คนไข้เตียงข้างๆเห็นแล้วขัดใจ จึงเอ่ยว่า “พวกคุณก็พอได้แล้ว! คนที่อยู่ในอาคารนี้มีใครบ้างที่ไม่ได้ใช้ชีวิตโดยการนับนิ้ววันเวลาที่เหลืออยู่ คนไข้ครอบครัวคุณมีเสมหะติดในลำคอ ถ้าไม่ใช่ว่าคุณหมอไป๋สอดท่อได้ทันเวลา พูดจาไม่น่าฟังสักหน่อย ตอนนี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกมั้ยก็ไม่แน่! ผู้อื่นช่วยชีวิตคนกลับมาให้พวกคุณ พวกคุณจะไร้มโนธรรมแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ในห้องพักผู้ป่วย บริเวณระเบียงทางเดิน บุคลากรทางการแพทย์ ญาติผู้ป่วย คนไข้ที่มาหาหมอ คนที่มาเยี่ยมคนไข้ล้วนกำลังดูเรื่องสนุก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็มีความคิดแตกต่างกันไป
ไป๋ซีเยว่เอ่ย “ฉันเข้าใจสภาพจิตใจของพวกคุณ และก็เหมือนกับพวกคุณ พวกเราที่เป็นหมอก็หวังว่าคนไข้จะสุขภาพดีเร็วขึ้น ยังคงเป็นประโยคนั้นค่ะ จะฟ้องก็ฟ้องเลย ฉันจะให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ฟ้อง ทุกคนก็แยกย้ายกันได้แล้ว ควรจะทำอะไรก็ไปทำ”
ญาติคนไข้ที่ท่าทางดุร้ายก่อนหน้านี้ก็เอ่ยคล้อยตามว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณหมอไป๋ คุณยังเป็นหมอหลักในการรักษาอาการป่วยของพ่อฉันได้มั้ยคะ”
ไป๋ซีเยว่ถาม “ยังจะฟ้องอีกมั้ยคะ”
ญาติคนไข้ส่ายหน้า
ไป๋ซีเยว่ถามต่อ “ยังจะโวยวายอีกมั้ยคะ”
ญาติคนไข้ปิดหน้า ไม่พูดอะไรแล้ว
ไป๋ซีเยว่มองไปทางหัวหน้าพยาบาล “แยกย้ายกันได้แล้ว คนไข้ต้องการความสงบ”
ตอนที่กลับไปที่ห้องทำงาน เธอก็เห็นหลี่หยูนชิงทันที
“คุณหมอหลี่” เธอทักทายก่อนด้วยท่าทางสุภาพมีมารยาท แต่กลับแฝงไปด้วยความเหินห่าง
หลี่หยูนชิงเดินมาทางเธอ “วันนี้พักผ่อนไม่ใช่หรอครับ ทำไมถึงได้มาอีก”
“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” ไป๋ซีเยว่เปิดประตูห้องทำงาน “คุณมาหาฉันหรือว่า...”
หลี่หยูนชิงเอ่ยยิ้มๆ พลางชูเอกสารในมือขึ้น “มาส่งเอกสารให้ผ.อ.น่ะครับ”
ไป๋ซีเยว่พยักหน้า
วันนี้เธอพักผ่อน ตอนนี้จัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมจะกลับไป อย่างไรเสียร่างกายมู่มู่ก็ไม่สบาย เธอยังไม่วางใจ
กำลังจะบอกลาหลี่หยูนชิง สุดท้ายเขาเอ่ยว่า “ตอนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าคุณสะดวกไปกินมื้อกลางวันด้วยกันมั้ยครับ”
วุ่นวายเทียวไปเทียวมา ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว
ถ้าหากว่ามู่มู่อยู่บ้านกับคุณหวาง ไป๋ซีเยว่ไม่มีทางวางใจ แต่ตอนนี้มีจี้เหลียนเฉิงอยู่ด้วย หวนนึกถึงท่าทางหลบหลีกเมื่อครู่ของเขาแล้ว ไป๋ซีเยว่ก็ขุ่นเคือง จึงไม่อยากกลับไป
อีกอย่าง ความรู้สึกในใจของหลี่หยูนชิง เธอรู้ดีมาก ในเมื่อไม่อยากเกี่ยวข้องกับฝ่ายตรงข้ามอีก ก็สมควรจะพูดกับเขาให้เข้าใจ
เธอพยักหน้า “ได้ค่ะ”
หลี่หยูนชิงดีใจกับคำตอบที่ได้รับอย่างคาดไม่ถึง “อย่างนั้นคุณรอผมก่อนนะครับ ผมไปส่งเอกสารแล้วจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ไป๋ซีเยว่เอ่ย “ถ้างั้นฉันจะรอคุณที่ลานจอดรถค่ะ”
เมื่อไปถึงลานจอดรถ ทั้งสองคนก็ขับรถ คนหนึ่งหน้า คนหนึ่งหลังไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ร้านที่หลี่หยูนชิงเลือก ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวไม่น้อยเลย หลังจากนั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถามว่าไป๋ซีเยว่ชอบกินอะไร มีอะไรที่กินไม่ได้มั้ย
ไป๋ซีเยว่ส่ายหน้า เธอไม่หิว และไม่มีกะจิตกะใจจะกินอาหารอร่อย เพียงแต่สิ่งที่เธอจะพูดนั้นเหมาะสมที่จะพูดหลังจากกินข้าวเสร็จ ถ้าหากว่าพูดตอนนี้ ก็เกรงว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนจะกระอักกระอ่วนจนกระทั่งข้าวก็กินไม่ลง
แม้ว่าหลี่หยูนชิงจะเป็นศัลยแพทย์ แต่ว่ากลับเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมาก มารยาทบนโต๊ะอาหารของเขาดีมาก และรู้จักดูแลผู้หญิง
ไป๋ซีเยว่รู้สึกว่า ถ้าหากไม่ได้พบกับจี้เหลียนเฉิง บางทีเธออาจจะสามารถลองคบกับหลี่หยูนชิงได้
แต่ว่าตอนนี้ น่าเสียดายมากที่เธอไม่มีความรู้สึกใดๆกับเขาสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คิดจะรัก คิดถึงอดีต(เมีย)