บทที่ 1504 รอให้ปลาติดเบ็ด
หลี่ฉวนจวินเบี่ยงปราณกระบี่ของเขา ตัดศีรษะโจรคนสุดท้ายออกเป็นสองท่อน โลหิตสีแดงฉานและสมองสีขาวไหลนองเต็มพื้นดั่งลำธาร
ในช่วงเวลาที่พลังวิเศษหายไปจากฟ้าดิน พลังวิเศษที่รั่วไหลออกมาจากร่างของโจรที่ตายแล้วนั้นดูเด่นชัดเป็นพิเศษ ราวกับไอร้อนที่พ่นออกมาในยามเช้าตรู่ของเหมันต์ฤดู และค่อย ๆ จางหายไปในนภาอากาศ
หลังจากสังหารโจรไปสิบห้าคน กลิ่นคาวโลหิตอันเข้มข้นลอยคละคลุ้งอยู่รอบด้าน ลมหายใจของหลี่ฉวนจวินที่เดิมทีดูอ่อนล้าก็กลับคมกริบขึ้นไม่น้อย ราวกับว่าโจรทั้งสิบห้านี้มาเพื่อให้เขาลับคมกระบี่โดยเฉพาะ
หลี่ฉวนจวินมิได้หยุดพักนานนัก เขากระโดดขึ้นหลังม้าตัวหนึ่งทันที แล้วควบม้ามุ่งหน้าไปยังย่านเจียงตู่
โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะไปยังราชวงศ์เซียนต้าโจวเพื่อขอความช่วยเหลือจากจ้าวอู่เจียง จึงได้ใช้วิชาปราณกระบี่และแท่นลายอาคมส่งตัวเดินทางมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ยามนี้ระยะทางไปยังย่านเจียงตู่จึงห่างออกไปไม่ไกลนัก
มิเช่นนั้น หากยังคงอยู่ในดินแดนน้ำศักดิ์สิทธิ์ทางใต้ การควบม้าอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลายาวนานถึงปีหน้าจึงจะไปถึง
——
แสงจันทราสว่างไสว
ตระกูลหลี่แห่งดินแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนกลาง
การสูญสิ้นของพลังวิเศษในฟ้าดินดูเหมือนจะมิส่งผลกระทบใด ๆ ต่อตระกูลหลี่
ตระกูลหลี่ยังคงเงียบสงบเช่นเดิม
พูดให้ชัดเจนก็คือ นับตั้งแต่ประมุขปัจจุบันของตระกูลหลี่ หลี่ซื่อหยวน มิพอใจการกระทำและการตัดสินใจบางอย่างของบรรพบุรุษหลี่เว่ยยาง และนำสมาชิกตระกูลกลุ่มหนึ่งแยกตัวออกไป ตระกูลหลี่ก็แทบจะเงียบเหงาเช่นนี้ตลอดมา
หลังจากหลี่เว่ยยางเดินทางไปยังดินแดนเหนือ ณ ภูเขากุยหลาย เขายังคงมีนิสัยชอบมาที่ริมสระน้ำในป่าไผ่เหมือนเดิม เขามักถือคันเบ็ดหยกเขียวที่ไม่มีสายเอาไว้ตกปลา หรือไม่ก็เล่นหมากรุกคนเดียว วางหมากขาวดำสลับกันไปมา
เขายังคงสวมเสื้อคลุมสีแดงสด ผมสีเงินเปล่งประกาย
แม้อายุจะมากขึ้น แลดูแก่ชราไปบ้าง แต่ด้วยเสื้อคลุมสีแดงกับผมสีเงิน ประกอบกับบุคลิกของเขาทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความเย็นชาและสูงส่งตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง บุคลิกเช่นนี้เกิดจากการที่เขาดำรงตำแหน่งสูงสุดมานาน
คืนนี้ หลี่เว่ยยางยังคงนั่งเงียบ ๆ อยู่ริมสระ มือทั้งสองถือคันเบ็ดไผ่ รอคอยปลามาติดเบ็ด
เสียงน้ำดังซ่า ๆ
ทันใดนั้นศีรษะของหัวหน้าตระกูลเจียง เจียงหลี ก็โผล่ขึ้นมา
หลี่เว่ยยางไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เขาไม่ชอบจอมจักรพรรดิผู้นี้ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักได้เพียงพันปี
ทั้งสองมองกันตากันไม่ติด ในยามที่สนทนากัน คำที่เอื้อนเอ่ยมักแฝงไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
วันนั้นหากมิใช่เพราะผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดคนหนึ่งจากดินแดนเหนือมาแจ้งให้พวกเขาไปหารือเรื่องสำคัญ หลี่เว่ยยางกับเจียงหลีคงได้ลงมือต่อสู้กันเสียแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า