“ใช่… ”
เจ้าของไร่สับปะรดตอบเสียงห้วน
“ใครคะ… ”
น้ำหวานสงสัย เมื่อเหลียวมองไปรอบๆ ก็มีแต่หล่อนคนเดียวเท่านั้น
“เอ่อ… เดี๋ยวหนูเตรียมข้าวกลางวันไว้ให้ในครัวนะคะ”
หญิงสาวกล่าว รู้ว่าถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี หล่อนก็ควรอยู่ให้ห่าง สงสัยใกล้วัยทอง อารมณ์ของลุงทองจึงสวิงขึ้นๆ ลงๆ
ทว่าไม่ทันที่จะก้าวออกมาจากห้อง คำพูดของเจ้าของไร่ก็ทำให้จังหวะก้าวของสาวน้อยเท้ามีอันต้องชะงัก
“ทำไม… เบื่อคุยกับคนแก่ใช่ไหม พอเห็นหน้าก็จะรีบไป ไม่กระดี๊กระด๊าเหมือนกับตอนคุยกับไอ้หนุ่มหน้าตี๋ขี่เวฟ… ชิ๊”
เขาหมายถึงฮอนด้าเวฟที่มาจอดหน้าบ้านเมื่อครู่
“อ๋อ… ถ้าคุณลุงหมายถึงผู้ชายเมื่อกี้ ‘นนท์’ ค่ะ เพื่อนที่เรียนด้วยกัน แค่แวะเอารายงานมาคืนค่ะ”
กับนนท์คนนี้น้ำหวานไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปจากคำว่า ‘เพื่อน’ เลยสักนิด
ทว่านนท์นั่นแหละ… ที่คิดกับน้ำหวานมากกว่าเพื่อนร่วมห้องเรียน และมักจะหาข้ออ้างเช่นยืมรายงาน ขอคำปรึกษาเรื่องการบ้าน แกล้งไม่เข้าใจวิชานั้นวิชานี้เพื่อเป็นเหตุผลบังหน้าเพราะอยากเจอน้ำหวาน อยากได้ยินเสียงหวานๆ ทางโทรศัพท์ก็ยังดี
“เป็นสาวเป็นนาง ทำตัวแรดร่านแบบนี้ มีผู้ชายมาหาถึงบ้านระวังจะท้องป่องก่อนเรียนจบ”
ความหึงหวง ทำให้ลุงทองพูดประโยคนี้ออกมา ก่อนจะสำนึกได้ว่าเขาไม่ควรพูด ไม่ควรว่าหล่อนแบบนี้ เพราะรู้ว่าอารมณ์ที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่ มันคืออาการของคนที่ดวงตากำลังมืดบอดไปด้วยความหึงหวง
“ทำไมต้องพูดแบบนี้… หวานไม่ได้คิดอะไรกับนนท์สักหน่อย… และไม่เคยคิดจะทำอะไรอย่างที่คุณลุงว่า”
เสียงของหญิงสาวสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ พูดจบหล่อนก็เดินออกมาจากห้อง ริมฝีปากที่เบะน้อยๆ ทำให้ลุงทองรู้สึกผิด เขาไม่ควรใช้ถ้อยคำอำมหิตกับหล่อน น้ำหวานคงเสียใจ
“น้ำหวาน… เอ่อ ลุงขอโทษ… เดี๋ยวสิหนู”
ลุงทองพยายามจะเรียก
หากคนตัวเล็กก็ไม่หยุดรอฟัง หล่อนเดินลิ่วๆ เดินเข้าไปในครัว เอาอาหารในปิ่นโตเทใส่ลงจาน ครอบฝาชีไว้แล้วก้าวเงียบเชียบออกไปทางประตูด้านหลังครัว
ท่าทางของสาวน้อยที่เห็น ทำให้ลุงทองรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก นึกอยากเอามือตบปากตัวเอง
‘โธ่… ไม่น่าพูดแบบนี้เลยกู’
ลุงทองตำหนิตัวเองอยู่ในใจ เดินวนไปวนมาเหมือนเสือติดจั่น รู้สึกผิดที่เผลอใช้คำพูดทำร้ายจิตใจน้ำหวาน
เขาไม่ควรกล่าวหาว่าหล่อนแรดร่าน ทั้งที่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ เป็นเพราะเขานั่นแหละ… ที่หึงหวงจนขาดสติ
ลุงทองยังคงเดินไปเดินมา
แล้วจู่ๆ เสียงเพลงของศิลปินป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ท่อนหนึ่งก็ดังแว่วมาเข้าหู
……….
"ฉันต้องทำทำอะไรสักอย่างแล้ว
ให้เธอนี้ไม่แคล้ว… ไม่คลาดกัน
“ไม่เปิดค่ะ… หนูอยากอยู่คนเดียวสักพัก ถ้าอารมณ์ดีขึ้นแล้วหนูจะออกไปเอง”
“โอเค… งั้นเดี๋ยวค่ำๆ ลุงแวะมาอีกทีนะคะ”
ลุงทองกล่าวเสียงหวาน จากนั้นก็เดินออกมา
ในเวลาต่อมา
ตอนค่ำ หลังจากง้อครั้งแรกไม่สำเร็จ แผนการบางอย่างก็ผุดวาบเข้ามาในหัวของลุงทอง แกรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาสาวน้อย
“หนูจ๋า… มาที่ห้องลุงหน่อยสิ”
น้ำเสียงออดอ้อนสำออย
“มีอะไรคะ”
ถามเสียงห้วนเพราะยังโกรธ
“ลุงปวดหัว”
เสียงอ้อน ออเซาะจนน่าตกใจ
“ค่ะเดี๋ยวหนูไปดูนะคะ”
แม้ในใจจะยังโกรธ แต่ก็รู้สึกสงสาร ด้วยลุงทองคนนี้คือผู้มีพระคุณของน้ำหวาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหนูกับลุงยาม
น้ำหวานลุงทองมีลูกด้วนกันไหม...