กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 392

“ท่านหญิง ใจเย็นๆนะคะ… บางทีคุณวีคนนี้อาจไม่ใช่คุณหนูก็ได้” ตุ๊กรีบพยุงคุณย่าแล้วพูดเบาๆ ตาก็จ้องไปที่ก้อยพร้อมๆ กัน

ผู้หญิงคนนี้ดูไม่เหมือนคุณกานต์รวีเลยจริงๆ

ก้อยดูเหมือนจะกลัวคุณย่าศิริจันทร์ จากนั้นก็จับแขนของเธอ แล้วก็อธิบายด้วยความร้อนรน “ทำไมฉันต้องโกหกคุณด้วย แม่ของฉันเสียชีวิตแล้วจริงๆ เธอเสียชีวิตตอนที่คลอดฉัน คุณย่าคะ คุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับแม่ฉันกันแน่”

คุณย่าศิริจันทร์จะโพล่งบอกความจริง เริ่มขยับริมฝีปากของเธอ แล้วก็กลับมาคิดใหม่

ทุกคนรู้ว่าเธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอ

กำไลข้อมือนี้ไม่เคยมีความเคลื่อนไหวมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับปรากฏขึ้น...

มันอาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดจากคนที่รู้เรื่องก็ได้

แต่ถ้าสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดเป็นความจริง แสดงว่าเธอก็คือหลานสาวของเธอ!

คุณย่าศิริจันทร์กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว ยืนขึ้นตรงจากการพยุงของตุ๊ก แล้วพูดกับก้อยว่า "เธออยากขายกำไลนี้ให้ฉันไหม ฉันจะให้ราคาสูงเลย”

"นี่เป็นของที่แม่ให้กับฉันไว้ดูต่างหน้านะคะ ขอโทษจริงๆ ฉันขายไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณไม่บอกว่าเป็นอะไรกับแม่ฉัน งั้นฉันไปก่อนนะคะ” ก้อย นึกถึงคำที่น้ำตาลเตือนเธออยู่เสมอ ถ้าคุณย่าศิริจันทร์สงสัยในตัวเธอ เธอห้ามรีบร้อนเกินไปเด็ดขาด ต้องถอยออกมาก่อนถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้

ดังนั้นเธอจึงจะจากไปก่อน

ตุ๊กเห็นก้อยจะออกไปจริงๆ จึงรีบเอื้อมมือไปห้ามเธอ...

แต่คุณย่าศิริจันทร์ห้ามตุ๊กไว้ แล้วส่ายหน้า

เมื่อก้อยหายไปจากสายตา ตุ๊กก็ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณท่านคะ จะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปแบบนี้จริงๆ เหรอ”

“ไปหาคนมาตรวจสอบ ฉันอยากรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้!” คุณย่าศิริจันทร์สั่งอย่างเด็ดขาด

ตอนที่ก้อยปรากฏตัว เธอไม่ได้มีความรู้สึกคุ้นเคยมากนัก

แต่กำไลข้อมือนั่น เธอมั่นใจว่าเป็นของตระกูลรุ่งโรจน์แน่

ไม่ว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นหลานสาวของเธอหรือไม่ก็ตาม มันต้องเกี่ยวข้องกับกานต์รวีแน่!

คุณย่าศิริจันทร์ไม่กล้าตัดสินโดยไม่เห็นผลการตรวจสอบก่อน...

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอได้ให้คนจำนวนมากตรวจสอบที่อยู่ของกานต์รวี

ก็จะได้ข่าวเป็นครั้งคราว บอกว่าที่ไหนมีคนที่เหมือนกับกานต์รวี ทุกครั้งเธอก็รีบไปดูเอง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังทุกครั้ง

รอมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ก็รอต่อไปอีกหน่อยก็ไม่เสียหาย

แต่ยังไงเธอก็ไม่อยากเชื่อว่า กานต์รวีของเธอเสียชีวิตแล้วแบบนี้

อันที่จริง เธอมีความหวังริบหรี่อยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หลานสาวของเธอ กานต์รวีที่พวกเขากำลังพูดถึงก็ไม่ใช่คนเดียวกัน

...

ก้อยรออยู่ตลอดให้คุณย่าศิริจันทร์เรียกเธอไว้ หรือว่าให้คนที่ตามอยู่ด้านหลังเดินมาหา

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เธอก็โทรหาน้ำตาล

น้ำตาลก็รอผลจาก ก้อยอยู่ตลอดเหมือนกัน แต่น้ำตาลก็กลัวว่าคุณย่าศิริจันทร์จะเอาบอดี้การ์ดไปด้วย แล้วเจอเธอ เธอจึงไม่กล้าไปโผล่ในโรงพยาบาลกับ ก้อย

“เป็นไงบ้าง นางแก่นั่นเชื่อไหม” น้ำตาลถามอย่างกังวล

ก้อยเล่าให้น้ำตาลฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กัดปากแล้วพูดว่า "เธอไม่เชื่อฉันแน่! ถ้าส่งคนไปสืบประวัติฉันจะทำไง...คุณน้ำตาลคะ ฉันกลัว"

น้ำตาลรู้ว่าหญิงแก่ไม่ได้หลอกง่ายๆ

“เธอไม่มีอะไรจะเสียตั้งแต่แรก มีอะไรให้ต้องกลัวเหรอ ฉันเคยมีแล้วก็เสียไป ตอนนี้กว่าจะค่อยๆมีขึ้นมาใหม่ คนที่กลัวที่สุดควรจะเป็นฉัน! เพราะงั้น ใจเย็นๆซะ ทำให้แน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรที่ดูน่าสงสัย ก็รอเป็นหลานสาวของตระกูลรุ่งโรจน์เถอะ!”

เธอไม่ได้หวังให้ก้อยทำให้สำเร็จในคราวเดียว โชคดีที่เธอยังมีแผนสำรอง

ในที่สุด ก้อยก็สงบลงแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สบายใจ

“ที่ฉันกลัวที่สุดคือเธอจะสืบจนเจอณิชา...” ใบหน้าของเธอไม่สบายใจ

น้ำตาลก็คิดถึงเรื่องนั้นเหมือนกัน พร้อมอมยิ้มมุมปาก “เพราะงั้นเราต้องเคลื่อนไหวให้เร็วกว่า ก่อนที่นางแก่นั่นจะสงสัย ต้องทำให้เธอเชื่อว่าเธอเป็นหลานสาวของหล่อน!”

“ฉัน...ฉันเชื่อคุณน้ำตาลค่ะ ถ้าได้เป็นหลานสาวตระกูลรุ่งโรจน์ ฉันจะตอบแทนคุณเอง! ถึงเวลานั้น ณิชาหรืออะไรก็ช่างที่ทำให้คุณขุ่นเคืองใจ ฉันจะส่งพวกมันไปตายให้หมด!”

หลังจากก้อยวางสาย ก็ยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่างตรงทางเดินของโรงพยาบาล แล้วก็เหม่อลอยอยู่นาน

แม้ว่าน้ำตาลสัญญาว่าจะช่วยเธอ แต่...

น้ำตาลพูดถูก อยากจะรวยก็ต้องเสี่ยงหน่อย ยังไงเธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียอะไร!

เธออยากเป็นคุณหนูของตระกูลรุ่งโรจน์ หลานสาวตระกูลรุ่งโรจน์ต้องเป็นเธอเท่านั้น!

เธอจับกำไลข้อมือในมือของเธอแล้วสวมมันไว้บนข้อมือของเธอแน่นๆ กำไลข้อมือสีทองตัดกับผิวสีขาวราวกับหิมะ ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ

ก้อยมองดูก็สวยมาก เธอจะปล่อยมันไปแบบนี้ไม่ได้

แต่ก็ต้องเผื่อไว้ก่อน ถ้าหาเรื่องณิชาได้ ทำให้เธอไม่มีกะจิตกะใจมารู้จักมักจี่กับคุณย่าศิริจันทร์ได้ก็ดี

......

ในกลางดึก

ณิชาได้รับโทรศัพท์จากเวธัส ว่ามาวินกลับมาแล้ว ถามเธอว่าจะไปต้อนรับเขาหน่อยไหม

ตอนที่ณิชาเพิ่งหนีไปที่ฝรั่งเศสไม่นาน เวธัสก็เอามาวินย้ายไปทำงานที่เมืองข้างๆที่ไม่มีอะไร

มาวินเพิ่งทำงานเสร็จ ก็ขอร้องให้เวธัสย้ายเขากลับ

เด็กน้อยคนนี้เบื่อจะแย่แล้ว

ทันทีที่กลับมาก็ไปเที่ยวผับบาร์สถานที่แสงสีเสียงซะทั่ว

เวธัสก็ถูกเขารบเร้าให้ไปด้วยอยู่ตลอด ก็เลยตกลงไปด้วย

ณิชาไม่ได้ไปต้อนรับเขาที่อิมพิเรียลคลับอย่างแรกคือมันกลางคืนแล้ว เธออยากอยู่กับลูกๆมากกว่า อีกอย่างคือตามนิสัยของมาวินแล้วเขาต้องชวนเพื่อนที่ชอบเที่ยวเล่นมาอีกเยอะแน่ เธอก็ไม่ไปแล้วดีกว่า

ถ้าอยากใต้อนรับจริงๆเดี๋ยวพรุ่งนี้เธอลงมือเข้าครัวทำอาหารให้

เมื่อมาวินได้ยินอย่างนั้นก็ร้องตะโกนว่า “พี่สะใภ้เจ๋งที่สุด!”

เขาอยากไปบ้านเวธัสมาก แต่เวธัสไม่เคยให้เขาได้มีโอกาสได้ไปเลย

เพราะงั้น คนกลุ่มหนึ่งก็ไปรวมกันปาร์ตี้ที่อิมพิเรียลคลับ

ในบรรดาเพื่อนฝูงของมาวิน เวธัสอาวุโสที่สุด สง่าราศีที่สุดด้วย เขามองดูเด็กน้อยพวกนี้ก็ไม่อยากพาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวของเขา ก็เลยเปิดห้องโถงให้สนุกกัน

กะว่าจะอยู่กับมาวินสักพักแล้วก็กลับก่อน

ก้อยเจอเข้ากับเวธัสในสถานการณ์แบบนี้

เธอได้ยินมาว่า อิมพิเรียลคลับเป็นคลับระดับไฮเอนด์ จึงอยากมาที่นี่เพื่อฝึกความกล้าหาญ เพื่อที่จะไม่แสดงความขี้ขลาดของเธอ

บังเอิญเห็นเวธัสที่รายล้อมไปด้วยผู้คน

เวธัสถอดสูทออกแล้ววางไว้บนเก้าอี้ด้านหลัง เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ร่างรูปร่างที่เซ็กซี่ หุ่นดี กล้ามเนื้อบางๆ ดูเหมือนพุ่งออกมาจากใต้เสื้อผ้า

ถือแก้วไวน์ด้วยมือข้างเดียว แขนเสื้อม้วนขึ้นไปถึงศอก ดูแข็งแรงและทรงพลัง

ถ้ามือเหล่านี้มาอยู่บนตัวเธอ...

ใบหน้าของ ก้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงหยิบไวน์สองแก้วจากบาร์เทนเดอร์ แล้วเดินอย่างกล้าหาญไปยังตำแหน่งที่เวธัสอยู่

แสงไฟระยิบระยับชวนมัวเมา ส่องสว่างให้กับฝูงชน ดูมีชีวิตชีวามาก

“คุณธัส บังเอิญจังเลยนะ” ก้อยเลียริมฝีปากที่ซีดจางเล็กน้อยจากแสง แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “คุณก็มาเที่ยวที่นี่เหรอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊