บทที่ 23 รอยยิ้มพิมพ์ใจ
อวี้เซวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา ไม่คิดเหลือบแลชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีเลยแม้แต่น้อย เพราะในใจกำลังหวนนึกถึงรอยยิ้มพิมพ์ใจอันแสนอบอุ่นของสหายผู้นั้นต่างหาก
ผ่านไปครึ่งถ้วยชา
ทำไมนางถึงไม่มองข้าเลยล่ะ? หรือท่วงท่าการยืนยังสง่างามไม่พอ? เฉาเส้าเป่าได้แต่ขมวดคิ้วครุ่นคิดกับตนเอง ก่อนจะเก็บพัดจีบในมือ พลันหมุนตัวอย่างสง่างาม หันหลังให้แก่องค์หญิงแห่งไป๋เยว่
บรรดาผู้คนในโถงใหญ่ล้วนตกตะลึง
เซวียนหยวนจิ้งกับหลี่เฉินซวีตกตะลึงเช่นกัน
“อะแฮ่ม!”
เซวียนหยวนจิ้งส่งเสียงกระแอมขึ้นมาเบา ๆ หลี่เฉินซวีกลับมาได้สติอีกครั้ง รีบยกมือโบกสะบัด
“คนต่อไป!”
“ช้าก่อนขอรับ ท่านลุงหลี่”
เฉาเส้าเป่ากำลังจะถูกเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของกรมพิธีการลากตัวลงไปจากเวที จึงตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน
ช้าก่อนมารดาเจ้าเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าบิดาเจ้า ข้าคงลากตัวเจ้าลงมานานแล้ว และทุกคนก็คงไม่ต้องเสียเวลาเช่นนี้
“คนต่อไป จางมู่โจว บุตรชายของเสนาบดีกรมการศึกษา!”
จางมู่โจวแต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมหรูหรา ก้าวเดินขึ้นมาบนเวทีอย่างแช่มช้า โค้งคำนับทุกคนด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
“กระหม่อมมีนามว่าจางมู่โจว ขอสอบถามนามอันสูงส่งขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
“อวี้เซวียน”
องค์หญิงอวี้เซวียนตอบกลับไปด้วยความสุภาพ
นางพูดออกมาแล้ว นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง!
บรรดาขุนนางในโถงใหญ่ต่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความฮือฮา
เฉาเส้าเป่าที่ยืนอยู่ทางด้านหลังส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยาม
“องค์หญิงอวี้เซวียน เมื่อผู้ต่ำต้อยพบเห็นพระองค์ ความงดงามของพระองค์ก็ประทับอยู่ในจิตใจของกระหม่อม นั่นทำให้กระหม่อมอยากจะร่ายกวีออกมาพ่ะย่ะค่ะ!”
จางมู่โจวผู้เป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมการศึกษายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน และเริ่มต้นร่ายบทกวี
เรื่องราวขององค์หญิงผู้เลอโฉมหลบหนีจากดินแดนของตน ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทกวีไพเราะเสนาะหู องค์หญิงอวี้เซวียนเบิกตาโต จ้องมองบัณฑิตหนุ่มบนเวที แต่เสียงที่พูดออกมาจากปากของเขากลับกลายเป็นนิทานของจ้าวอู่เจียงที่ดังก้องอยู่ในจิตใจของนาง
“องค์หญิงสโนว์ไวท์หลบหนีการตามล่าและได้มาพบกับชายหนุ่มที่ชื่อว่าพินอคคิโอ ซึ่งเขามีอาวุธพิเศษเป็นไม้เท้า ที่สามารถขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นและหนาขึ้นได้เรื่อย ๆ”
“คนแคระทั้งเจ็ดผู้กล้าหาญลุกขึ้นสู้กับหมาป่าใจร้าย”
ในจิตใจของอวี้เซวียน นางกำลังนึกถึงการเล่านิทานของจ้าวอู่เจียงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุข นั่นนับเป็นความทรงจำที่ช่างงดงามเหลือเกิน!
น่าเสียดาย ในนครหลวงอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ไม่รู้เลยว่านางจะได้พบเขาอีกหรือไม่
อวี้เซวียนขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็มองออกว่านางไม่มีความสุขแล้ว
“หยุดร่ายกวี!”
หลี่เฉินซวีเสนาบดีกรมพิธีการร้องห้ามจางมู่โจวด้วยสีหน้าขึงขัง ยุติการร่ายบทกวีของเขาลงแต่เพียงเท่านี้
จางมู่โจวรู้สึกฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่ก็ยังต้องก้มศีรษะให้แก่ทุกคน และเดินลงมาจากเวทีด้วยตนเอง
“ประเสริฐยิ่ง”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า