บทที่ 100 ความจริงถูกเปิดเผย
หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็แทบไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้ง และการเลื่อนตำแหน่งของขุนนางคนใดเลย
อย่างเช่นตำแหน่งเสนาบดีกรมมหาดไทยของเขา กว่าที่จะไต่เต้าขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้ เขาก็ต้องใช้เส้นสาย และเสียเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ที่สำคัญก็คือเขาไม่เคยร่วมมือทุจริตกับเฉินอันปัง เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีหลักฐานใดในมือของเฉินอันปังให้สืบสาวกลับมาถึงตน
นั่นเป็นเพราะว่าเสนาบดีกรมมหาดไทยมองเฉินอันปังเป็นเพียงนายทหารป่าเถื่อน ไม่คู่ควรที่จะมาคบค้าสมาคมกับชนชั้นสูงอย่างตน
และความเป็นจริงก็พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดได้ถูกต้อง เฉินอันปังเป็นบุคคลไม่มีสมอง… แววตาของเสนาบดีกรมมหาดไทยเป็นประกายลุ่มลึก เขาใช้มือเคาะโต๊ะเบา ๆ กำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับการจัดการเรื่องราวบางประการ
มีขุนนางไม่น้อยเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา เพราะฉะนั้น เสนาบดีกรมมหาดไทยจึงไม่มีปัญหาหากจะแต่งตั้งตนเองเป็นผู้รับผิดชอบการตรวจค้นจวนที่พักของเฉินอันปัง เพราะนอกจากจะทำให้เขาสามารถควบคุมการตรวจค้นที่พักของเฉินอันปังได้แล้ว มันยังทำให้เขาสามารถควบคุมจางทุยผู้เป็นเสนาบดีกรมคลังได้อีกด้วย
นี่ย่อมดีกว่ารอรับส่วนแบ่งจากเศษเงินของท่านอีกไม่ใช่หรือ? เสนาบดีกรมมหาดไทยหัวเราะเยาะใส่หนังสือแต่งตั้ง
เดิมที เขามักจะแข่งขันแย่งชิงความเป็นใหญ่กับเสนาบดีทั้งหกกรมมาโดยตลอด ทางหนึ่งก็เพื่อแย่งชิงเงินทอง อีกทางหนึ่งก็เพื่อแย่งชิงอำนาจ และแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องแย่งชิงกันเพื่อให้ได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าในสำนักราชเลขา
ในส่วนของเสนาบดีกรมมหาดไทย เขาเองก็เหมือนกับเสนาบดีคนอื่น ๆ หวังจะได้ครอบครองตำแหน่งสมุหราชเลขาเช่นกัน เพราะนั่นจะทำให้เขาสามารถควบคุมทั้งหกกรมไว้ในกำมือได้
ต้องทราบว่าตำแหน่งสมุหราชเลขานั้น เป็นถึงขุนนางขั้นที่สอง แม้จะไม่ใช่อัครเสนาบดี แต่ก็มีอำนาจไม่ต่างกัน
ปัจจุบันนี้ ในแคว้นต้าเซี่ยยังไม่มีการแต่งตั้งอัครเสนาบดี หากเขาได้กลายเป็นสมุหราชเลขา เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นต้าเซี่ย และสามารถควบคุมชะตาชีวิตผู้คนนับหมื่นได้ด้วยปลายนิ้ว
หัวใจของเสนาบดีกรมมหาดไทยเต้นระรัว ดวงตายิ่งดำมืดมากขึ้นและมากขึ้น พลางพึมพำออกมาเบา ๆ
“ถ้าคิดจะมาแย่งตำแหน่งกับข้าละก็ จางทุย ท่านก็ไม่ได้มีค่าอันใดเลย!”
…
กรมโยธาธิการ
เยียนอันเสิ่น เสนาบดีกรมโยธาธิการขยับบ้านจำลองในมือของตน และพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“จางทุยขอให้ข้าช่วยเขาอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”
รองเสนาบดีกรมคลังก้มหน้าต่ำ
“ท่านเสนาบดีสัญญาว่าหากใต้เท้ายินดีช่วยเหลือ ใต้เท้าก็จะได้รับการตอบแทนมากกว่าเดิมถึงสองเท่า”
“ฮ่า ๆๆๆ ปกติข้าก็มีเงินไปสร้างสะพาน ปูถนน ทำโครงการชลประทานอยู่แล้ว ทำไมจะต้องรับเงินจากเขาด้วย?” เยียนอันเสิ่นหมุนบ้านจำลองในมือของตนเล่นต่อไป
“จะให้ช่วยก็ได้หรอกนะ แต่ข้าไม่ต้องการเงิน ข้าต้องการบันทึกบทกวีพลับพลากล้วยไม้ที่เขาครอบครองอยู่ต่างหาก!”
“ข้าน้อยจะไปถามให้นะขอรับ…” รองเสนาบดีกรมคลังก้มหน้าต่ำด้วยความเคารพ เมื่อได้ยินชื่อบันทึกบทกวีที่อีกฝ่ายต้องการ เขาก็ไม่ได้แปลกใจเลย เพราะเสนาบดีกรมโยธาธิการขึ้นชื่อเรื่องความหมกมุ่นเป็นอย่างยิ่งต่อภาพวาดงานศิลปะ ภาพเขียนอักษร รวมไปถึงบันทึกบทกวี
…

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า