บทที่ 204 คนเฝ้าสุสานผู้ร้ายกาจ
เซวียนหยวนอวี้เหิงกับกู้ชางเทียนแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอยู่หลายลมหายใจ
กู้ชางเทียนสามารถโจมตีได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล มีความแข็งแกร่งสุดลึกล้ำ เพียงพริบตาเดียวก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเซวียนหยวนอวี้เหิง
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากปีศาจของเซวียนหยวนอวี้เหิงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น จนต้องระเบิดเสียงคำรามออกมาดังลั่น
“ยังยืนดูการแสดงเพื่ออันใดอีก? หากพวกเราเอาชนะคนเฝ้าสุสานไม่ได้ วันนี้ก็ไม่มีใครได้เข้าสุสานทั้งนั้น!”
ซือคงปู๋เจี๋ยระเบิดเสียงหัวเราะ กระทืบเท้าลงบนพื้นดิน พลันตัวก็ลอยละลิ่วเข้าไปหาเซวียนหยวนอวี้เหิงกับกู้ชางเทียนซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ซือคงปู๋เจี๋ยใช้ขอบเขตพลังอันสูงส่งของตนเอง เปิดฉากโจมตีใส่กู้ชางเทียนทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ เหล่ายอดฝีมือจากหลายสำนักและตระกูลต่าง ๆ ก็พร้อมใจกันปิดล้อมกู้ชางเทียน เพียงไม่กี่ลมหายใจ ดวงตาของกู้ชางเทียนก็เต็มไปด้วยประกายแสงสีทองเรืองรอง พลันพลังลมปราณระเบิดออกมาจากร่างอย่างรุนแรงไม่ต่างไปจากอสูรกาย แล้วชายชราก็คำรามลั่น
“เก่งจริงก็เข้ามาพร้อมกันเลยสิ!”
“นี่มันวิชาทองคำไร้พ่าย!” ดวงตาของเซวียนหยวนอวี้เหิงเบิกโตด้วยความตกตะลึง วิชามหาเทพดูดดาวของเขาแพ้ทางวิชาทองคำไร้พ่าย หากเป็นผู้อยู่ในขอบเขตเดียวกัน เซวียนหยวนอวี้เหิงรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเอาชนะคนเฝ้าสุสานผู้นี้ได้เด็ดขาด ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าขอบเขตพลังในปัจจุบันของเขาต่ำต้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่พอสมควร
พลังลมปราณที่ระเบิดออกจากร่างกายของกู้ชางเทียนกวาดแผ่ไปรอบทิศทาง ยิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น และดวงตาก็ยิ่งทอประกายสีทองเรืองรองมากขึ้นเรื่อย ๆ
“หากทุกท่านต้องการครอบครองคัมภีร์ปราณไร้วิญญาณ แต่มีปัญญาเพียงเท่านี้ เราผู้เฒ่าขอแนะนำให้พวกท่านล้มเลิกความตั้งใจไปเสียเถอะ!” เฒ่าขี้เมาตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
แม้ว่าในขณะนี้กลุ่มคนจะปิดล้อมรอบกายกู้ชางเทียน แต่ดูเหมือนต่างฝ่ายต่างก็ยังรีรอลังเล ไม่มีผู้ใดกล้าเปิดฉากต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ส่วนใหญ่ก็ทำได้เพียงแต่ดูท่าทีอยู่เฉย ๆ ส่งผลให้คนเฝ้าสุสานไม่ได้รับความกดดันอย่างที่ควรจะเป็น
วิชามังกรคำรณ! กู้ชางเทียนคำรามชื่อวิชาอยู่ในใจ สองมือร่ายวนเป็นลักษณะแปลกประหลาด หลังจากนั้น เขาก็กระแทกฝ่ามือออกไปข้างหน้าสิบแปดกระบวนท่าติด โจมตีใส่ทุกคนที่ขวางทางอย่างรวดเร็ว
ปึก ปึก ปึก!
ซือคงปู๋เจี๋ยก็โดนโจมตีด้วย เขาถอยหลังไปถึงห้าก้าวจึงค่อยตั้งหลักได้อีกครั้ง ลำคอเหมือนมีเลือดพุ่งทะลักขึ้นมา แต่เขาก็กล่ำกลืนมันลงไป คนเฝ้าสุสานผู้นี้ทำให้ซือคงปู๋เจี๋ยต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เดิมทีเขานึกว่าชายชราจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกับไต้ซือคูจู้ แต่ดูเหมือนว่าคนเฝ้าสุสานผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเสียอีก
จางอวิ๋นจงผู้เป็นมือกระบี่อันดับห้าแห่งยุทธจักรลอยกระเด็นไปกลางอากาศ ถึงแม้ว่าฝ่ามือของคนเฝ้าสุสานจะไม่ได้กระแทกถูกหัวใจของเขา แต่ก็ทำให้จางอวิ๋นจงได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเลือดไหลทะลักออกปากและจมูก
เจียงเฉิงเฟิงประมุขตระกูลเจียงสูดลมหายใจลึก เขายังคงรู้สึกหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าคนเฝ้าสุสานยังคงยั้งมือไว้ไมตรีอยู่บ้างตอนที่โจมตีตน
ทางด้านเฒ่าขี้เมาก็รับการโจมตีด้วยสองฝ่ามือ แต่ในขณะนี้ แขนของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เฒ่าขี้เมากัดฟันด้วยความเจ็บใจ คนเฝ้าสุสานมีความร้ายกาจมากกว่าก่อนหน้านี้ หรือว่าจะสามารถเลื่อนขั้นพลังขึ้นมาได้อีกแล้ว?
เหล่ายอดฝีมือจากสำนักต่าง ๆ ล้วนได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน ไม่มีผู้ใดสามารถยืนหยัดอยู่ตรงหน้าคนเฝ้าสุสานผู้นี้ได้เลย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า