บทที่ 247 ให้กำลังใจเหล่าบัณฑิต
เป็นที่รู้กันว่าเสนาบดีกรมมหาดไทยก็มีฝีมือการแต่งบทกวีไม่ได้ย่ำแย่อยู่แล้ว และถ้าเฉินซูเหวินเป็นคนเริ่มชื่นชม บัณฑิตคนอื่น ๆ ก็ต้องคล้อยตามอย่างแน่นอน หลังจากนั้น เสนาบดีหลินก็จะมีความสุขกับคำยกยอจากรอบทิศ
แล้วเฉินซูเหวินก็จะกลายเป็นคนโปรดของเสนาบดีหลิน บางทีเขาอาจจะถูกเรียกตัวเข้าไปทำงานในราชสำนักเลยก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลินหรู่ไห่เป็นเสนาบดีกรมมหาดไทย จะเคลื่อนย้ายตำแหน่งผู้ใดก็สามารถทำได้ตามใจชอบ
แล้วหนทางในราชสำนักของเขาหลังจากนี้ก็จะราบรื่นอย่างยิ่ง!
หลินหรู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาสามารถแต่งบทกวีได้ แต่คนเราจะสามารถแต่งบทกวีที่งดงามออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจได้อย่างไร?
เหตุใดเฉินซูเหวินจึงไม่ให้เวลาเขาได้เตรียมตัวบ้าง? บัดนี้มีกลุ่มบัณฑิตมารวมตัวกันอยู่มากมาย หากใช้เวลาคิดนานเกินไป นั่นจะไม่เป็นการเสียหน้าเอาหรือ? แต่ถ้าไม่ใช้เวลาคิด แล้วจะแต่งบทกวีออกมาได้อย่างไร?
หลินหรู่ไห่กวาดตามองสายตาคาดหวังจากกลุ่มบัณฑิตรอบด้าน มือซ้ายที่ไพล่หลังอยู่กำแน่นขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็รู้สึกเดือดดาลจนอยากจะกระโดดต่อยหน้าเฉินซูเหวินซักสองหมัด
หลินหรู่ไห่ไม่เข้าใจเลยว่าเฉินซูเหวินกำลังคิดอะไรอยู่? ความขุ่นเคืองค่อย ๆ พวยพุ่งขึ้นในใจ
จะทำอย่างไรดี? หลินหรู่ไห่ถอนหายใจออกมาช้า ๆ แต่แล้วในทันใดนั้น ดวงตาก็วาววับพริบพราย ก่อนจะหันไปมองจ้าวอู่เจียงซึ่งยืนโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างกาย
หลินหรู่ไห่หันกลับไปเผชิญหน้าสายตาแห่งความคาดหวังของบรรดาบัณฑิตหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“พวกเจ้าเปรียบดั่งดวงตะวันที่กำลังโดดเด่นบนฟากฟ้า ส่วนตัวข้านั้นแก่ชราแล้ว เพราะฉะนั้น มันคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่หากข้าจะแต่งบทกวีให้กับพวกเจ้า ข้าไม่อยากทำให้แสงตะวันของพวกเจ้าต้องมาแปดเปื้อนเพราะคนรุ่นเก่าอย่างข้า”
“แต่บุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายข้าคนนี้ เขามีนามว่าใต้เท้าจ้าว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเจ้า เขาเองก็เป็นหนึ่งในดวงตะวันที่โดดเด่นบนฟากฟ้าเช่นกัน อีกทั้งใต้เท้าจ้าวผู้นี้ยังมีพรสวรรค์ล้ำลึก เขาจะต้องมอบบทกวีให้กำลังใจได้อย่างเหมาะสมแน่นอน…”
จ้าวอู่เจียงยืนรับฟังด้วยความสงบ นับตั้งแต่รับรู้ถึงสายตาของหลินหรู่ไห่ ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรออกมา
เฉินซูเหวินรีบตอบสนองอย่างเร็วไว ประสานมือทำความเคารพจ้าวอู่เจียงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ใต้เท้าจ้าวช่วยโปรดแต่งบทกวีให้กำลังใจพวกเราด้วยเถิด”
บัณฑิตคนอื่น ๆ เริ่มส่งเสียงสนับสนุน เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มบัณฑิตที่ตั้งใจเดินทางไปชื่นชมความสามารถอันยอดเยี่ยมของเจ้าสำนักไร้ขอบเขต พวกเขาคือกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในบทกวี จึงมีความสนใจที่จะได้รับฟังบทกวีอันยอดเยี่ยมเสมอ
จ้าวอู่เจียงพยักหน้าและยิ้มกว้าง ยืนเอามือซ้ายไพล่หลัง มือขวากำเป็นหมัดยกไว้ตรงช่วงท้อง พร้อมกับส่งเสียงออกมาว่า
“นอนก่อนเที่ยงคืน ตื่นก่อนไก่ขัน เพื่อนพ้องทั้งหลายเพียรศึกษา ฉกรรจ์ผมดำไม่รีบใฝ่เรียนรู้ ยามชราหมดสภาพไร้เรี่ยวแรง”
“…” หลินหรู่ไห่ยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ดวงตาจ้องมองไปที่จ้าวอู่เจียงด้วยสีหน้าสับสน ได้แต่ร้องอุทานอยู่ในใจ
“นี่เจ้าแต่งออกมาได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยหรือ? จ้าวอู่เจียง?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า