กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 375

“ที่มาที่ไปเหรอ?”

“ใช่ค่ะ กำไลวงนั้นว่ากันว่าเป็นสิ่งของที่แม่ของณิชาทิ้งไว้ให้เธอดูต่างหน้า”

คำว่าของทิ้งไว้ดูต่างหน้า มันทำให้ระบบประสาทละเอียดอ่อนของน้ำตาลตึงเครียด และเอ่ยปากโทนเสียงผู้บังคับบัญชาในการออกคำสั่ง “ตราบใดที่แกไปขุดหากำไลว่าอยู่ที่ไหนได้ ฉันจะจ่ายให้แก 5ล้าน! ฉันต้องได้กำไลวงนั้นมาให้ได้!”

เมื่อก้อยได้ยินว่า5ล้าน ความตั้งใจก็กระพือเพิ่มขึ้นอีก

“คุณน้ำตาลวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะตามสืบต่อเอง”

“ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้แกช่วยฉันทำ...” เมื่อฟังจากปลายสาย ที่แผ่เสียงเย็นยะเยือกของน้ำตาลออกมา แถมยังนำพาความวิตกกังวลกดดันมาให้เล็กน้อย

……

ภายในห้องรับแขก ณิชากับเวธัสชะเง้อมองความเละเทะภายในห้อง ขนาดโซฟายังมีคนพลิกขึ้นมา จนไม่มีที่ให้นั่ง

สิดาเดินเข้าไปทำอาหารเย็นในห้องครัว ณิชาไม่ได้คาดหวังให้เวธัสมาทำงานบ้าน จึงออกตัวเก็บสิ่งของระเกะระกะที่กระจัดกระจายเต็มห้อง

เวธัสดึงมือเธอไว้ พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงหมดอารมณ์

“ขนาดผมยังอดใจไม่ไหวให้คุณทำงานบ้าน แล้วอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อทำงานบ้านให้คนอื่นอีกเหรอครับ?”

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าณิชาเป็นห่วงสิดา ที่ต้องมาเยี่ยมให้ได้ ให้หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่มา

สิดาให้ท้ายก้อยอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะติดกับดักก้อย ก็ถือว่าหาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ

“แม่ฉันใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนกันคะ...” นิ้วมือเรียวเนียนของณิชาจิ้มใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา “ยิ้มหน่อยนะคะ คุณตีหน้าเข้มขนาดนี้ ดูจริงจังมากเลยค่ะ”

นัยน์ตาดำขลับของเวธัสเพ่งจ้องเธอ ท้ายที่สุดก็ยังประนีประนอมให้ พลันคว้าโทรศัพท์ออกมาพูด “ผมให้คนไปหาแม่บ้านมา คุณทำแบบนี้ และจะต้องทำไปถึงเมื่อไหร่กันล่ะ?”

ณิชารู้สึกว่าหาคนมาช่วยงานก็ไม่เลว จึงพยักหน้าทันที

จังหวะที่กำลังจะพูดออกมา ทันใดนั้น...

โครม!

มีเสียงสิ่งของกระทบลงบนพื้นดังออกมาจากห้องครัวอย่างสนั่นหวั่นไหว

สีหน้าณิชาเปลี่ยนเล็กน้อย พลันวิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที

เมื่อเห็นสิดานอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ตาเหลือก และสลบไสลไปแล้ว

ด้านข้างยังมีฝาหม้อที่ทำด้วยเหล็กหล่นอยู่ข้างมือ

“แม่?” ณิชาหายใจถี่ พลันนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและคอยเรียกเธออยู่ตลอด “แม่? แม่เป็นยังไงบ้าง ตื่นสิคะ... อย่าหลับนะ...”

แพขนตาของสิดาสั่นเล็กน้อย แต่กลับไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาเลย

ณิชาเหลือบมองเวธัส เมื่อเวธัสเข้าใจความหมายของเธอ จึงเปลี่ยนจากการเรียกแม่บ้านเป็นแจ้งทางหมอแทน จากนั้นชายหนุ่มก็โค้งตัวลง และอุ้มสิดาด้วยแขนกำยำทั้งสองข้าง พร้อมทั้งเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอก

ก้อยก็ได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ดังอยู่ด้านนอก จึงตามหลังมาติดๆ จึงเห็นเวธัสอุ้มสิดามุ่งหน้าออกทางด้านนอก

รูม่านตาของเธอหดลงทันทีแต่ไม่ชัดเจนมากนัก

“ปะ...ป้าเป็นอะไรไป”

ณิชาไม่มีอารมณ์จะมาสนใจก้อย แค่พูดทิ้งท้ายว่าสิดาเป็นลมล้มพับไปแค่ประโยคเดียว จากนั้นก็เดินออกจากห้องรับแขกตามหลังเวธัสไป

ก้อยอยากจะตามไปตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อเห็นกางเกงที่ใส่อยู่ที่ตัวเปรอะเปื้อนมอมแมม

เธอจึงหันหลังกลับไปเพื่อเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ มัดผมเป็นทรงดังโงะสวยๆ ถึงเดินลงจากตึก

จังหวะที่เดินมาถึงชั้นล่างนั้น เวธัสก็เตรียมจะขับรถออก เธอจึงรีบโบกมือให้เวธัสทันควัน แถมยังมีรอยยิ้มประดับบนหน้า “พี่เขย รอฉันด้วยสิ ฉันก็อยากจะไปด้วย”

เวธัสกดกระจกขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก รถยนต์พุ่งตัวออกถนนใหญ่และทิ้งควันท้ายรถไว้ให้ก้อย

ก้อยกระทืบเท้าอย่างโมโห

ทั้ง ๆ ที่เขาได้ยินคำพูดของตนเองด้วยซ้ำแต่กลับขับรถออก...

ก้อยตกใจเมื่อคิดได้ว่าสิดาเป็นลมหมดสติเป็นเพราะว่าตนเองผลักเธอล้ม จนศีรษะกระแทกหรือเปล่า?

ก้อยแสดงอาการตัวแข็งทันที

หากสิดาพูดคำพูดเสียหายของตนเองให้ณิชากับเวธัสฟัง แล้วเธอควรจะทำอย่างไรดี?

ก้อยเรียกรถแท็กซี่หนึ่งคันทันที เพื่อตามหลังไปติดๆ ...

……

ภายในโรงพยาบาล เนื่องจากเวธัสได้แจ้งมาก่อนล่วงหน้า ตอนที่ณิชาพาสิดามาถึง ทีมพยาบาลก็ได้เตรียมการเอาไว้แล้ว เพื่อพาสิดาไปตรวจอย่างละเอียด

ณิชานั่งอยู่ตรงทางเดินอย่างไม่สงบจิตสงบใจ

“ไม่เป็นไรหรอก อย่ากังวลไปเลย” เวธัสกุมมือของหญิงสาวเพื่อเป็นการปลอบใจ

เสียงณิชาสั่นเล็กน้อย “ตอนที่เพิ่งจะถึงบ้าน ฉันก็เห็นว่าที่มือของแม่มีเลือดติดอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้เอะใจซักไซ้อะไรมาก ...ถ้าฉันถามแม่อีกสักคำครึ่งคำ รีบพาแม่มาส่งโรงพยาบาลให้เร็วกว่านี้หน่อย แม่ก็คงไม่ต้องสลบไสลจนหมดสติแบบนี้หรอก

แม้ว่าสิดาไม่ใช่แม้แท้ๆ ของเธอ แต่ก็เป็นคนเลี้ยงตนเองเติบใหญ่มากับมือ

สี่ปีมานี้ เธออยู่เป็นเพื่อนสิดา และสิดาก็อยู่เป็นเพื่อนเธอเช่นเดียวกัน

มีหลายครั้งหลายคราที่เธอหมดสิ้นความหวังจากการเลี้ยงดูเจ้าปัณณ์ สิดาก็จะให้กำลังใจเธอ และคอยสนับสนุนให้เธอฝืนทนเดินต่อไป ณ ขณะนี้ ถือว่าณิชาโชคดีที่กลับไปที่หมู่บ้านออเรนจ์...

เวธัสดึงเธอเข้ามากอดอยู่ในอ้อมอกอย่างสงสารจับใจ เสียงทุ้มต่ำ “นี่มันไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณทำดีที่สุดแล้ว”

ณิชาอัดอยู่ตรงแผงอกของเขา น้ำเสียงขาดๆ หายๆ “ต่อไปฉันจะพาแม่มาตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี เอาทุกครึ่งปีไปเลยค่ะ”

ณิชาไม่รู้ว่าการที่สิดาสงบไสลไม่ได้สติเป็นเพราะว่าศีรษะกระแทกชน ยังคิดว่ามีโรคแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า

“อืม” เวธัสตอบเสียงทุ้มต่ำ “คุณอย่าคิดมั่วซั่วไปไกลเลย ยังไงก็ต้องรอรายงานการตรวจร่างกายจากหมอทั้งหมด”

ไม่นานนัก ประตูห้องตรวจก็ถูกลากออก หมอสรุปรายงานการตรวจออกมาแล้ว

ศีรษะของสิดาได้รับการกระทบกระเทือน จนเกิดเลือดคลั่งในสมอง จนส่งผลให้สลบไป จำต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อเอาเลือดคลั่งในสมองออกอย่างรวดเร็ว

ณิชาชะเง้อมองหมอด้วยความประหลาดใจ

“สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก?” แม่เอาหัวไปกระแทกอะไรมาเหรอคะ?

“ถูกต้องครับ มองจากมุมนั้นแล้ว คล้ายว่าเกิดจากการหกล้ม อาจจะถูกคนกระแทกมาทางด้านหลัง” คุณหมอพูดอธิบาย พร้อมทั้งเร่งรัดให้ณิชาเซ็นชื่อเพื่อยินยอมในการผ่าตัด

ณิชาเซ็นยินยอม ความคิดกำลังเตลิดล่องลอยไปไกล

เมื่อก่อนสิดาได้แผลกรีดที่นิ้วจนเห็นเลือดก็กรีดร้องระงมตั้งหลายวัน

วันนี้หัวแตก แต่กลับทำเหมือนไม่มีเรื่องเกิดขึ้นอยู่ตลอด แถมยังไปทำกับข้าวในครัวด้วย?

กว่าก้อยนวยนาดมาถึงก็ทันสถานการณ์นี้พอดี

เมื่อเธอมาถึงเธอคว้ามือของณิชาทันที พร้อมทั้งวิ่งเหงื่อแตกทั่วหัว ราวกับรีบร้อนมาเช่นนั้น

“พี่ พี่เขย ฉันมาถึงแล้ว ตอนนี้ป้าเป็นยังไงบ้าง? ฟื้นหรือยังคะ?”

ไอ้คนขับรถโง่ๆ คนนั้นมันดันเลี้ยวถนนผิดเส้น จนตามรถของเวธัสไม่ทัน เธอวนหารอบใหญ่ถึงเจอรถยนต์จอดอยู่ใต้ตึกโรงพยาบาลแห่งนี้

ณิชาดึงมือของก้อยออกอย่างเย็นชา พลันใช้แววตาจ้องอย่างเย็นเฉียบ “ตกลงว่าแกทำอะไรกับแม่ฉันไว้?”

ก้อยเงียบงันอยู่สักพัก พลันร้องไห้อย่างน้อยใจ “ฉันจะไปทำอะไรกับป้าได้ล่ะ? ตกลงว่าป้าเป็นไงบ้าง?”

“ในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว โจรก็ไม่มีแต่เป็นแกนี่แหละที่ทำอะไรไว้! ตอนนี้แม่ฉันกำลังผ่าตัดเพราะว่าท้ายทอยถูกกระแทก ก้อย ฉันขอเตือนแกนะ ไม่ว่าแม่ฉันติดหนี้แกกับพ่อของแกเอาไว้เท่าไหร่ก็ตาม ถ้าแม่เป็นอะไรไปแค่ปลายก้อย ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”

ก้อยชำเลืองมองณิชาที่มีออร่าความดุร้ายรายล้อมรอบตัวในเวลานี้ จนช็อกเป็นอย่างมาก

และรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจเช่นเดียวกัน...

เพื่อปกปิดความรู้สึกหวาดหวั่นนี้เอาไว้ เธอทำตาแดง และแสดงท่าทางโกรธแค้นมากกว่าเดิม

“ฉันไม่ได้ทำอะไรป้าจริง ๆ นะ ป้าเป็นญาติคนเดียวของฉันเหมือนกัน พี่ พี่เข้าใจฉันผิดอะไรหรือเปล่า? ทำไมต้องมองฉันแบบนี้ด้วย?”

เสียงณิชาเย็นเฉียบจนไร้อุณหภูมิใดๆ “หากมีคนไม่รู้เรื่องเว้นแต่ใกล้จะไปเปิดเผยด้วยตัวเอง บางเรื่องที่ฉันไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่รู้นะ”

“พี่สงสัยในตัวฉัน งั้นรอให้ป้าฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถามป้าเอาเองดีมั้ยล่ะ? ฉันหวังให้ป้าไม่เป็นไรมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ!” เมื่อเธอฟื้น ตนเองจะได้ถามว่ากำไลอยู่ที่ไหนต่อ

เธอถึงได้รับเงิน 5 ล้านบาท...

ณิชาไม่ได้มองแววตาของก้อยอีกครั้ง คอยเฝ้าจับจ้องด้านนอกห้องผ่าตัดอยู่เงียบๆ เพื่อรอให้การผ่าตัดของสิดาให้แล้วเสร็จ

ก้อยเห็นเส้นผมที่เกาะอยู่บนบ่าของณิชาหนึ่งเส้น จึงฉวยจังหวะที่เวธัสไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่ณิชาไม่ทันระวัง แอบหยิบไปจากบนบ่าของเธอไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊