บทที่ 1377 ภูเขาสู่เต๋าของเล่าจื๊อ
ผู้คุ้มกันจากเมืองสุ่ยเจินนำกองทัพของจ้าวอู่เจียงมาสกัดกั้นสัตว์กลืนทองและสตรีจากเมืองสู่หวัง ไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้
“ข้ามาหาท่านผู้นี้” หญิงสาวกระโดดลงจากไหล่ของสัตว์กลืนทองด้วยร่างกายเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว นางมองผ่านทหารในชุดเกราะไปยังจ้าวอู่เจียงที่นั่งอยู่โต๊ะเล็ก ๆ และกำลังจะเริ่มใช้ตะเกียบคีบอาหาร
จ้าวอู่เจียงชำเลืองมองนางแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้จักเจ้า”
“พบกันครั้งแรกก็เป็นคนแปลกหน้า พบกันครั้งที่สองก็คุ้นเคยแล้วนี่นา ข้าชื่อว่านจื่อ ‘ว่าน’ จากไพ่นกกระจอก และ ‘จื่อ’ จากสีม่วง” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ ผสมกับท่าทางที่มีเสน่ห์ของนาง ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกชอบขึ้นมา
นางกระโดดไปมา และพยายามข้ามกำแพงคนเพื่อไปดูจ้าวอู่เจียง
“อาจารย์ของข้าให้ข้ามาเรียกท่าน และบอกให้ท่านหาเวลาไปที่ภูเขาสู่เต๋าสักหน่อย ท่านอาจารย์จะรออยู่บนภูเขา”
“ภูเขาสู่เต๋า?” เสียงอุทานดังขึ้นในหมู่คน
แม้พวกเขาจะเป็นคนจากเมืองสุ่ยเจิน แต่ทุกคนต่างเคยได้ยินเรื่องของภูเขาศักดิ์สิทธิ์สู่เต๋าในเมืองสู่หวัง
ภูเขาสู่เต๋ามีอีกชื่อว่าภูเขาสู่เต๋าของเล่าจื๊อ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเมื่อนานมาแล้ว มีผู้แข็งแกร่งที่ผู้คนเคารพนับถือเป็นเล่าจื๊อได้บรรลุธรรมและละสังขารบนภูเขาลูกนี้
ด้วยเหตุนี้ ชื่อของภูเขาสู่เต๋าจึงสามารถข่มขวัญเหล่าคนชั่วทั้งปวงในโลก แม้แต่ภูตผีก็ไม่กล้ารุกราน
ชาวเมืองสู่หวังเพียงแค่ร้องเรียกชื่อภูเขาสู่เต๋า ก็จะมีพลังลึกลับบางอย่างมาเสริมร่างกายและเพิ่มพูนพลังให้
‘ภูเขาสู่เต๋าของเล่าจื๊อ!’ จึงกลายเป็นคาถา… กลายเป็นพลังพิเศษของชาวเมืองสู่หวังตั้งแต่ขุนนางชั้นสูงไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้า เช่นนั้นทุกผู้ทุกคนจึงสามารถร้องเรียกชื่อภูเขาเพื่อเสริมพลังให้ตนเองได้
ทว่ากองทหารที่คุ้มกันจ้าวอู่เจียงมองว่านจื่ออย่างหนักแน่น และเริ่มรู้สึกไม่แปลกใจที่นางสามารถควบคุมสัตว์กลืนทองที่มีพลังแข็งแกร่งและหายากได้
ที่แท้ก็เป็นคนจากภูเขาสู่เต๋าสินะ
จ้าวอู่เจียงมีดวงตาลึกล้ำ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “เข้ามาเถิด”
เมื่อกำแพงมนุษย์ของกองทหารเปิดทาง นางจึงกระโดดเข้ามานั่งลงข้าง ๆ เขาโดยตรงโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวคนแปลกหน้า แต่กลับทักทายเจ้าของแผงขายอาหารอย่างคุ้นเคย
“ขอก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม เส้นน้อย ๆ น้ำแกงน้อย ๆ พริกเยอะ ๆ แล้วก็เพิ่มเครื่องให้ข้าด้วย เขาจะเป็นคนจ่าย”
จ้าวอู่เจียงตักน้ำแกงหนึ่งช้อนจิบเข้าปากก่อน จากนั้นคีบเส้นด้วยตะเกียบแล้วดูดเข้าปาก “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด? มาหาข้ามีธุระอันใด?”
“จางซวีไป๋” ว่านจื่อใช้มือหยิบตั๊กแตนไม้ไผ่ขึ้นมาหนึ่งตัวโยนเข้าปากเล็ก ๆ ของนาง ก่อนจะเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“‘จาง’ ก็คือจางตัวนั้น ‘ซวี’ ก็คือซวีที่ว่างเปล่าอย่างรุนแรง ‘ไป๋’ ก็คือไป๋ที่แปลว่าขาว”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า