เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี นิยาย บท 10

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว

ด้านหลังหมู่บ้านหยางฮัว ในเรือนท่านยายหมี่ ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความเกรงใจเจ้าของเรือน หวงชางหาบถังไม้ไปตักน้ำที่ลำธาร ฉินซื่อทำอาหารเช้าให้ท่านยายหมี่ หวงจื่อถงทำความสะอาดลานบ้าน มีเพียงเด็กน้อยสองคน ที่นั่งแกว่งเท้าไปมา ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน

“ฉินซื่อเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป”

ท่านยายหมี่ตำหนินางหลังเดินมาด้านหลังเงียบ ๆ

“ท่านยายหมี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าต้มโจ๊กให้ท่านคนเดียว ประเดี๋ยวพอพี่ชางตักน้ำเต็มถังแล้ว พวกเราจะพากันไปเก็บผักป่าบนภูเขาเจ้าค่ะ”

ฉินซื่อรีบบอก ด้วยเกรงว่าท่านยายหมี่จะหาว่านางถือวิสาสะใช้เสบียงของท่าน

“เจ้านี่มันยังไง ข้าบอกว่าเจ้าต้มโจ๊กน้อยไป เพิ่มข้าวขาวไปอีกให้พอกินกันทุกคน”

“แต่ท่านยายหมี่เจ้าคะ พวกข้าเอ่อ”

“ข้าบอกให้พวกเจ้ากินก็กินไป อย่ามาเรื่องมาก”

“ขอบคุณท่านยายหมี่เจ้าค่ะ” ฉินซื่อน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางรู้ว่าท่านยายหมี่สงสารครอบครัวของนาง “แต่ข้าไม่อาจเอาเปรียบท่านยายหมี่ได้”

“เด็กโง่ ข้าเต็มใจให้ข้าวพวกเจ้ากิน เป็นการเอาเปรียบตรงไหน เจ้าดูนั่นสามีของเจ้าหาบน้ำให้ข้าเต็มสองสามถัง ลูกชายของเจ้าก็กวาดลานบ้านข้าจนสะอาด เด็กน้อยสองคนนั้นแค่ได้มองพวกนาง ข้าก็สบายตาได้แล้ว มีสิ่งใดที่เรียกว่าเอาเปรียบกัน ข้าไม่ได้จะเลี้ยงดูพวกเจ้าไปจนตายเสียหน่อย ใช่ว่าพวกเจ้าไม่มีมือเท้าเสียเมื่อไหร่ หรือไม่คิดจะหางานการทำ”

ท่านยายหมี่ทำเสียงดุในตอนท้าย

ฉินซื่อรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านยายหมี่ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น พี่ชางสามารถขึ้นเขาไปหาสัตว์ป่าได้ หรือไม่ก็ไปรับจ้างในอำเภอก็ได้ ส่วนข้าก็สามารถซักผ้าทำกับข้าวให้ท่านได้”

“ขอเพียงพวกเจ้าไม่ยอมแพ้ สิ่งใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

ท่านยายหมี่เช็ดน้ำตาให้ฉินซื่อ ในใจหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย แม้นางจะเอ็นดูพวกเขา นั่นเพราะค่าเช่าห้าสิบอีแปะที่ท่านยายเจียงมอบให้ ถึงสามารถซื้อเสบียงมาเพิ่มได้ หากหมดแล้วไม่มีค่าเช่าก็ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อ

ลำธารประจำหมู่บ้าน อยู่ไกลจากเรือนของท่านยายหมี่ไม่มากนัก ใช้เวลาเดินไปกลับเพียงหนึ่งเค่อ ทว่าอยู่ไกลจากเรือนของท่านยายเจียงเล็กน้อย สองพี่น้องตระกูลหวงได้พบกันที่ลำธาร จึงได้หยุดพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง

“น้องสามเมื่อวานพวกเจ้าคงหิวโหยน่าดู ท่านยายอยากแบ่งปันอาหารให้พวกเจ้า แต่ท่านแม่ห้ามเอาไว้” หวงเต๋อมีนิสัยอ่อนโยนและไม่มีปากเสียงมาแต่ไหนแต่ไร เขาได้แต่สงสารน้องชายแต่ไม่กล้ายื่นมือช่วยเหลือ

“พี่รองเหตุใดท่านแม่ต้องห้ามด้วยเล่า” ความลำเอียงเมื่อได้รับนานวันเข้า หวงชางรู้สึกเจ็บปวดจนด้านชากับมันแล้วเหมือนกัน

“ท่านแม่บอกว่าพวกเจ้าไม่หิวกันหรอก เก็บเอาไว้ให้หลานชายสองคนของบ้านใหญ่กินดีกว่า” หวงเต๋อกล่าวแล้วระบายลมหายใจออกไปด้วย “เจ้ามาตักน้ำเช่นนี้มีแรงรึ” เขาใช้ถังไม้ตักน้ำในลำธารไปด้วยระหว่างถาม

หวงชาง “ท่านยายหมี่สงสาร เลยให้โจ๊กพวกข้ากินคนละไม่กี่คำ”

“ยังดี ๆ”

“ข้าเกรงใจท่านยายหมี่มาก ที่เรือนของท่านยายหมี่เองก็ไม่มีเสบียงเหลือแล้ว ตอนกลางวันกะว่าจะขึ้นไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขาดู พี่รองท่านสนใจไปด้วยกันไหม”

“น้องสามเจ้าก็รู้ว่าข้าล่าสัตว์ไม่เป็น ข้าตั้งใจไปหางานในอำเภอทำ พี่ใหญ่ก็ตั้งใจไว้เช่นนี้”

“เช่นนั้นฝากท่านหางานเผื่อข้าด้วยก็แล้วกัน ข้าคงต้องหาทางให้อิ่มท้องก่อน ถึงจะมีแรงออกไปหางานทำที่อื่น”

หวงชางหมดหวังกับบิดามารดาของตนแล้ว หวังเพิ่งพาท่านยายเจียงคงเป็นไปได้ยาก สตรีที่ถูกไล่ออกจากเรือนต้องเลี้ยงดูหลานสาวเพียงลำพัง ในวัยไม้ใกล้ฝั่งเช่นนี้ ไหนเลยจะง่ายดาย

“ข้าจะลองหาดูให้” หวงเต๋อเอ่ยคล้ายคนขาดความมั่นใจ หางานในอำเภอไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น

หลังกินมื้อเช้ากันอิ่มแล้ว หวงชางก็พาบุตรชายขึ้นไปบนภูเขา หลินลู่ฉีได้แต่มองตามตาละห้อย แค่นางเอ่ยปากอยากไปด้วย ทุกคนก็ลูบศีรษะนางแล้วหัวเราะเบา ๆ ไม่มีใครใส่ใจในคำพูดของนางเลย

“เจ้าจะขึ้นไปให้เป็นภาระลุงของเจ้ารึ” ท่านยายหมี่เอ็นดูนางเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้รู้ความกว่าหวงจื่อเหยา ที่อายุมากกว่าหนึ่งปีเสียอีก เด็กคนนั้นยังร้องไห้หาพ่อแม่อยู่บ้าง แต่หลินลู่ฉีกลับไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง

“ข้าอยากช่วยหาของกิน” เด็กน้อยเอ่ยอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“อยู่กับข้านี่มีของกินเยอะแยะ จะขึ้นเขาไปให้ลำบากทำไม”

บทที่ 10 : เย้ ๆ ข้ามีน้ำตาลกิน...แล้ว 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี