สิดาใช้เวลาผ่อนคลายลงประมาณสามนาที อารมณ์ถึงค่อยๆนิ่งสงบลง
เธอหายใจหอบ ณิชาป้อนน้ำผลไม้ให้กับเธอไปครึ่งแก้ว พอปากได้สัมผัสรสหวาน ความตื่นกลัวของเธอก็ไม่ได้หนักหนารุนแรงมากแล้ว
แต่ยังคงไม่กล้ามองเวธัสอยู่เหมือนเดิม
ในตอนนี้เวธัสถึงได้ถามขึ้นมาต่อ“แม่ยาย ถ้าผมอยากจะให้คุณตาย มีวิธีตั้งมากตั้งมาย ผมจำเป็นที่จะต้องขับรถไปชนคุณด้วยตัวเองด้วยเหรอ? คุณลองคิดให้ดีๆอีกครั้งสิ ว่าในคืนนั้นมีเหตุการณ์พิเศษอะไรที่เกิดขึ้นอีกบ้าง? หรือไม่ก็ที่ตัวของผู้กระทำผิดมีลักษณะพิเศษอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง……”
ณิชาก็ช่วยพูดเสริมให้“หนูก็เชื่อว่าธัสไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมเหมือนกันค่ะ แม่ลองคิดดูให้ดีๆอีกครั้งได้ไหม?”
“แม่……”สิดาดื่มน้ำผลไม้ไปอีกคำ กุมหัวครุ่นคิด
ในคืนนั้นเพื่อที่จะวิ่งหนีก้อย เธอวิ่งออกมาจากชั้นบน กลัวว่าคนจะจับตัวของก้อย ก็เลยไม่กล้าแจ้งตำรวจ
แต่เพิ่งจะวิ่งมาถึงริมถนน รถคันหนึ่งก็แล่นตรงเข้ามาชนเธอจนกระเด็น……
ก่อนที่จะร่วงตกลงไปบนพื้น ระยะห่างระหว่างเธอกับคนขับใกล้มากๆ เธอเห็นหน้าของคนขับรถ แล้วก็เห็นว่าที่คอของคนขับนั้นดูเหมือนจะห้อยของอะไรบางอย่างไว้ด้วย มันคือ……
“หัวกะโหลก!”จู่ๆสิดาก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ“ที่คอของเขาเหมือนจะห้อยสร้อยคอรูปหัวกะโหลกไว้ด้วย!ใช่แล้วๆๆ เป็นหัวกะโหลกสีดำ……”
“เหมือนกับว่าฉันจะไม่เคยเห็นคุณสวมใส่พวกของแบบนี้มาก่อนเลยนะ?”ณิชาหันมองไปยังเวธัสอย่างว่องไว ความรู้สึกสงสัยภายในใจยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น
เวธัสหวนนึกถึงภาพในกล้องวงจรปิดตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจ เนื่องจากมุมถ่ายเอียงลงข้างล่าง ดังนั้นไม่สามารถยืนยันได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับใส่เครื่องประดับอะไรกันแน่ ถึงยังไงก็มีกระจกหน้าต่างรถบังเอาไว้อยู่
“ผมไม่ชอบใส่พวกเครื่องประดับ รู้สึกว่ามันดูเหยาะแหยะ”เวธัสขมวดคิ้วแรงกว่าเดิม ก่อนจะพูดถามสิดาอีกครั้ง“คุณบอกว่าเขาสายตาดุร้าย พอเห็นคุณพุ่งออกมา ก็จงใจเร่งความเร็ว? จะบอกว่าเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนใช่ไหม?”
“……ฉันไม่ได้สังเกตจริงๆ ฉันแค่รู้สึกว่าในตอนนั้นนายดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”สิดาพูดพึมพำออกมาเบาๆ ตอนที่พูดออกมาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
ชีวิตในตอนนี้ของเธอเหมือนกับเธอไปแย่งกลับมาจากมือของยมบาลจริงๆ
เวธัสได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดพิจารณา
ในวันนั้น เดิมทีเขากะที่จะไปรอสนับสนุนณิชาที่บริษัทของเธอ แต่จู่ๆก็รู้สึกปวดหัว เหมือนกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงหัวของเขาอยู่ เจ็บจนเขาแทบจะเป็นลมหมดสติไป
ช่วงที่มันรุนแรงที่สุด สองตาของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด แทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปจนหมดแล้ว
เขาโทรศัพท์ไปหาผู้บริหารของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากเอกชนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ไปยังฐานปฏิบัติการ
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนนอกรู้ความลับของโรคทางพันธุกรรมของตระกูลสนธิไชย ดังนั้นฐานปฏิบัติการจึงออกแบบก่อสร้างอย่างมิดชิด ระหว่างทางไปก็ไม่มีการเฝ้าระวัง ตั้งอยู่ติดกับชานเมือง
พักอยู่ในห้องปฏิบัติการอยู่สักพัก ในช่วงเวลาใกล้ค่ำ ตัวยาที่ฉีดเข้าไปก็เริ่มออกฤทธิ์ ความเจ็บปวดทรมานนั้นถึงได้ค่อยๆบรรเทาลง
เดิมทีเขาอยากที่จะขับรถกลับบ้าน แต่ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เกือบจะเกิดเหตุรถชนขึ้น เขาก็เลยต้องพักอยู่ที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในละแวกแถวนั้น
หลังจากเกิดเรื่อง ก็ได้ทราบว่าสิดาถูก“เขา”ขับรถชน เขาก็เลยไปตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว
แต่ตอนนั้นดันเป็นช่วงค่ำ โรงแรมก็อยู่ชานเมือง หาเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรไม่เจอเลย เขาก็นึกว่าในคืนนั้นตัวเองเป็นคนขับรถชนสิดาจริงๆ แต่กลับความจำเสื่อมจากฤทธิ์ของตัวยามาโดยตลอด
ตอนนี้ดูท่าแล้ว ดูเหมือนจะได้ข้อมูลที่สำคัญอะไรบางอย่างมาแล้ว
ณิชาเห็นท่าทางที่กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ของเวธัส ก็ถามออกมาด้วยความอยากรู้อย่างช่วยไม่ได้“ธัส คุณคิดอะไรขึ้นมาได้แล้วใช่ไหม?”
“ตอนนี้ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ รอผมยืนยันได้แล้วเดี๋ยวค่อยบอกกับคุณอีกที”
“ไม่ว่าคุณจะรู้อะไร ก็อย่าปิดบังฉันได้ไหม?”ณิชามองเวธัสอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ“ครั้งนี้ ฉันอยากจะก้าวหน้าและถดถอยไปด้วยกันกับคุณ แม้ว่า……จะเป็นคุณจริงๆ ก็อย่าหลอกลวงฉันเลยนะ”
เสียงในลำคอที่น่าดึงดูดของเวธัสดังขึ้นมา พยักหน้าอย่างจริงจัง“ได้”
……
เวธัสเดินออกไปโทรศัพท์ที่ทางเดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...