เข้าสู่ระบบผ่าน

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี นิยาย บท 12

บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ

เมื่อกลับไปถึงเรือนของท่านยายหมี่ พบหม่าซูเหวินมายืนชะเง้อคอมองเข้าไปในเรือนอยู่ก่อนหน้าแล้ว

“เหวินเอ๋อร์มาหายายหรือลูก” ท่านยายหมี่ทักถามนาง

“ข้านึกว่าพวกท่านอยู่ในเรือนกัน ข้ามาดูครอบครัวพี่ชายหวงชางเจ้าค่ะท่านยายหมี่” หม่าซูเหวินได้รับการไหว้วานจากผู้เป็นย่า ให้มาสอบถามความเป็นอยู่ของคนบ้านสาม

“เข้าบ้านก่อนค่อยคุยกัน” ท่านยายหมี่เดินนำหน้าทุกคนเปิดประตูเข้าไปในเรือน

ไม่มีน้ำชาต้อนรับแขก ฉินซื่อจึงนำน้ำร้อนออกมาวางไว้บนโต๊ะแทน

“ขอบคุณพี่สะใภ้สามเจ้าค่ะ”

ฉินซื่อ “ท่านยายให้น้องซูเหวินมาดูพวกข้ารึ”

“เจ้าค่ะ ท่านย่าให้มาถามว่า พวกท่านต้องการความช่วยเหลืออื่นอีกหรือไม่”

หม่าซูเหวินเอ่ยเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก ท่านย่าของนางคงอยากรู้ว่าเมื่อวานนี้ พวกเขามีข้าวกินหรือไม่ รวมถึงวันนี้ทั้งวันอีกด้วย เพราะนางเจียงไม่ยอมแบ่งอาหารมาให้เลยสักครั้ง

“พวกข้าไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะ เมื่อวานนี้ท่านยายหมี่แบ่งปันอาหารให้แล้ว วันนี้พากันเข้าไปเก็บผักป่ามาอีกด้วย ส่วนพี่ชางพาถงเอ๋อร์ขึ้นไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขา น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ฝากเจ้าขอบคุณท่านยายแทนข้าด้วย”

ได้ยินแล้วหม่าซูเหวินนึกแปลกใจ คนที่เรือนของท่านย่า เอาแต่อยากได้โน่นนี่อยู่ตลอดเวลา เหตุใดคนบ้านสามถึงแสดงออกในทิศทางตรงกันข้าม

“เหวินเอ๋อร์บอกย่าเจ้าว่าไม่ต้องเป็นห่วง อยู่กับข้าแม้ไม่ได้สะดวกสบาย แต่ข้าไม่เอาเปรียบพวกเขาแน่นอน ฉินซื่อเป็นคนขยันช่วยข้าทำงานบ้านตั้งหลายอย่าง สามีของนางก็หาบน้ำหาของป่า มีหรือจะอยู่รอดไม่ได้ บอกย่าเจ้าวางใจเถอะ”

ท่านยายหมี่เข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“ข้าจะกลับไปบอกท่านย่าตามนี้เจ้าค่ะ”

ฉินซื่อรีบเรียกนางไว้ก่อน “น้องซูเหวินนำผักป่ากลับไปฝากท่านยายด้วยสิ ข้าเก็บมาได้เต็มตะกร้าเลย กินกันไม่หมดหรอก”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่บ้านไม่ได้ขาดอาหารการกิน พี่สะใภ้สามเก็บไว้เถอะ” นางรู้ว่าฉินซื่อกำลังอยู่ในช่วงเวลายากลำบาก จึงไม่อยากเอารัดเอาเปรียบนาง “พี่สะใภ้สามท่านยายหมี่ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

ท่านยายหมี่หันมามองฉินซื่อ เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงได้เอ่ยออกไปว่า “เจ้าทำถูกแล้วเรื่องเก็บเงินได้นั้น อย่าเพิ่งบอกพวกเขาเลย”

“ข้าคิดว่าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับสามีก่อนเจ้าค่ะ”

ท่านยายหมี่หัวเราะเบา ๆ “เอาเช่นนั้นแหละ อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน ทำอะไรก็ต้องหารือกันถูกต้องแล้ว แต่หากเป็นข้า ข้าไม่บอกพวกเขาหรอกนะ”

หญิงชราเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินกลับไปในห้องนอนของตัวเอง แม้ไม่เข้าใจสถานการณ์ของคนตระกูลหวง แต่การที่โยนพวกเขามาอยู่ในเรือนของตน แล้วไม่มอบเสบียงมาให้นั้น คิดว่าคงมีเรื่องราวแอบแฝงอยู่เป็นแน่ เพราะท่านยายเจียงที่ตนรู้จัก ไม่ใช่คนใจจืดใจดำเช่นนั้น

สองพ่อลูกบ้านสามลงมาจากภูเขาในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก่อนหน้าพวกเขาสอบถามชาวบ้าน ระหว่างเดินทางขึ้นเขาไปด้วย จึงได้รู้ว่าจุดไหนสามารถเดินเข้าไปล่าสัตว์ป่าได้ แต่พวกเขาไม่มีอาวุธสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ มีเพียงมีดสั้นอันเดียวที่พกติดตัวมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน สุดท้ายก็ล่าได้เพียงไก่ป่ามาหนึ่งตัว

กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากเรือนของท่านยายหมี่ เด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นกันอยู่หน้าลาน พวกนางนอนกลางวันไปแล้ว จึงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น หลินลู่ฉีไม่อยากวิ่งเล่นแต่นางทนการรบเร้าของหวงจื่อเหยาไม่ได้ เมื่อเกิดใหม่เป็นเด็กก็ต้องเล่นซนให้สมกับวัย

“ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ” หวงชางบอกคนในเรือนด้วยความดีใจ กว่าจะได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวเขาต้องใช้เวลาทั้งวันเลยทีเดียว

บทที่ 12 : ท่านยายหมี่ข้ากับถงเอ๋อร์ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัวขอรับ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี