บทที่ 14 : ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เฮอะตามใจกันเข้าไป นังเด็กเหลือขอนี่ ที่เสบียงไม่พอกินก็เพราะเด็กนี่กระมัง” นางเจียงจ้องหลินลู่ฉีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนาง
“ท่านแม่ฉีฉีกินข้าวนิดเดียวเอง เรื่องนี้โทษนางไม่ได้ อีกอย่างเสบียงที่ท่านยายมอบให้ ข้าคิดว่าประหยัดกันหน่อย ก็น่าจะพอกินได้เกือบเดือน” หวงชางรีบแก้ต่างให้เด็กน้อย
เมื่อมีคนออกปากปกป้องเด็กน้อยพลอยรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ ฝ่ามือของฉินซื่อก็คอยลูบปลอบศีรษะของนางไปด้วย
“เช่นนั้นมาทำไม !” นางเจียงตวาดเสียงดังใส่
“อาเหมยเจ้าเป็นมารดาของหวงชาง บุตรชายมาเยี่ยมเหตุใดถึงได้กล่าวคำพูดไม่น่าฟังออกมา”
เพราะอยู่ในตำแหน่งอนุภรรยาของเศรษฐีมานานหลายปี ท่านยายเจียงจึงใช้คำพูดที่สุภาพจนเคยชิน ครั้นได้ยินหลานสาวตะคอกใส่บุตรชาย จึงเกิดความไม่พอใจนางขึ้นมา
นางเจียงไม่ตอบโต้ผู้เป็นน้า เลือกสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแทน
หวงชาง “ความจริงนอกจากมาเยี่ยมท่านยายแล้ว ข้ายังอยากถามพี่ใหญ่กับพี่รองเรื่องงานที่อำเภอด้วยขอรับ”
หวงเต๋อรีบเอ่ย “เจ้าสามไม่ใช่ว่าข้าไม่ถามให้ แต่งานแบกหามที่ท่าเรือนั้นเขาปิดรับคนแล้ว”
“ใช่ ๆ ข้ากับเจ้ารองไปสมัครเป็นสองคนสุดท้ายพอดี” หวงจื้อเอ่ยขึ้นบ้าง
“อย่างนี้นี่เอง พวกท่านได้เริ่มงานวันไหน”
หวงจื้อเหลือบไปมองน้องชายคนรอง ก่อนเอ่ย “อีกสองวันค่อยไปทำ”
“ยินดีกับพี่ใหญ่พี่รองด้วย” แม้รู้สึกผิดหวังแต่หวงชางก็ไม่ลืมเอ่ยแสดงความยินดีกับพี่ชายทั้งสองคน
นางเจียงเหยียดปากหยันใส่ “เจ้าใหญ่เจ้ารองได้งานทำแล้ว เจ้าล่ะมีแต่ทำตัวไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ” นางปรายตาไปทางหลินลู่ฉีแล้วยิ่งหงุดหงิด “เห็นหน้านังเด็กนี่แล้วโมโห ทำไมต้องเอาตัวภาระกลับมาด้วย เอามันไปโยนทิ้งข้างถนนไว้ตามเดิมเถอะ”
หม่าซูเหวินจ้องนางเจียงอย่างพอใจ เหตุใดถึงใจร้ายใจดำกับเด็กน้อยตัวเท่านั้นได้
ผู้เป็นย่าเหมือนรู้ความคิดของหลานสาว นางตบหลังมือของหลานสาวเบา ๆ “เจ้าพูดมากไปแล้วอาเหมย”
“เอ่อ ท่านน้าข้าพูดความจริงทั้งนั้น”
“เป็นหวงชางรับเลี้ยงนาง เจ้าไม่ได้เลี้ยงเสียหน่อย”
“แต่อย่างไรก็ต้องเดือดร้อนท่านน้ามอบเสบียงให้นางอยู่ดี เห็นหรือไม่ว่าสิ้นเปลืองเสบียงมากเพียงใด”
ท่านยายเจียงมองสีหน้าของหวงชางกับภรรยา รู้สึกเห็นใจพวกเขาอยู่ไม่น้อย ท่านเหมือนฉุกคิดบางเรื่องขึ้นมาได้ หันไปเอ่ยกับสองพี่น้องว่า
“ในเมื่อเจ้าสองคนหางานทำได้แล้ว แต่ว่าหวงชางยังหางานไม่ได้ ระหว่างนี้พี่ชายอย่างพวกเจ้าก็แบ่งปันเสบียงอาหารให้พวกเขาด้วยก็แล้วกัน”
“ท่านน้า ! นี่ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ” นางเจียงร้องเสียงหลง
“อาเหมยเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องแบ่งปันกันสิ เช่นข้าที่เป็นน้าของเจ้า ข้ายังแบ่งปันให้พวกเจ้าเลย” ท่านยายเจียงลอบมองสีหน้าของหลานสาวไปด้วย อยากรู้ว่านางจะทำอย่างไร
“ไม่ได้ ๆ ข้าไม่ยินยอม” เป็นจ้าวซื่อที่ร้อนรนจนทนไม่ได้
ท่านยายเจียงหันไปทางนาง “หลานสะใภ้ใหญ่เหตุใดถึงไม่ยินยอมเล่า ครอบครัวของหวงชางไม่ใช่คนของตระกูลหวงหรอกหรือ”
“แต่นี่เป็นเงินที่สามีของข้ากับน้องรอง หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเขานะเจ้าคะ” นางกระทืบเท้าเบา ๆ คล้ายไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
บ้านรองไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก พวกเขาไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้เลย ประหนึ่งถูกผิดนั้นขึ้นอยู่กับนางเจียงผู้เดียว ส่วนหวงจงเมื่ออาศัยอยู่ในเรือนของญาติภรรยา เขาเองก็ไม่กล้าก้าวก่ายในเรือนของอีกฝ่ายเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องมอบให้นางเจียงจัดการ
“ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เงินก็ต้องเข้าส่วนกลาง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” หญิงชราเลิกคิ้วไปทางจ้าวซื่อ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี