บทที่ 198 ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกลิ่นบุปผา
“เดี๋ยวกลับไปถึงนครหลวงเมื่อไหร่ ข้าจะตรวจสอบดูให้ก็แล้วกันนะ”
จ้าวอู่เจียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาภายใต้หน้ากากทองแดงเป็นประกายระยิบระยับ ตอนแรกที่ยอดฝีมือทั้งสี่คนนี้ปรากฏตัว จ้าวอู่เจียงไม่ได้หวาดกลัวสักเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นคนของสำนักกลิ่นบุปผา เขาก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาทันที ไม่รู้เลยว่ายังมีผู้คนอีกมากมายเท่าไหร่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เพราะฉะนั้น จ้าวอู่เจียงจึงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ก่อน
ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกลิ่นบุปผาเชิดใบหน้างดงามของตนขึ้น และกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“คุณชายเป็นคนตลกยิ่งนัก แต่ข้าจำเป็นต้องไปที่อารามผู่ถัว เวลาบีบคั้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ข้าจึงต้องจัดการกับท่านโดยเร็ว…”
เมื่อนางพูดจบ พลังกดดันจากยอดฝีมือทั้งสี่ที่พุ่งเป้ามาที่จ้าวอู่เจียงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
เจี๋ยเอ้อร์ซานชักกระบี่ออกมาจากข้างเอว ใบหน้าภายใต้หน้ากากทองแดงปรากฏความตึงเครียดขึ้นมา
ส่วนเจี๋ยสือจิ่วปลดหอกที่อยู่ในห่อผ้าไหมลงจากแผ่นหลังด้วยมือข้างเดียว ดวงตาวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร
“ให้ตายเถอะ” ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักกลิ่นบุปผายกมือปิดปาก และยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณชาย ท่านต้องปกป้องหญิงงามในอ้อมแขนเอาไว้ให้ดีเชียวนะ”
ยอดฝีมือทั้งสี่คนกำลังเปิดฉากต่อสู้อยู่กับเจี๋ยเอ้อร์ซานและเจี๋ยสือจิ่ว พวกเขาตกตะลึงไม่น้อยที่ผู้คุ้มกันหน้ากากทองแดงทั้งสองคนนี้มีขั้นพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์
แต่พวกเขาไม่รู้สึกคุ้นเคยกับชายสวมหน้ากากทองแดงทั้งสองคนนี้มาก่อน แสดงว่าคงไม่ใช่คนของสำนักใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของชายชุดเทาทั้งสองคนนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ซึ่งทำให้คนของสำนักกลิ่นบุปผาตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ยอดฝีมือขอบเขตปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งสำนักกลิ่นบุปผาต่อสู้พัวพันอยู่กับเจี๋ยเอ้อร์ซานและเจี๋ยสือจิ่ว แต่พวกเขาก็ยังโค่นล้มผู้คุ้มกันของบุรุษชุดดำไม่ได้
ในที่สุด รอยยิ้มทรงเสน่ห์ก็หายไปจากใบหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางหัวเราะแผ่วเบาออกมา
“ดูเหมือนข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วสินะ…”
นางตบมือลงไปบนหลังม้า แล้วตัวนางก็ลอยขึ้น นางหย่อนปลายเท้าแตะลงบนหัวม้าเพียงนิด พลันชายกระโปรงก็พลิ้วไหวในอากาศ นางพุ่งเข้าใส่จ้าวอู่เจียง และซัดฝ่ามือออกมา ตั้งใจจะเล่นงานกู้เหนียนหยวนที่อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
เดิมทีกู้เหนียนหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ซ้ำยังต้องเดินทางอย่างต่อเนื่อง บัดนี้ร่างกายจึงอ่อนแอนัก ในทันใดนั้น จ้าวอู่เจียงก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศเช่นกัน ดวงตาปรากฏประกายสีทองคำเรืองรอง ชายหนุ่มยื่นมือออกไปรับฝ่ามือของธิดาศักดิ์สิทธิ์ทันที
เปรี้ยง!
ฝ่ามือของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากระจายตัวไปรอบข้าง
จ้าวอู่เจียงทิ้งตัวลงมาเบื้องหน้ากู้เหนียนหยวน ส่วนธิดาศักดิ์สิทธิ์เมื่อทิ้งตัวลงพื้นแล้วก็ต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว
“คุณชายช่างกล้าหาญ ข้ารู้สึกพอใจยิ่งนัก” ธิดาศักดิ์สิทธิ์กัดริมฝีปากสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะดึงผืนผ้าไหมผูกผมของตนออกมาตวัดพลิ้ว หลังจากนั้น จ้าวอู่เจียงก็สัมผัสได้ถึงมวลพลังกดดันที่ปะทุออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้าม นี่ไม่ใช่พลังของผู้ที่อยู่ในขอบเขตยอดยุทธ์ แต่มันเป็นพลังของผู้ที่อยู่ในขอบเขตใกล้เคียงปรมาจารย์เช่นเดียวกับฉีหลิน
จ้าวอู่เจียงลูบหัวม้าแผ่วเบา ก่อนจะพูดกับกู้เหนียนหยวนที่อยู่บนหลังม้า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า