1 สัปดาห์ต่อมา
ด้านเจนิสหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องป้าลัดดากับพี่แป้งเสร็จแล้วนั้น สามวันต่อมานับว่าโชคดีที่ป้าลัดดานั้นยอมโอนที่ดินคืนให้กับฉัน ส่วนเรื่องโกงบริษัทขั้นตอนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายคอยจัดการต่อไป และตอนนี้ข่าวพี่แป้งดังว่อนไปทั่วเน็ต จนเพื่อนสนิททั้งสาวนางขอฉันอยู่เฉยไม่ได้ถึงขั้นได้โทรตัดฉันให้ออกมาเจอเพื่อคุยเรื่องนี้
"แก เจเรื่องที่พี่สาวแกกำลังเป็นข่าวอยู่นี้คือเรื่องจริงใช่ไหม" ยัยแซมมี่พอเจอหน้าฉันนางก็เอ่ยถามฉันมาด้วยสีหน้าอันตื่นเต้นด้วยท่าทีอยากรู้
"อืม...ฝีมือฉันเองแหละ ที่เอาพวกเขาเข้าตาราง แต่ตอนนี้ออกมาแล้ว" ฉันเอ่ยกับพวกเพื่อนฉันไป
"ว้าย...ชะนี ตั้งแต่แกกลับมารอบนี้ แกนิร้ายไม่เบาเลยนะ" ยัยแซมมี่เอ่ยถามฉันมาอย่างไม่เชื่อ หู
"ก็ที่ฉันกลับมารอบนี้เพราะพ่อฉันป่วย ฉันเคยเล่าพวกแกแล้วนิ อีกอย่างสองแม่ลูกนั้นโอนเอาของฉันไปแทบจะหมดทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ที่ดินสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่เหลือไว้ให้ ป้าลัดดาก็โอนเอาจนหมด แต่โชคดีที่ตอนนี้ได้กลับคืนมาแล้ว" เจนิสเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก
"อีกอย่าที่พี่แป้งเป็นข่าวฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่า เป็นข่าวดังได้ยังไง ใครเป็นคนบอกนักข่าว" เจนิสเอ่ยด้วยท่าทีสงสัย
"ก็อย่างว่าแหละนะพี่แป้งแก่ทะเยอทะยานที่เกินพอดี โลภมาก อยากได้ของแกมากจนเกินไป จุดจบเลยต้องมาเจออะไรแบบนี้" ยัยเฟย์ที่นั่งอยู่ข้างฉันเอ่ยออกมา ราวกับนางกำลังสงสารพี่แป้ง
!! หึ...แต่นางก็ร้ายกับแกก่อนอะนะ" ยัยน้ำอุ่นเอ่ยกับฉันมา
"ก็ใช่นะสิ สมควรที่จะโดนแบบนั่นแหละ" จากนั้นพวกเราก็นั่งทานข้าวกันต่อ
"เสียดายวันนี้แกไม่พาน้องฟรอสต์มาด้วย ฉันอดเจอสุดหล่อของฉันเลย" ยัยแซมมี่เอ่ยกับฉันมาที่ตอนนี้หลงน้องฟรอสต์หนักถึงขั้นวิดิโอคอลหาฉันแทบจะทุกวัน และฉันต้องส่งภาพน่ารักของลูกชายในกลุ่มไลน์ที่ตอนนี้สมัครเป็นแฟนคลับลูกชายฉันไปแล้ว
"วันนี้น้องฟรอสต์ไปโรงเรียนนะ ไว้วันหลังนะจะพามา"
"แล้วนี้แกกับพี่ริว จะแต่งงานกันวันไหน ใกล้ยังพวกฉันจะได้เตรียมชุดรอ ฮ่า..." แซมมี่แกล้งถามเจนิส ร่างบางที่โดนเพื่อนถามมาเช่นนั้นใบหน้าหวานถึงกับแดงซ่านขึ้นมาด้วยความเขินอาย
"แต่งไรละ เขายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับฉันเลยซักครั้ง" เจนิสเอ่ยด้วยสีหน้าน้อยใจ เขาคุยเรื่องนี้แต่กับบิดาของเธอแต่กับเธอริวนั้นไม่เคยถามหรือขอเธอแต่งงาน ที่ยัยแซมมี่ถามเช่นนั้นเพราะพวกเพื่อนๆ ฉันนั้นทราบกันแล้วว่าฉันคืนดีกับพี่ริว และตอนนี้เขาก็อยู่ที่บ้านของฉัน ที่ฉันยอมให้เขาเข้าบ้านก็เพราะลูกแต่พอเราได้ใช้ชีวิต อยู่กับเขาที่น้องฟรอสต์เข้าจริงๆ ชีวิตฉันกับรู้สึกมีความสุขมาก ที่มีคนคอยซัพพอร์ตคอยเป็นห่วงและเป็นกำลังใจให้กันและกันตื่นมาในตอนเช้าเจอหน้าเขาและลูก แค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว ฉันเลยให้อภัยและหายโกรธเรื่องในอดีตของเรา
ทั้งสามสาวที่ได้ฟังคำตอบของเจนิสถึงกับหลุดยิ้มออกมา
"นี้ทานข้าวเสร็จ พวกแกไปไหนต่อไหม หรือจะไปชอปกันต่อ" เจนิสเอ่ยถามทั้งสามสาวมา
"ตอนเย็นพวกฉันมีงานอีเว้นท์นะ" แซมมี่เอ่ยมาเจนิสถึงกับหลุดขำให้กับคำตอบของเพื่อน
"แล้วแกละ แยกจากพวกฉันไปไหนต่อกันไหม"
"เข้าบริษัท ฉันกะจะเข้าไปเคลียงานอีกนิดหน่อย ก็กลับบ้านเลย" ร่างบางเอ่ยกับเพื่อนๆ ของเธอ ทั้งสามสาวได้แต่มองหน้ากันมา
จากนั้นหลังจากที่ทานข้าวเสร็จเจนิสก็กลับเข้ามาทำงานที่บริษัทของเธอปกติ แต่ที่ไม่ปกติ ก็พี่ริวนี้แหละ สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ให้ตายเถอะนี้ฉันทำงานจนลืมเวลาไปรับลูกเลยหรือไง ช่วงนี้พี่ริวเขามักจะว่าฉันอยู่บ่อยๆ ว่าฉันเอาแต่บ้างาน มือเรียวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา เป็นไปได้ที่พี่ริวไม่โทรหาฉัน แต่กับส่งไลน์มาแทน
Riw ที่รักพี่ไปรับลูกแล้วนะ ตอนนี้น้องฟรอสต์เล่นอยู่กับเรนิสที่ห้องทำงานไอ้ริก
จากนั้นฉันก็ส่งสติกเกอร์ Ok กลับไป น้อยครั้งนักที่ฉันจะลืมไปรับลูก หึ...ฉันคงมัวแต่ทำงานอย่างที่พี่ริวว่าจริงๆ สินะ แต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ฉันจะไปรับน้องฟรอสต์ที่เนอสเซอรี่แล้วค่อยพาเจ้าตัวแสบไปทานไอศครีมของโปรดของเขาก็แล้วกัน ร่างบางได้แต่คิดเช่นนั้นจากนั้นก็นั่งทำงานต่อ
อีกด้านริวของร่างสูงที่นั่งเซ็นกองเอกสารอยู่ภายในห้อง ใบหน้าอันหล่อเหลาถึงกับผุดรอยยิ้มร้ายขึ้นมา หลังจากที่ได้อ่านไลน์จากแซมมี่ ที่เขานั้นวานเพื่อนสนิทของเจนิสช่วยอะไรเขาบางอย่างนั้นเอง
ด้านเจนิสหลังจากที่ร่างบางนั่งทำงานอยู่นั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คลั่งรักร้ายนายวิศวะ