” พสิษฐ์ใบหน้าแดงก่ำตามอายุ “สาวน้อยของตระกูลสมรัตเธอชอบแก! ฉันจะบอกแกให้นะ นอกจากเธอจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉัน ผู้หญิงคนอื่นฉันไม่ยอมรับ! คุณแม่ ชาลีมันเป็นลูกชายของผม ผมจะทำร้ายมันได้มั้ยล่ะ? ในอนาคตรอจนมันได้แต่งงานกับลูกสาวบ้านนั้น ไม่ช้าก็จะตั้งท้องเหลนของคุณแม่แล้วครับ...”
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของชาลีหายวับไปกลับตา มีแต่ความเย็นชาอย่างเต็มเปี่ยม
ตาแก่นี่อยากจะควบคุมการแต่งงานของเขาเหรอเนี่ย?
ไม่มีทาง!
“คุณย่า สัปดาห์หน้าผมจะพาเจนนี่มาพบคุณย่าครับ”
พูดจบ ชาลีพลันสาวเท้าเดินออกไป พสิษฐ์โกรธจนอยากจะไล่ตามไป สบถด่าว่าชาลีเป็นลูกไม่รักดี
แต่ต่อหน้าคุณย่า จึงไม่กล้าจองหอง
เขาพูดเกลี้ยกล่อมคุณย่าศิริจันทร์ต่ออย่างสุดกำลัง เจนนี่ต้องใช้วิธีการสักอย่างเพื่อตั้งท้องลูกของชาลี และพยายามใช้เด็กเพื่อแต่งเข้าตระกูลคนรวยอย่างแน่นอน แต่คุณย่าไม่มองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ พลันกดปุ่มรีโมตให้วิดิโอเปิดต่อไปเรื่อย
คลิปวิดีโอที่นักข่าวสัมภาษณ์เจนนี่โผล่ออกมาเป็นคลิปไม่ขาดสาย คุณย่าดูอย่างตั้งใจมาก
พลันคอยถามตุ๊กที่อยู่ด้านข้างอยู่ตลอด จะให้เจนนี่พักที่ไหนเพื่อดูแลเด็กในท้องดี
พสิษฐ์ถูกละเลยอย่างเต็มพิกัด
ชาลีตีมึนยังไง คุณย่าก็จะตีมึนแบบนั้นแหละ!
……
ก้อยทำตามคำสั่งของน้ำตาล เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านออเรนจ์ พลันจัดการล้มตู้เพื่อควานหากำไลวงนั้น
แต่เธอหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาจนแทบพลิกบ้าน ก็ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของกำไลสักนิด
ช่วงนี้สิดาพักอยู่กับก้อย จึงไม่ออกไปเล่นไพ่อีกแล้ว คอยทำอาหารตามรสชาติปากของก้อยโดยสับเปลี่ยนเมนูทุกวัน และรับประกันเมื่อเธอเลิกงานกลับบ้านมาแล้ว ก็จะมีอาหารเลิศรสอร่อยๆ อยู่เสมอ
วันนี้เธอซื้อกับข้าวกลับมาบ้าน เมื่อเห็นห้องครัวถูกรื้อค้นจนกระจุยกระจายไปหมด จึงคิดว่ามีโจรเข้าบ้านแล้ว
จึงแอบโทรศัพท์หารปภ.อยู่ตรงหน้าประตูเงียบๆ เธอหยิบไม้กวาดที่อยู่ตรงระเบียงออกมาอันหนึ่ง และเดินเลียบเดินทางห้องนอนเข้าไป....
“อยู่ไหนเนี่ย?” ก้อยหมอบราบอยู่ที่พื้น เพื่อควานหาใต้เตียง เหนื่อยจนเหงื่อท่วมเต็มศีรษะ
ครึ่งตัวท่านบนติดอยู่ใต้เตียง ครึ่งท่อนล่างที่เหลืออยู่นอกเตียง
“ไอ้โจรกระจอก กล้าเข้ามาขโมยของในบ้านฉันเหรอ?” สิดาหยิบไม้กวาดฟาดลงบริเวณเงาคนที่หมอบราบอยู่ที่พื้นสุดแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊