บทที่ 519 รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
ตอนจ้าวอู่เจียงเหยียบเท้าก้าวขึ้นเกาะตงจี มีผู้คนมากมายยืนอยู่บนกำแพงเมืองตงเฉิง
คนกลุ่มนี้ต่างก็เป็นกองกำลังป้องกันเมืองตงเฉิน
หลังจากดูแลกลุ่มเชลยศึกจากเกาะตงจีที่จ้าวอู่เจียงช่วยเหลือเอาไว้ พวกเขาก็เดินขึ้นมายืนบนกำแพงเมือง คอยมองไปยังเกาะตงจีอยู่เป็นระยะ
ทั้งเปลวไฟ กลุ่มควันหนา ผืนน้ำรอบเกาะกลายเป็นสีแดงเข้ม ทุกอย่างอยู่ในการเฝ้ามองของพวกเขา
และยามนี้พวกเขากำลังรอคอยผลลัพธ์
บุรุษหนุ่มชุดดำพุ่งตัวรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงลำแสง เขาหายเข้าไปในเกาะตงจี จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดมองเห็นเขาอีก
สิ่งเดียวที่ทุกคนเห็นก็คือเงาสีดำที่พุ่งเข้าไปในตัวเมืองบนเกาะด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า
พวกเขาจึงคอยเฝ้าดูอยู่ตรงนี้พร้อมกับเจ้าเมืองเฉินเว่ยหมินมากว่าสองชั่วยามแล้ว
จากความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล จากความวิตกกังวลเปลี่ยนเป็นความเศร้า และจากความเศร้าก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นความหมดหวัง
นี่ก็ผ่านมาได้สองชั่วยามแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพของชาวโพ้นทะเล ถ้าบุรุษหนุ่มชุดดำไม่สามารถหนีกลับออกมาจากเกาะตงจีได้ นั่นหมายความว่าเขาคงถูกกองทัพของชาวโพ้นทะเลโจมตีจนเสียชีวิตไปแล้ว…
บุรุษเพียงตัวคนเดียวจะไปกวาดล้างกองทัพศัตรูกส่าสองหมื่นคนได้อย่างไร?
ทุกคนมีความหวัง แต่ก็รู้ดีว่าเป็นไปแทบไม่ได้
บนเกาะตงจีไม่ได้มีข้าศึกเพียงสองร้อยหรือสองพันคน แต่มีศัตรูอยู่มากถึงสองหมื่นคน ในจำนวนนั้นมีนักรบพเนจรชาวโพ้นทะเลอยู่อีกมาก แล้วบุรุษชุดดำที่รีบร้อนขึ้นไปบนเกาะตงจีเป็นผู้ใด? มาจากไหน? เขาจะสามารถฆ่าทุกคนได้หรือ?
ถ้าจะมีผู้ใดสามารถกวาดล้างข้าศึกนับหมื่นคนบนเกาะได้สำเร็จ คนผู้นั้นก็ต้องมีพลังแข็งแกร่งขั้นเทวะ
ถ้าพวกเขาโชคดี ยอดฝีมือผู้นั้นก็อาจจะช่วยพวกเขากวาดล้างศัตรู กำจัดเภทภัยให้แก่คนบริสุทธิ์ได้สำเร็จ
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นเพียงชายหนุ่มอ่อนเยาว์ ด้วยอายุเพียงเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ต่อให้ฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความแข็งแกร่งถึงขอบเขตเทวะ
ยิ่งไปกว่านั้น การบุกเข้าไปเพียงลำพัง หากหมดพลัง เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เหลืออยู่อีกหลายพันคน
ตอนนี้ผ่านมาได้กว่าสองชั่วยามแล้ว ทหารแห่งกองกำลังปกป้องเมืองตงเฉิงยังไม่เห็นบุรุษหนุ่มชุดดำผู้นั้นกลับมาจากเกาะตงจี นี่เป็นสัญญาณของความหมดหวังอย่างแท้จริง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า