บทที่ 536 การเจรจา
ผลสรุปสุดท้ายคือวาร์ปออกมาด้วยความเร็ว0.5เท่าของความเร็วแสง รอการมาถึงของอารยธรรมพ่อค้าต่างดาว
หลักยึดมั่นที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้ออกมาคือ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงอารยธรรมพ่อค้าต่างดาวจะเป็นอารยธรรมระดับสี่ แต่แนวทางพัฒนาเทคโนโลยีของพวกเขาเบนไปแล้ว ดังนั้นฝีมือการรบพวกเขาไม่แกร่งแน่
ต่อให้แกร่งกว่ามนุษย์หน่อย ก็ไม่มีทางแกร่งกว่ามาก
ถึงเวลานั้นระดมกำลังรบกับพ่อค้าอวกาศ
นอกจากจะเป็นศึกชี้ชะตา
ไม่งั้นการสู้แบบตายกันไปข้างแบบนี้ ไม่มีใครทำกันหรอก
“พวกเราเป็นทีมที่สามพันสี่ร้อยของอารยธรรมพ่อค้าต่างดาว ขอถามอารยธรรมท่าน มีสิ่งใดต้องการทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหรือไม่ พวกเรามีเทคโนโลยีอารยธรรมระดับสี่ระดับห้ารุ่นสูงสุด มีทรัพยากรหายากจำนวนมาก มีแผนที่พื้นฐาน ยีนส์สิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ซื้อได้ทุกอย่าง และขายได้ทุกอย่างครับ”
ไม่นาน พอยานบินของพ่อค้าอวกาศโผล่มาสู่สายตามนุษย์ อีกฝ่ายส่งข้อความแบบนี้มาก่อนเลย
ระยะห่างระหว่างยานคือหนึ่งล้านกิโลเมตร ถือเป็นระยะทางที่ค่อนข้างปลอดภัยในอวกาศ
อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายจะโจมตี ก็ยังพอสวนกลับได้ทัน
พอเห็นข้อความนี้ ทุกคนหันมามองหน้ากันไปมา
สถานการณ์แบบนี้นี่ไม่เคยจริงๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโพล่งตรงแบบนี้ ไม่มีคำพูดสวยหรูประมาณว่า เรามาอย่างสันติ พวกเรามาทำไม โพล่งมาตรงๆเลย เรามาเพื่อผลประโยชน์ คุณมีอะไรต้องการซื้อหรือขายไหม?
นี่มันเหมือนการคบค้าของหลากอารยธรรมตรงไหน นี่มันเหมือนเซลล์มาเร่ขายสินค้าให้ลูกค้าชัดๆ
คำพูดโท่งๆแบบนี้ ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เตรียมหาคำพูดมาเจรจามากมาย ตอนนี้เลยไม่ต้องใช้เลย
เปรียบเทียบอย่างง่ายให้ดู อีกฝ่ายเป็นเซลล์ขายของ มาขายสินค้า แต่พอคุณเปิดประตูก็บอกไปว่า มาเพื่อสันติ เพื่อชีวิต เราจะทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อโลก อีกฝ่ายคงคิดว่าคุณปัญญาอ่อนแน่
ความรู้สึกของมนุษย์ตอนนี้ก็ประมาณนี้แหละ
เริ่มแรกลู่เฉินคิดจะพูดตามที่พวกผู้เชี่ยวชาญเสนอมาเพื่อการเจรจากับอารยธรรมพ่อค้าต่างดาวเป็นครั้งแรกนี่
แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตรงแบบนี้ ดูท่าจะไม่ใช่แค่เคยเจรจากับอารยธรรมอื่นมาบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าถนัดมาก
คำพูดเดียวว่า เรามาเพื่อผลประโยชน์ คุณจะซื้ออะไร คุณจะขายอะไร ว่ามาอย่าพร่ำเพรื่อ
จากนั้นก็เป็นปัญหาของมนุษย์ละ ตกลงจะซื้ออะไร? จะขายอะไร?
ปัญหานี้ฝ่ายมนุษย์ถกเถียงกันมาหลายรอบในสิบกว่าวันนี้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์