บทที่ 64 หลิวชิงชิง (รีไรท์)
เขตเจียงตู่ ณ จวนซิงชิงหยวน
ราชเลขาหลิวหลังเสร็จธุระก็พาหลิวเฟิงหลานผู้เป็นชายกลับไป หลังจากนั้น หลิ่วว่านซานก็เดินเข้ามาภายในจวน บอกถึงที่มาที่ไปของแผ่นป้ายที่ทำจากหยกและทองคำบริสุทธิ์แผ่นนั้น
เขตเจียงตู่มีเหล่าพ่อค้าจำนวนมากมารวมตัวกัน เกิดเป็นองค์กรที่เรียกว่าหอการค้าเจียงตู่ มีจุดประสงค์หลักคือการแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีค่ามากกว่าเงินทอง
ในหอการค้าเจียงตู่ ผู้มีอำนาจมากที่สุดก็คือ ประมุขของหอการค้า ซึ่งพวกเขาจะคัดเลือกประมุขขึ้นมาถึงหกคน เพื่อสร้างสมดุลทางอำนาจ ไม่ให้อำนาจตกไปอยู่ในมือของผู้หนึ่งผู้ใดมากเกินไป เพราะนั่นอาจเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์โดยรวมของหอการค้า…
และป้ายทองคำที่หลิ่วว่านซานมอบให้แก่จ้าวอู่เจียงก็เป็น ป้ายประจำตัวประมุขหอการค้านั่นเอง
แม้หลิ่วว่านซานจะมีตำแหน่งขุนนางในงานราชการไม่สูงส่งอะไร แต่ด้วยความที่เขาเป็นขุนนางกรมคลัง เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน เขาจึงมักล่วงรู้ข่าววงในเกี่ยวกับการค้าขายก่อนใคร ด้วยเหตุนี้เอง น้องชายของเขา บิดาของหลิ่วหมาง จึงได้ขึ้นเป็นหนึ่งในหกประมุขของหอการค้าเจียงตู่
หลิ่วว่านซานก็แค่นำป้ายประจำตัวนี้มาจากบิดาของหลิ่วหมางเท่านั้นเอง
…
เมื่อจ้าวอู่เจียงส่งแขกทั้งหมดกลับไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่คิดจะอยู่จวนหลังนี้ต่ออีก เขาเองจึงเดินทางกลับเข้าวังหลวงพร้อมเจี๋ยเอ้อร์ซานเช่นกัน
ชายหนุ่มเดินกลับไปยังตำหนักหย่างซิน และตรงเข้าไปยังห้องบรรทมของฮ่องเต้ ก่อนจะพบว่าในห้องว่างเปล่า ดูเหมือนองค์ฮ่องเต้ยังคงว่าราชการอยู่กับกลุ่มขุนนางในท้องพระโรง
นับเป็นสตรีที่มีความมุ่งมั่นจนเขาต้องอับอายจริง ๆ… จ้าวอู่เจียงส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา พลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง เตรียมจะพักผ่อนสักหน่อย ก่อนเริ่มต้นฝึกเคล็ดวิชาทองคำไร้พ่ายต่อไป
แต่ในทันใดนั้น ขันทีน้อยผู้เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ แล้วแจ้งว่า
“ใต้เท้าจ้าวขอรับ พระสนมหลิวเหม่ยเอ๋อร์กับพระสนมหลิวชิงชิงต้องการพบใต้เท้าขอรับ…”
สองพี่น้องมาด้วยกันเชียวหรือ เกิดอะไรขึ้น?
จ้าวอู่เจียงขมวดคิ้วพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณให้แก่อีกฝ่าย
ขันทีน้อยพยักหน้า และล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ สองพี่น้องหลิวเหม่ยเอ๋อร์กับหลิวชิงชิงก็มาถึงหน้าประตูห้องบรรทม
หลิวเหม่ยเอ๋อร์สวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพู ก้าวเดินเข้ามาในห้องอย่างงดงาม มือและเท้ากรีดกรายอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาจ้องมองขันทีหนุ่มเป็นประกายหยาดเยิ้ม พลางเอ่ยว่า
“ไม่ทราบว่าใต้เท้าจ้าวยุ่งอยู่หรือไม่?”
หลิวชิงชิงสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาว นางเองก็มีความงดงามเช่นกัน เพียงแต่ว่าสีหน้าปรากฏความเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย นางเดินตามหลังหลิวเหม่ยเอ๋อร์ผู้เป็นพี่สาวเข้ามาติด ๆ ไม่ต่างจากสาวน้อยที่อ่อนต่อโลกโดยแท้จริง
“พระสนมมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” จ้าวอู่เจียงยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น ดวงตาแพรวพราว
หลิวเหม่ยเอ๋อร์นั่งลงบนเก้าอี้ แย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ใต้เท้าจ้าว วันนี้น้องชายของข้าล่วงเกินท่านไปจริง ๆ แต่เขายังเด็กและไม่มีความคิด…”
“พระสนมเป็นกังวลมากเกินไปแล้ว แม้ว่ากระหม่อมจะมีร่างกายพิการ แต่จิตใจหาได้พิการไม่”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า