บทที่ 1469 วาดเสื้อวาดหิมะ
หิมะอันบางเบาราวกับกำลังจะหยุดตกลง
บริเวณหน้าเรือนยามนี้ กลายเป็นน้ำแข็งเย็นเฉียบเสียแล้ว
สายลมพัดผ่านแผ่วเบา หยดน้ำแข็งแกว่งไกว ร่วงหล่นลงพื้นจนเกิดเสียงกระทบ แตกออกเป็นเศษชิ้นน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เศษน้ำแข็งที่แตกออก สะท้อนใบหน้าอันงดงามของหญิงสาว
ใบหน้าของหญิงสาวค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น ชัดเจนขึ้น คงเป็นเพราะหญิงสาวกำลังย่อตัวลงกระมัง
นิ้วขาวเนียนหยิบเศษน้ำแข็งชิ้นหนึ่งขึ้นมา ดวงตาของหญิงสาวไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใด จิตใจล่องลอย เศษน้ำแข็งถูกแกว่งไกวด้วยปลายนิ้วของนาง
ผ่านไปครู่ใหญ่ นางจึงเผยรอยยิ้มอันงดงาม เศษน้ำแข็งลอยขึ้นรอบกายนาง สายลมพัดพาเศษน้ำแข็งวนไปมาไม่หยุด
พวกมันค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นหน้ากากน้ำแข็ง
จมูกตรง ปากเหลี่ยม รูปร่างแลดูแปลกประหลาดนัก
หากหน้ากากนี้เปลี่ยนสีเป็นสีทองแดงเขียว จ้าวอู่เจียงจะต้องจำได้แน่นอน
และคนจากสำนักยุทธ์ในยุคก่อนของราชวงค์ต้าเซี่ยก็จะจำได้เช่นกัน
มันเหมือนกับหน้ากากของสำนักไร้ขอบเขตไม่มีผิด มันเหมือนกับหน้ากากที่จ้าวอู่เจียงเคยออกแบบไว้ โดยเลียนแบบหน้ากากทองแดงของซานซิงตุย
บัดนี้ ศิษย์ของสำนักเติมฟ้าผู้มีนามว่า ซูฮัวอี ค่อย ๆ นำหน้ากากน้ำแข็งมาปิดใบหน้าอันงดงามดั่งหยกของนาง
ไอความเย็นปะทะใบหน้า ซูฮัวอียิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงเนตรงามมีแววอาลัย เมื่อหน้ากากกำลังจะแนบกับแก้มของนาง นางก็ชะงักไป
มือที่ถือหน้ากากค้างอยู่กับที่
นางรู้สึกเหม่อลอยชั่วขณะ ความทรงจำในอดีตผ่านไปมาในสมองของนาง ภาพที่ฉายนั้นเงียบงัน
แต่นางกลับเหมือนได้ยินทุกถ้อยคำของทุกคนอย่างชัดเจน
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงหัวเราะอันชั่วช้า เสียงร่ำไห้ด้วยความกลัว เสียงแสงเงากระบี่ปะทะกัน แลเสียงของอาวุธลับและยาพิษพุ่งไปมา
ภาพในวันวานเหล่านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภาพสุดท้ายจะหยุดอยู่ที่ชายชุดดำที่ขี่อาชาสีแดงอิฐ
เขามีบุคลิกอ่อนโยน การกระทำเฉียบขาด ราวกับเป็นยอดฝีมือที่มีความรู้ติดตัวอยู่ไม่น้อย
แต่ชายผู้นั้นกลับสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ประหลาด และยังสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ในสำนักของนาง
เสียงตะโกนเรียก การแย่งชิง ยาลูกกลอนของสำนักกลิ่นบุปผาหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น ปลิวว่อนราวกับความทรงจำในอดีตที่ถูกพลิกคว่ำ
เสียงครวญครางและตำหนิอย่างออดอ้อนของหญิงสาว
เสียงหอบหายใจและหยอกล้อของชายหนุ่ม
ซูฮัวอีราวกับกลายเป็นผู้สังเกตการณ์เรื่องราวในอดีตเหล่านี้ นางมองเห็นหญิงสาวที่หันหลังกลับด้วยความโกรธแค้น
นางเห็นความอาลัยและความสั่นไหว
นางเห็นเหล่าผู้อาวุโสร้องตะโกนว่าจะชำระล้างสำนัก
ทว่าพวกท่านกลับปกป้องหญิงสาวให้เข้าเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
นางเห็นหญิงสาวพบรักกับชายหนุ่ม
นางเห็นบทกวีรักใคร่ทุกบทในยามราตรีของทั้งสอง
นางมองอดีตเหล่านั้นจนสายตาพร่ามัว ห้วงลึกในดวงตามีหมอกปกคลุม
จากนั้นนางจึงสวมหน้ากาก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า