บทที่ 1120 สรรพชีวิตต้องใช้กาลเวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญ
แสงจันทร์เย็นยะเยือก ทอประกายสีเงินวาวผ่านกลุ่มเมฆ
จางเซียวกั๋วปอกส้มผลหนึ่งกิน
รสเปรี้ยวอมหวาน
แล้วรอยยิ้มอันผ่อนคลายของจางเซียวกั๋วค่อย ๆ จางหายไป
เมื่อลิ้มรสผลไม้เซ่นไหว้จนถึงที่สุด รสชาติที่สัมผัสได้เหลือเพียงความจืดชืด รสชาติอื่น ๆ จางหายไปจนหมดสิ้น
เขาเซ่นไหว้ตัวเองมาพันปีหมื่นปี กินผลไม้เซ่นไหว้มานับไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังไม่เคยรู้สึกถึงพลังจากการเซ่นไหว้
บางทีอาจเป็นเพราะไม่จริงใจ หรืออาจเป็นเพราะการเซ่นไหว้ตัวเองไม่ได้รับการยอมรับ?
เขาหาสาเหตุไม่พบ
ศาลบรรพชนเย็นยะเยือกดุจแสงจันทร์ น้ำค้างแข็งปกคลุมบันไดด้านนอก ควันธูปสีเทาลอยละล่อง ยามนี้ตำหนักทั้งหลังถูกปกคลุมด้วยแสงนวลไม่เพียงชั้นเดียว
จางเซียวกั๋วพินิจพิเคราะห์ควันบางเบาที่มองเห็นได้และกลิ่นธูปที่มองไม่เห็นภายในโถง
กลิ่นธูปช่างลึกลับยิ่ง สามารถเพิ่มพูนวิชาได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยกลิ่นธูปในการบำเพ็ญเพียรสามารถใช้พลังได้แข็งแกร่ง
แต่หากสิ่งมีชีวิตที่ยังมีลมหายใจสามารถอาศัยกลิ่นธูปลึกลับในการบำเพ็ญเพียร แล้วสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วเล่า?
จางเซียวกั๋วคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเขามีทั้งความเข้าใจโลกอย่างลึกซึ้งและความไร้เดียงสาของผู้ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกใบนี้ เขายิ้มน้อย ๆ คนตายก็เหมือนไฟดับ ไม่ว่าธูปเทียนจะศักดิ์สิทธิ์เพียงใดก็ไม่อาจส่งผลถึงผู้ที่ตายไปแล้ว
เหมือนดั่งศาลบรรพชนแห่งนี้ ทั้งสำนักศรัทธาสวรรค์และสำนักเต๋าทั้งสามต่างก็บูชาบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเต๋า
แล้วพลังจากธูปเทียนเหล่านี้ถูกบรรพบุรุษดูดซับไปหรือไม่?
แน่นอนว่าไม่
พลังจากธูปเทียนที่เกิดจากการบูชาบรรพบุรุษเหล่านี้ไร้ซึ่งการชี้นำ ไม่รู้ทิศทาง สุดท้ายก็จะกลายเป็นพลังบริสุทธิ์ล่องลอยอยู่ในห้วงสวรรค์
แล้วการสร้างรูปปั้นบูชามีความหมายใด? พวกเขาตายไปแล้ว หรือว่าการบูชาด้วยความศรัทธาจะทำให้ฟื้นคืนชีพได้?
คำถามสุดท้ายนี้จางเซียวกั๋วไม่เพียงแต่คิดในใจ แต่ยังถามไปยังรูปปั้นดินขนาดใหญ่ตรงหน้า
จางเซียวกั๋วตอบคำถามจางเซียวกั๋ว ร่างของอาจารย์ตอบร่างที่บำเพ็ญใหม่ อดีตตอบปัจจุบัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า