กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 391

“ฉันได้ยินมาว่าเธอกับเจนนี่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยใช่ไหม” คุณย่าถามอีก

ณิชานึกถึงการแต่งงานของเจนนี่กับชาลีได้ขึ้นมาก็พยักหน้า

“เจนนี่เป็นผู้หญิงที่ดีมากค่ะ เธอไม่ได้เป็นเหมือนกับที่ข้างนอกพูดกัน รู้จักให้นานจะรู้ว่าเธอเป็นคนที่ดีมาก”

“ฉันรู้ ชาลีกับเธอก็รักกัน ตอนนี้เธอก็มีเหลนของตระกูลรุ่งโรจน์ ฉันเอ็นดูเธอไม่ไหวแล้ว”

คุณย่าศิริจันทร์อารมณ์ดีเพราะเรื่องมงคล รอยยิ้มเด่นไปถึงดวงตา

ตุ๊กได้แต่เฝ้ารอที่ประตูลิฟต์เงียบๆ มองอยากไม่ได้ตั้งใจจากมุมนี้ หน้าตาของทั้งสองคนดูละม้ายคล้ายกันจริงๆ

อดใจไม่ไหว สักพักก็พูดขึ้นว่า “คุณณิชา คุณหน้าคล้ายกับคุณย่าสมัยสาวๆมากเลยค่ะ”

ณิชากำลังสงสัยอยู่ว่าเจนนี่กับชาลีไปรักกันตอนไหน เมื่อได้ยินเสียงของตุ๊กก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “น่าจะเป็นเพราะฉันหน้าโหลล่ะมั้งคะ”

คุณย่าศิริจันทร์ก็ไม่ได้คิดมากอะไร

ตั้งแต่ที่กานต์รวีจากไป ในช่วงยี่สิบปีมานี้เธอก็พบกับเด็กสาวที่หน้าตาเหมือนกับกานต์รวีไม่น้อย

น้ำตาลก็เป็นหนึ่งในนั้น

ที่สำคัญกว่านั้น คุณย่าศิริจันทร์คิดเสมอว่า กานต์รวีน่าจะน่าจะไปอยู่กับชายลึกลับที่ประเทศของเขา ไม่น่าจะอยู่ที่เมืองพร

ณิชามองดูคุณย่าขึ้นลิฟต์จากไป ประตูลิฟต์ปิดสายตาของเธอก็ถูกบดบัง คำพูดของตุ๊กก็ก้องอยู่ในหู

อดไม่ได้ที่จะจับแก้มตัวเอง เธอหน้าเหมือนคุณย่าศิริจันทร์ตอนสาวๆมากเลยเหรอ

เหมือนว่าเธอก็หน้าคล้ายกับกันญ่านะ...

หน้าโหลจริงๆแหละ เหมือนคนอื่นไปทั่ว

ในลิฟต์ ถึงแม้คุณย่าจัไม่ได้คิดลึกเรื่องนี้ แต่เมื่อตุ๊กพูดขึ้น เธอก็อดที่จะคิดถึงกานต์รวีไม่ได้

ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว

เธอยังจำได้ดีว่าตอนที่โมโหจนไล่กานต์รวีออกจากตระกูลรุ่งโรจน์ เธอกำลังวาดภาพแม่กับลูกสาวทานอาหารเย็นด้วยกัน โดยมีห้องอาหารของตระกูลรุ่งโรจน์เป็นพื้นหลัง

เธอยังขอให้ตนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นแบบให้เธอ

กานต์รวีเป็นลูกสาวคนสุดท้องและลูกสาวคนเดียวของคุณย่าศิริจันทร์ คนทั้งตระกูลรุ่งโรจน์ตามใจเธอมาก คุณย่าก็เอาใจเธอเหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ภาพนั้นยังวาดไม่เสร็จ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว

ตุ๊กเห็นคุณย่ากะพริบตาเงียบๆ กลั้นน้ำตาไว้ ในใจของเธอก็ไม่ค่อยสบายใจ

แอบดทษตัวเองปากเสีย ชอบพูดถึงคุณวีอยู่เรื่อย

แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าตุ๊กจะพูดถึงหรือไม่ การที่คุณย่าได้มาหาณิชาวันนี้ก็ทำให้คิดถึงอดีตอยู่แล้ว

เจ้านายและคนรับใช้ออกมาจากลิฟต์ด้วยความคิดถึงอดีต จนในที่สุดคุณย่าก็อดที่จะปาดน้ำตาไม่ได้

ในเวลานั้นเอง ก็มีร่างหนึ่งเดินมาโดยไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างรวดเร็วแล้วก็กระแทกคุณย่าเข้า

เมื่อตุ๊กเห็นคนกระแทกเข้ามา ก็รีบเอาคนนั้นผลักออกไปข้างๆ พร้อมกันนั้นก็มีเสียงของตกลงพื้นอย่างกระจัดกระจาย รวมถึงกระบอกเก็บอุณหภูมิกับหนังสือ

ตุ๊กไม่คิดว่าของจะร่วงเยอะขนาดนี้ พอก้าวเข้ามาปกป้องคุณย่าก็บังเอิญไปเหยียบของแข็งๆเข้า

เธอปล่อยเท้า มองลงไปที่พื้น ก็เห็นกำไลข้อมือทองคำลายหงส์ที่ดึงดูดสายตา

ตุ๊กตัวแข็งทื่อ!

กำไลข้อมือเส้นนี้...

ก่อนที่เธอจะเคลื่อนไหว ก้อยก็รีบมาหยิบกำไลข้อมือ แต่ไม่คิดว่าคุณย่าศิริจันทร์จะเร็วกว่า มือย่นๆของเธอจับมือที่ก้อยจะหหยิบกำไลข้อมือขึ้นมา

จู่ๆ ทั้งหญิงชราและหญิงสาวก็หยุดชะงักไป!

คุณย่าศิริจันทร์จ้องไปที่กำไลลายหงส์ในมือของก้อย

เธอเป็นเจ้าของกำไลข้อมือมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งกานต์รวีบรรลุนิติภาวะจึงได้มอบให้กับเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้รูปแบบของกำไลข้อมือที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นอย่างดี มันเหมือนกับกำไลข้อมือที่เธอมอบให้กับกานต์รวีในความทรงจำของเธอทุกประการ

แม้ว่าจะยังไม่แน่ชัดว่านี่เป็นกำไลที่สืบทอดต่อจากตระกูลรุ่งโรจน์จริงหรือไม่ แต่ลายแบบนี้บรรพบุรุษของตระกูลรุ่งโรจน์ได้ให้นักออกแบบสร้างอย่างประณีต หาของเลียนแบบในตลาดไม่ได้อย่างแน่นอน!

แม้ว่าจะเป็นของลอกเลียนแบบ แต่เวลาหลายปีขนาดนี้ ตระกูลรุ่งโรจน์กวาดล้างหมดแล้ว

คุณย่าศิริจันทร์จึงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นกำไลข้อมือเส้นนี้ ราวกับปฏิกิริยาอัตโนมัติ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้น

ดวงตาที่เฉียบคมค่อยๆ เปลี่ยนจากกำไลข้อมือมาที่ใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเธอ

เป็นใบหน้าธรรมดาถึงแม้จะไม่ได้สวยหรู แต่ดูรวมๆกันแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง

อาจเป็นเพราะเธอแต่งหน้าไม่เก่ง อายแชโดว์เลอะทับกัน ทำให้ดวงตาดูเล็กและบวม ซึ่งส่งผลต่อความประทับใจแรกของคุณย่าที่มีต่อเธออย่างมาก

หัวใจของก้อยเต้นตุ้บตั้บเหมือนกลองจากการถูกสายตาที่เฉียบคมของคุณย่าศิริจันทร์จ้องมอง

“คุณ... คุณยาย ทำไมถึงจับมือฉันแบบนี้”

คุณย่าศิริจันทร์ระงับอารมณ์ไว้ ถามเธออย่างตื่นเต้น “เธอไปเอากำไลข้อมือนี้มาจากไหน”

“กำไลข้อมือ” ก้อยทำสีหน้าประหลาดใจ เงยหน้าขึ้น “แม่ฉันให้ฉันมาน่ะสิคะ!”

ก่อนมาพบคุณย่าศิริจันทร์ น้ำตาลได้ฝึกกับก้อยล่วงหน้านับครั้งไม่ถ้วน ว่าคุณย่าศิริจันทร์อาจจะตั้งคำถามกับเธอ

น้ำตาลรู้จักคุณย่าศิริจันทร์เป็นอย่างดี ดังนั้นก้อยจึงไม่รู้สึกประหม่า

เมื่อคุณย่าศิริจันทร์ได้ยินเธอบอกว่าแม่ให้เธอ ใจของเธอก็ประหม่าจนแทบจะกระโดดออกจากร่าง เสียงสั่นเล็กน้อย สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่า “แม่ให้เธอมาหรอ แม่เธอชื่ออะไร……"

“แม่ฉันชื่อกานต์รวี พ่อเรียกเธอว่าวี” ก้อยพูดอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเธอก็ไม่ได้โกหกซะทั้งหมด

เพราะตอนที่อยู่บ้านเกิด พ่อก็เรียกสิดาว่าวี

ชื่อเดิมของสิดาคือสิดารัตน์ แต่เธอเปลี่ยนชื่อหลังจากคบกับสุขุม เพราะอยากจะตัดขาดกับอดีต

“วี…” คุณย่าศิริจันทร์คว้ามือก้อยแล้วบีบอย่างแรง รูม่านตาบีบแน่นขึ้น “ถ้าแม่ของเธอชื่อวี แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน!”

วีคนนี้ จะเป็นลูกสาวของเธอหรือเปล่า

ก้อยรู้สึกเจ็บมากที่ถูกคุณย่าศิริจันทร์จับไว้ เธอทำหน้าว่างเปล่าและมองคุณย่าศิริจันทร์ด้วยความสับสน

“ทำไมคุณถามแบบนี้คะ คุณรู้จักแม่ฉันเหรอ”

“ฉัน...” คุณย่าศิริจันทร์อยากจะบอกไปว่าลูกสาวของเธอก็ชื่อวี แต่เธอกลับคำพูดเป็น “ฉันรู้จักกำไลข้อมือนี้ เป็นของลูกสาวเพื่อนเก่าของฉัน หากเธอพาฉันไปหาเจ้าของกำไลนี้ได้ ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธออยากได้”

เมื่อรู้ว่าคุณย่าศิริจันทร์ยังคงสงสัยเธอ ก้อยก็ถอนหายใจอย่างขมขื่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหมดหนทาง "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเกรงว่าฉันไม่สามารถพาคุณไปหาเธอได้"

"ทำไมกัน” คุณย่าศิรัจันทร์ตื่นเต้นอีกครั้ง คว้ามือก้อย ไว้แน่น

ก้อยมองกำไลข้อมืออย่างรำลึกความหลัง เสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถซ่อนได้ "เพราะแม่ของฉันเสียไปแล้ว"

"..."

คุณย่าศิริจันทร์เหมือนถูกฟ้าผ่าลง เบื้องหน้ามืดมน ร่างกายของเธอก็สั่นคลอนลง

กานต์รวีเสียชีวิตแล้วเหรอ

เป็นไปได้ยังไง!

ปีนี้เธออายุสี่สิบเอง อ่อนกว่าเธอตั้งรุ่นหนึ่ง!

“เธอโกหกแน่ๆ! วียังไม่ตาย!” คุณย่าศิริจันทร์ตะโกนใส่ก้อยด้วยดวงตาสีแดงฉาน การหายใจของเธอดูเหมือนถูกรัดคอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊