เขาทนดูไม่ไหว อุ้มลูกสาวกอดไว้ในอก
“พ่อป้อนเจ้ากิน”
สิงอี้ส่ายหน้า “ข้ากินเองได้”
“เจ้ายังเด็ก”
“ไม่เด็ก ดูแลน้องชายได้”
เหยียนมู่หรี่ตา “พ่อเจ้าตั้งเเต่เด็กก็ฉลาดไม่น้อยนะ เจ้าไปเหมือนแม่ของเจ้าหรือไง”
“พูดบ้าอะไร!” หลิวอวิ๋นเซียงจ้องเขาเขม็ง
เหยียนมู่ไม่สนใจหลิวอวิ๋นเซียง เเล้วป้อนอาหารให้ลูกสาวต่อ
ขอทานเคี้ยวกระดูกเเล้วเงยหน้าขึ้นชำเลืองมอง พลางพูดว่า “เจ้าดูพวกเจ้าเหมือนครอบครัวสี่คนที่มีความสุขเลย”
เหยียนมู่ฮึดฮัดเบาๆ “ตาบอดแล้วล่ะเจ้า เห็นๆอยู่ว่าสามคน”
หลิวอวิ๋นเซียงหัวเราะ “ตาบอดจริงแหล่ะ เห็นๆอยู่ว่าครอบครัวสามคน”
“เจ้าดู กระทั่งนางยังไม่ยอมรับว่าเจ้าตัวน้อยนี่…” พูดถึงตรงนี้ เหยียนมู่ก็ถึงบางอ้อ นี่ไม่ได้นับเขาเป็นครอบครัวนี่หว่า!
ขอทานหัวเราะคิกคัก เหยียนมู่มักจะได้เปรียบคนอื่นเสมอ การได้เห็นเขาเสียเปรียบแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว หลิวอวิ๋นเซียงก็พาเด็กๆทั้งสองคนไปเล่นในสวนเพื่อย่อยอาหาร จากนั้นจึงพาพวกเขาเข้านอน
นางออกมาจากในห้อง เเล้วถามมู่จิ่น “องค์ชายเจ็ดยังไม่ออกมาจากห้องหนังสืออีกหรือ”
มู่จิ่นส่ายหัว “ยังเลย”
หลิวอวิ๋นเซียงกำลังจะพูดว่าตัวเองจะไปนอนก่อน เวลานี้ขอทานได้วิ่งเข้ามา
“ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ เจ้ารีบตามข้ามาเถอะ!”
ระหว่างทางที่เดินตามขอทานไป หลิวอวิ๋นเซียงก็ได้ยินเขาพูดว่า “ซูเมิ่งเหยาได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง มีคนส่งมาให้ ในจดหมายกล่าวถึงมารดาของเหยียนมู่ ว่านางไม่ได้เสียชีวิต”
“ไม่ได้เสียชีวิต เป็นไปได้ยังไง” หลิวอวิ๋นเซียงไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ ถึงยังไงเมื่อก่อนก็ถูกกวาดล้างทั้งตระกูล เเละหลุมศพของตระกูลมู่รวมไปถึงหลุมศพของมารดาของเหยียนมู่ก็ยังอยู่
“ข้าก็พูดเช่นนี้ เเต่เหยียนมู่ยืนกรานจะไปพิสูจน์ให้ได้”
“หมายความว่าไง”
“เขาต้องการขุดหลุมศพแม่ของเขา!”
หลิวอวิ๋นเซียงตกใจมาก รีบขี่ม้าตามขอทานออกไปนอกเมืองทันที
เมื่อมาถึงศาลาที่อยู่ห่างจากเมืองสิบลี้ พวกเขาก็เดินตามทางเล็กๆขึ้นไปบนเขา เห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เเสงไฟสว่างก็เปลี่ยนเป็นกองไฟ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามมิติรักขุนนางกังฉิน