บทที่ 686 ชีวิตของมนุษย์ดับสิ้นไม่ต่างจากแสงตะเกียง
เหล่ายอดฝีมือต่างล้มตายไปทีละคน ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ร่างกายของผู้คนเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดที่กระจายไปทั่วรอบทิศทาง
ผู้อาวุโสเทียนซวีแห่งสำนักเทียนเหอเสียชีวิต หยินเถาเอ๋อร์ใช้วิชาเฉพาะของสำนักเทียนเหอหนีไปได้อย่างปลอดภัย
หนี่ผูซาก็จากไปแล้วเช่นกัน
มู่เชียนเชียนหัวเราะเสียงดังในหมอกเลือด ดูเหมือนเด็กสาวจะเสียสติไปแล้ว
แปลกที่ว่าอู๋ต้าห่ายไม่ได้โจมตีมู่เชียนเชียน
นอกจากเผ่าปีศาจจากดินแดนหลิงซี เกือบทุกคนต่างล้มตายภายใต้ท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับนี้
โซ่ที่พันพญากิเลนอยู่ก็หลุดละลายหมดสิ้น หลังจากที่ถูกกักขังมาหลายปี ในที่สุดพญากิเลนก็ปลอดจากการพันธนาการ
ขนสีขาวบริสุทธิ์ของมันถูกย้อมด้วยหมอกเลือด ทำให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อหลุดจากพันธนาการ พญากิเลนไม่ได้แสดงความยินดีออกมา แต่มันกลับหันหลังเดินเข้าไปยังชั้นที่แปด มองขึ้นไปยังท้องฟ้า
โซ่ยังคงย้อยลงมา แต่คราวนี้ไม่ได้พันธนาการมันอีกต่อไป
พญากิเลนกระโดดลงไปในลำธารน้ำใส กลิ้งตัวให้เปียกน้ำ แล้วสะบัดขนจนแห้ง
หลังจากคืนสภาพที่สะอาดเรียบร้อย มันก็กระโดดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ครั้งนี้มันไม่ถูกขวางกั้นเหมือนที่ผ่านมา มันสามารถไปถึงชั้นที่เก้าได้อย่างราบรื่น
บนหอคอยชั้นที่เก้า มันเห็นโลงศพไม้ และมันส่งเสียงร้องเศร้าเสียใจ วิ่งเข้าไปหาโลงศพและวนรอบโลงศพ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
จากนั้นมันหยิบขลุ่ยโบราณที่อยู่บนโลงศพขึ้นมา
ขลุ่ยโบราณถูกเป่าขึ้นอย่างแผ่วเบา บทเพลงนั้นเศร้าและเยือกเย็น
หอคอยปีศาจทั้งหอเริ่มสั่นสะเทือน
อู๋ต้าห่ายและยอดฝีมือจากเผ่าปีศาจพากันออกจากหอคอยปีศาจ
เมื่อออกมานอกหอคอย พวกเขายืนอยู่บนอากาศเหนือมือซ้ายของรูปปั้นเทพปีศาจ และมองไปยังรูปปั้นปีศาจ
รูปปั้นปีศาจขนาดใหญ่เริ่มแตกหัก ฝุ่นทรายปกคลุมท้องฟ้าและส่งเสียงดังกึกก้อง
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ รูปปั้นเทพปีศาจที่ยืนคู่กันมายาวนานสองรูป รูปหนึ่งเทพและอีกรูปหนึ่งปีศาจ รูปปั้นปีศาจก็พังทลายกลายเป็นภูเขาขนาดเล็กๆ
บริเวณที่ตั้งตำแหน่งเดิมของรูปปั้นปีศาจ ปรากฏหอคอยเล็กๆ ที่แผ่ลำแสงสีรุ้งออกมา



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า