กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 505

ณิชาสามารถเพิกเฉยต่อคำพูดเยาะเย้ยของพวกเธอได้ แต่ว่าพวกเธอกำลังเอาพ่อจองเธอมาล้อเล่น เหมือนเป็นการท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของเธอแล้ว

เธอเก็บสีหน้าที่สบายๆ ของตัวเองไป และสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นท่าทางที่แข็งแกร่งขึ้นมา “ใช้เงินหลายสิบล้านไปประมูลภาพวาดสีน้ำมันปลอมๆ มา จะเอาให้คุณยาย ฉันทำลายมันไปเพื่อไม่ให้มันต้องมาทำให้อับอายขายขี้หน้าอีกต่อไปไง แล้วไม่ควรจะขอบคุณฉันงั้นเหรอ? ”

“ภาพวาดปลอมงั้นเหรอ? ” พอสายไหมได้ยินเธอถามอย่างแน่วแน่ขนาดนี้ หัวใจก็มืดมนลงทันที

เธอไม่ได้ประมูลภาพวาดนี้มาจากสวิตเซอร์แลนด์จริงๆ หรอก แต่ว่าซื้อมาจากตลาดมืดนอกสถาบันประมูลต่างหากล่ะ

อีกฝ่ายยืนยันว่านี่เป็นงานจริง แถมยังให้ใบเสร็จจากสถาบันประมูลกับเธอด้วย

แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ต้องรีบกลับประเทศมาเพื่อดูแลเรื่องของพิภพ ก็เลยไม่มีเวลาไปตรวจสอบว่ามันจริงรึเปล่า

แต่ว่าณิชาจะมองออกได้ภายในแว๊บเดียวได้ยังไงว่ามันเป็นของปลอม? เธอต้องตั้งใจหลอกลวงอย่างแน่นอน

พวกผู้หญิงชั้นสูงที่ช่วยกันปกป้องสายไหมก็หัวเราะเยาะออกมาพร้อมกับพูดว่า “คุณณิชามีความรู้เรื่องงานภาพวาดน้ำมันด้วยงั้นเหรอคะ? เก่งจริงๆ เลยนะ! แต่ว่าคุณไม่ใช่สถาปนิกหรอกหรอ? ”

“คุณณิชา ฉันรู้ว่าสายไหมพูดจาไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ เลยทำให้คุณต้องรู้สึกขุ่นเคือง แต่ว่าคุณอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะคะ ฉันขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ แต่ว่ารูปภาพนี้ถูกประมูลมาจากสถาบันประมูลจริงๆ และได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นมันต้องเป็นของแท้อย่างแน่นอนค่ะ”

เดิมอุษาก็ไม่อยากจะสร้างเรื่อง แต่พอได้ยินว่าณิชาใส่ร้ายสายไหม เธอก็เลยรู้สึกร้อนใจ

การทุ่มเงินเป็นสิบล้านเพื่อซื้อภาพวาดน้ำมันปลอมๆ กลับมา ถ้าพูดให้ดูดีหน่อยก็ถือถูกหลอกด้วยความไม่ทันระวัง แต่ว่าถ้าพูดแบบแย่หน่อยก็ถือไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด โดนคนอื่นต้มตุ๋นได้ง่ายๆ หรือถ้าจะดูเป็นทฤษฎีสมคบคิดหน่อย ก็คือพวกเธอทั้งสองคนซื้อของปลอมมาเพื่อโกหกศิริจันทร์

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนแม่ลูกคู่นี้ก็รับไม่ไหวหรอกนะ!

การยอมถอยของอุษาทำให้ณิชาดูเป็นคน “เปลี่ยนขาวเป็นดำ”พวกผู้หญิงที่ต่อหน้าทำเป็นเคารพณิชา ส่วนลับหลังก็แอบรังเกียจตัวตนของณิชาอยู่นั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมากกว่าเดิม

ณิชาก็ไม่ได้รู้สึกโมโหอะไร เธออธิบายอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ภาพวาดปลอมที่แพร่หลายทั่วไปในตลาดล้วนใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ แต่ว่าชิ้นนี้มันเป็นของปลอมที่วาดด้วยมือ และมีความคล้ายคลึงกับของจริงมากกว่า 90% จึงค่อนข้างยากในการระบุ……”

“ในเมื่อมันยากที่จะระบุ แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือของปลอม? ”

““เพราะว่าศตวรรษที่ 19 ไม่ได้พัฒนาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ในการที่จะถนอมภาพสีน้ำมันให้คงอยู่เป็นเวลานาน ช่างสีน้ำมันจะทาชั้นของน้ำยาเคลือบหลังจากที่สีแห้งสนิทแล้ว จิตรกรแต่ละคนก็มักใช้วิธีที่แตกต่างกัน ฉันโชคดีที่ได้เห็นภาพเขียนสีน้ำมันอื่นๆ ของมาสเตอร์มอริเซียน น้ำยาเคลือบที่เขาใช้นั้นเป็นน้ำยาที่เขาผลิตขึ้นมาเอง กลิ่นเป็นเอกลักษณ์และติดทน มีกลิ่นหอมยางสนอ่อนๆ แต่ว่ากลิ่นยางสนนี้มันไม่บริสุทธิ์ แถมยังปนไปด้วยกลิ่นสีที่จางมากๆ เป็นไปได้อย่างมากว่ามันถูกจิตรกรรุ่นหลังปลอมแปลงมา”

คนที่ไม่เข้าใจเรื่องภาพวาดสีน้ำมันพอได้มาฟังอะไรแบบนี้ก็รู้สึกงง มันผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว จะเอาเรื่องกลิ่นของน้ำยาเคลือบมาตัดสินได้ยังไงว่ามันเป็นของจริงหรือว่าปลอม?

ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าควรจะเชื่อใครดี

แต่ว่าใบหน้าของสายไหมก็ซีดลงเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

แน่นอนว่าเธอรู้ดีเกี่ยวกับข้อดีของการเคลือบบนภาพสีน้ำมัน แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าผลงานชิ้นนี้มันเป็นของปลอม

“คุณพูดถึงเรื่องกลิ่นสีน้ำมันอะไรกัน? ฉันไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย แต่งเรื่องนี่!ฉันเกือบจะชื่นชมจินตนาการที่ล้ำเลิศของคุณแล้วนะ……”

“ถ้ายังงั้นทุกท่านลองดมดูไหมล่ะคะ? ”ทันใดนั้นอุษาก็เสนอขึ้นมา เธอเชื่อว่าสายไหมต้องซื้อของจริงมาอย่างแน่นอน

ศิริจันทร์มองดูละครเรื่องนี้นานเกินไปแล้ว เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดว่า “ตอนนี้บนรูปนั้นเลอะไวน์หมดแล้ว กลิ่นไวน์น่ะแรงมาก กลบกลิ่นอื่นหมดนั่นแหละ จะให้ไปดมเฉยๆ ก็ไม่รู้เรื่องหรอก”

“ฉันว่าเธอจงใจ!”

“จงใจใช้ไวน์แดงทำลายกลิ่นเดิม แล้วก็มาพูดต่อหน้าทุกคนเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นสีอะไรไม่รู้ เมื่อกี้ฉันได้แค่กลิ่นจางๆ จากต้นแพรเท่านั้นแหละ กลิ่นสีอะไรไร้สาระ……”

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่ภรรยาผมพูดคือเรื่องจริง” พอได้ยินเสียงคนเริ่มซุบซิบกัน จู่ๆ เวธัสก็พูดเสียงดังขึ้นมา ความกดดันแผ่กระจายไปทั่ว ท่าทางปกป้องภรรยาอย่างถึงที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊