บทที่ 197 การแก้แค้นมาหาถึงที่
จ้าวอู่เจียงพบว่าในขณะนี้มีผู้คนมารวมตัวกันในวิหารมากกว่าตอนที่เขามาถึงเสียอีก และทุกคนต่างก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับไต้ซือคูจู้อยู่
เมื่อไต้ซือคูจู้เห็นพวกของจ้าวอู่เจียงกลับมาแล้ว สีหน้าของท่านก็ยังคงเยือกเย็นดังเดิม ท่านรับการเคารพจากจ้าวอู่เจียงและกู้เหนียนหยวนด้วยท่าทีเป็นมิตร
ชายฉกรรจ์ในชุดเขียวและเจียงเฉิงเฟิงผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเจียงเบิกตากว้างด้วยความพิศวง คนส่วนใหญ่ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ภูเขาด้านหลังวิหารยังคงไปรวมตัวกันอยู่หน้าทางเข้าสุสานของไต้ซือนักปัดกวาดเพื่อรอคอยให้บรรดาผู้นำสำนักของตนเองติดตามเข้าไป ไม่เคยมีผู้ใดกลับออกมาในระยะเวลาอันรวดเร็วอย่างเช่นพวกจ้าวอู่เจียงมาก่อน
เมื่อเจี๋ยเอ้อร์ซานกับเจี๋ยสือจิ่วเห็นว่าจ้าวอู่เจียงกลับออกมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโล่งอก รีบวิ่งเข้ามาทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
จ้าวอู่เจียงสวมใส่หน้ากากทองแดง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกเราไปกันเถอะ…”
เจี๋ยเอ้อร์ซานกับเจี๋ยสือจิ่วตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะเดินตามหลังจ้าวอู่เจียงออกไปด้านนอกวิหารอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนที่รวมตัวอยู่ในวิหารถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รวมไปถึงพวกของชายฉกรรจ์ชุดเขียวและคนอื่น ๆ ด้วย
พวกเขารู้ว่าผู้คุ้มกันชุดเทาทั้งสองคนนั้นมีขอบเขตพลังไม่ต่ำต้อย มิหนำซ้ำ ไต้ซือคูจู้ยังรับการคำนับอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ผู้คุ้มกันชุดเทาทั้งสองคนนั้นเป็นเพียงข้ารับใช้ของบุรุษชุดดำ ในเวลานี้ ทุกคนจึงยิ่งสงสัยในตัวตนของผู้เป็นเจ้านายอย่างจ้าวอู่เจียงมากกว่าเดิม และพากันคาดเดาตัวตนของจ้าวอู่เจียงไปต่าง ๆ นานา
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก็คือ จ้าวอู่เจียงย่อมมีตัวตนที่แท้จริงไม่ธรรมดาแน่นอน คงไม่ต่างไปจากพวกคุณชายตระกูลใหญ่ที่เก็บตัวจากโลกกว้าง เมื่อได้เริ่มอาละวาดเมื่อไหร่ ก็คงไม่มีผู้ใดขัดขวางได้อีกแล้ว
บัดนี้ เมื่อจ้าวอู่เจียงเดินทางกลับไป ก็เท่ากับศัตรูคนสำคัญของพวกเขาได้จากไปเช่นกัน
จ้าวอู่เจียงเดินออกมาด้านนอกอารามผู่ถัว กระทั่งถึงจุดที่ผูกม้าทิ้งไว้ เมื่อพวกเขาขึ้นหลังม้า กู้เหนียนหยวนก็นั่งหันหน้าเข้าหาเขาและกอดเขาแน่น
แล้วพวกเขาก็เริ่มเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่นครหลวง
เป้าหมายในการมาที่นี่ของจ้าวอู่เจียงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขาได้คัมภีร์มาครอบครองแล้ว แม้จะไม่สามารถฝึกฝนมันได้ แต่อย่างน้อยก็ขัดขวางเซียวเหยาอ๋องได้สำเร็จ มิหนำซ้ำ ยังทิ้งของขวัญไว้ให้เซียวเหยาอ๋องดูต่างหน้าอีกด้วย
จ้าวอู่เจียงเชื่อว่าของขวัญที่เขาทิ้งไว้จะต้องเป็นสิ่งที่เซียวเหยาอ๋องไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องเช่นเดียวกับเสียงกระดิ่งในสายลม
กู้เหนียนหยวนไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติในตอนแรก แต่ยิ่งม้าวิ่งไปนานมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าอาวุธลับของจ้าวอู่เจียงยิ่งเพิ่มแรงกดที่ช่วงท้องส่วนล่างของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
นั่นทำให้นางเกิดความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา กู้เหนียนหยวนเพียงแต่แนบใบหน้าลงกับอ้อมอกของจ้าวอู่เจียงด้วยความนุ่มนวล
“คุณชายได้โปรดหยุดก่อน”
สิ้นเสียงเรียกรั้ง ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าม้าก็ดังใกล้เข้ามา และปรากฏร่างชายชราในชุดขาวนั่งอยู่บนหลังม้าตัวหนึ่งกำลังขวางถนนอยู่
จ้าวอู่เจียงดึงสายบังเหียน เจ้าม้าส่งเสียงคำราม ฝีเท้าลดความเร็วลง ใบหน้าเรียวยาวของเจ้าม้าแสดงความไม่พอใจ มันกำลังวิ่งตะบึงอย่างมีความสุขแต่ก็ต้องถูกสั่งให้หยุดฝีเท้าเสียได้ ไม่มีม้าตัวใดจะพอใจอย่างแน่นอน มันส่งเสียงฟืดฟาด เป็นสัญญาณบอกให้ชายชรารีบพูดจาให้เร็วไว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า