สรุปเนื้อหา บทที่14 เริ่มค้นหา – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่14 เริ่มค้นหา ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
โรงเตี๊ยมยามเฉิน(07.00-08.59) ร่างบางบนเตียงบิดตัวอย่างเกียจคร้านเพราะยังงัวเงียจากการตื่นนอน
“สายแล้วนี่นา..”เย่วซินพึมพำแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ต้องตกใจเมื่อสายตาเหลือบเห็นคราบเลือดที่ติดอยู่กับผ้าปูเตียง “เฮ้ย..เลือดมาจากไหน” เย่วซินตกใจอุทานออกมาเสียงดังแล้วเอื้อมมือคลำไปที่หลังของตนเพราะรู้สึกว่ามันเปียกชื้นมือของนางเปื้อนเลือดติดมาเย่วซินสงสัยว่านางไปโดนอะไรมาถึงได้มีเลือดออกเช่นนี้แต่เมื่อนึกดูแล้วนางก็นอนอยู่บนเตียงตลอดตั้งแต่ทานข้าวกับท่านปู่เมื่อตอนเย็นคงจะเป็นรอยปริศนาที่เคยเกิดขึ้นอีกเป็นแน่
เย่วซินลุกขึ้นอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่โดยไม่ขอน้ำร้อนจากทางโรงเตี๊ยมเพราะนางชอบอาบน้ำเย็นมากกว่าและตอนนี้ไม่ใช่ฤดูอากาศจึงไม่ค่อยหนาวเท่าไร หลังอาบน้ำเสร็จเย่วซินลองใช้กระจกส่องดูด้านหลังของตนก็พบว่ามีบาดแผลเป็นแนวยาวอยู่ทั่วบริเวณ
“เฮ้ย..มันเยอะขนาดนี้เลยหรือวะ..” เย่วซินตกใจกับบาดแผลปริศนาที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่มันรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง นางจำได้ว่าเมื่อตอนเล็กๆจะมีเลือดออกตามนิ้วมือเหมือนรอยเข็มทิ่มอยู่เป็นประจำ หนักสุดก็ตอนที่มีรอยฟกช้ำตามตัวตอนอายุสามขวบ
ถึงแม้บาดแผลที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ตนเท่าใดนักแต่มันก็ไม่น่าที่จะเกิดขึ้นเองมันต้องมีอะไรบางอย่างที่นางยังไม่รู้เป็นแน่ เอ๊ะ..หรือว่านางจะโดนสาป เพราะตอนเกิดมามันก็ไม่เหมือนคนทั่วไปดันจำอดีตของตัวเองได้เสียอย่างนั้น เอ๊ะ..หรือว่าสวรรค์จะลงโทษนางกันแน่..เย่วซินได้แต่คิดในใจไปต่างๆนา นา คล้ายคนเสียสติ
เย่วซินหยิบตลับยาออกมาทาบาดแผลแต่ก็ไม่สามารถทามันได้ทั่วเพราะเอื้อมไม่ถึง จะไปให้ท่านปู่ทาให้ก็ไม่ได้ นางไม่ได้อายท่านปู่หรอกนะแต่กลัวท่านจะตกใจเสียมากกว่า นางจึงได้แต่ทายามายะถากรรมเพียงเท่านั้น
เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปหาท่านปู่ที่ห้องเพื่อจะได้ลงไปทานอาหารด้านล่างและจะได้เดินทางไปยังป่าทึบกันต่อ ...
ตอนนี้ทั้งสองอยู่บนรถม้ามุ่งหน้าไปยังป่าทึบที่ห่างออกไปหลายสิบลี้
“ท่านปู่จะเข้าไปเก็บสมุนไพรด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มากและมีสมุนไพรหายากหลายอย่างที่ท่านปู่ยังไม่มีครอบครอง
“ถ้าพอมีเวลาเหลือปู่ก็ว่าจะเข้าไปหาสมุนไพรเหมือนกัน” ฉุ่ยฉินเอ่ยตอบ เขาเองก็อยากตามหาสมุรไพรในป่าแห่งนี้เหมือนกันเพราะนานๆจะได้เดินทางมาสักครา
“ท่านปู่ก็เข้าไปหาสมุนไพรเถิดเจ้าค่ะ หลานจะหาหลุมฝังศพของท่านแม่เอง” เย่วซินเอ่ยบอกท่านปู่ และนางเองก็รู้ว่าท่านปู่มีวิชาพอตัวแถมท่านก็ดูไม่แก่ลงไปเลยแม้เวลาจะล่วงเลยมาสิบกว่าปีแล้วท่านยังดูเหมือนหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบต้นๆเพียงเท่านั้น
“เจ้ารู้หรือว่าปู่ฝังร่างมารดาเจ้าเอาไว้ที่ใด” ฮุ่ยฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัยและตัวเขาเองก็จำได้เพียงว่ามันอยู่ในเขตป่าทึบด้านในแล้วเวลาก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วป่าย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
“หลานจำได้แต่เพียงว่ามันเป็นต้นไม้ใหญ่ในป่าด้านในเพียงเท่านั้น” เย่วซินเอ่ยบอกท่านปู่ ในตอนนั้นนางจำได้เพราะต้นไม้ที่ฝังร่างท่านแม่มันสูงใหญ่ลำต้นหลายคนโอบเลยทีเดียว คราแรกที่นางบอกท่านปู่ว่าตนรู้เรื่องราวตั้งแต่เกิดท่านปู่ก็หัวเราะชอบใจและบอกว่าไม่แปลกใจเลยที่ตัวนางฉลาดและมีความคิดกว่าเด็กคนอื่นแต่นางไม่ได้บอกท่านว่ามีความทรงจำจากชาติที่แล้วมาด้วยหรอกนะขี้เกียจเล่าต่อหลังจากนั้นท่านคงต้องซักยืดยาวเป็นแน่
“อืม..ปู่ว่าป่านนี้ต้นไม้มันสูงใหญ่เหมือนกันหมดแล้ว”
“ท่านปู่ก็เข้าไปหาสมุนไพร ส่วนหลานก็จะหาหลุมฝังร่างท่านแม่แล้วเราค่อยออกมาเจอกันที่ชายป่าตรงที่รถม้าจอดรออยู่ดีหรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยเสนอความคิดเพื่อไม่ให้ท่านปู่ต้องมาเสียเที่ยว
“เจ้าอยู่คนเดียวได้หรือ..เป็นสตรีอยู่ในป่าเช่นนี้อันตรายนัก” ฮุ่ยฉินอดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสตรีไม่มีวิชาไว้ป้องกันตัว ถึงแม้ว่าตนจะทราบว่านางแสบแค่ไหนก็ตาม
“ท่านปู่ลืมไปแล้วหรือว่าทั้งตัวของหลานสาวผู้นี้เต็มไปด้วยพิษทั้งนั้นไม่เว้นแม้กระทั่งเลือดในกายฮ่าๆๆ..”
“ก็ได้ๆ ถ้าเจ้าหาหลุมฝังร่างมารดาไม่เจอก็ต้องออกมาก่อนตะวันตกดินนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาหากันใหม่เข้าใจหรือไม่” ฮุ่ยฉินเอ่ยกำชับหลานสาวตัวแสบ
“รับทราบเจ้าค่ะ ท่านปู่ก็ต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะหลานเป็นห่วงแล้วยาพิษที่หลานให้พกติดตัวเอาไว้ เมื่อถึงคราจำเป็นก็เอาออกมาใช้ด้วยนะเจ้าคะห้ามลืมเด็ดขาด” เย่วซินเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
“รู้แล้วน่า..เจ้าทำอย่างกับว่าปู่เป็นเพียงชายแก่ไร้ความสามารถไปได้ฮ่าๆๆ” ฮุ่ยฉินเอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง ตัวเขาเองฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่สมัยยังเยาว์และวิชาตัวเบาที่เคลื่อนไหวว่องไวกว่านางหลายเท่า แล้วมีอะไรต้องให้นางกังวลกัน
เย่วซินอดยิ้มกับท่าทีของท่านปู่ไม่ได้ก็ท่านช่างน่ารักเสียเหลือเกิน นางรักชายตรงหน้าเฉกเช่นบิดาแท้ๆเลยก็ว่าได้ก็ย่อมเป็นห่วงเป็นธรรมดาถึงแม้จะรู้ว่าท่านมีความสามารถมากก็ตาม
ทั้งสองเดินทางมาถีงชายป่าทึบกลางยามซื่อ(9.00-10.59) นางและท่านปู่เตรียมเสบียงกันมาพร้อมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะอดยามอยู่ในป่า ทั้งสองเดินเข้ามาในป่าลึกด้วยกันและแยกทางกันตอนที่นางเจอเป้าหมายแรก ตอนนี้นางกำลังใช้จอบขุดบริเวณต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งด้วยท่าทางะมัดทะแมงแรงเต็มร้อย จริงแล้วนางไม่มั่นใจหรอกว่าใช่ต้นนี้หรือไม่เพราะบริเวณป่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่หลายต้นและมันก็มีลักษณะคล้ายกันมาก เพราะฉะนั้นแล้วคงต้องเสี่ยงดวงกันเอา
กลางยามอู่(11.00-12.59) เย่วซินนั่งพักดื่มน้ำด้วยท่าทางหมดแรงเหงื่อไหลซึมจนเปียกอาภรณ์ที่สวมใส่ โชคดีที่นางสวมชุดของบุรุษสีน้ำเงินเข้มจึงมองไม่เป็นผิวเนื้อด้านใน ส่วนผมยาวๆนางก็รวบขึ้นแล้วเก็บปลายทรงดังโงะอย่างไม่พิถีพิถันมากนักแต่มันกลับทำให้ดูเป็นธรรมชาติน่ามองยิ่งขึ้น เย่วซินนั่งมองหลุมที่ตนขุดมากว่าหนึ่งชั่วยามและขุดมาสามต้นแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอวันนี้ดวงไม่ดีเลยจริงๆ
หลังทานอาหารเสร็จนางก็ลงมือขุดหาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อถึงแม้ว่ายามนี้จะรู้สึกเจ็บหลังขึ้นมาบ้างนิดหน่อยแล้ว นับว่าดวงไม่เข้าข้างนางของแท้เลยจริงๆที่ดันมาเกิดบาดแผลที่หลังในช่วงเวลานี้
ฝากหนึ่งของป่าทึบบุรุษสองคนใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนกายเข้ามายังป่าทึบ จริงแล้วพวกเขามากันทั้งหมดห้าคนแต่อีกสามคนล่วงหน้ามาก่อนตั้งแต่เช้ามืดแล้ว
“จิ้นฝานเราจะตามหาพวกเขาเจอหรือไม่ป่าทึบกว้างใหญ่เช่นนี้” หนิงหยางปิงวัยยี่สิบเอ่ยถามสหาย
“ใครใช้ให้เจ้าเตรียมเสบียงมาเสียมากมายเช่นนี้กันเล่า” จิ้นฝานเอ่ย เขาห้สหายเดินทางมาก่อนเพราะสมุนไพรที่เย่วฉีต้องการนั้นจะต้องเก็บก่อนทีตะวันจะขึ้น เพราะถ้าสมุนไพรชนิดนี้กระทบแสงแดดมันจะเหี่ยวเฉาไม่สามารถนำมาปรุงยาได้
“ข้าต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนกองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงหรือไม่” หยางปิงเอ่ยบอกสหาย จิ้นฝานไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกแล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าเข้าเขตป่าทึบชั้นในทันที
ป่าทึบชั้นใน “เย่วฉีเจ้าจะเก็บสมุนไพรให้หมดป่าเลยหรือ?” หนิงหยางหลงวัยยี่สิบห้าปีเอ่ยถามสหายที่เก็บสมุนไพรหลายชนิดตั้งแต่เช้า
“ข้าต้องเก็บให้ได้มากที่สุด ไหนๆก็เข้ามาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยวอย่างคราก่อน ตั้งแต่มากับท่านปู่ครานั้นข้าก็ไม่ได้มาอีกเลยแถมครานั้นสมุนไพรก็ไม่ได้เก็บสักต้น” เย่วฉีเอ่ยขึ้นแล้วนึกย้อนอดีตที่เขาพบเด็กน้อยน่ารักของตน
“แล้วทำไมถึงไม่เก็บล่ะหรือว่าไม่มี” หยางหลงเอ่ยถามต่อ
“วันนั้นข้าเก็บเด็กน้อยคนหนึ่งไปแทนอย่างไรเล่า นึกแล้วก็คิดถึงนางจริงๆไม่ได้เจอมานานป่านนี้คงโตมากขึ้น” เย่วฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อนึกถึงเด็กน้อยตัวแสบที่เขาเคยกอดเคยหอมแก้มอยู่ทุกวัน
“ใจเย็นก่อนพวกเราแค่เดินผ่านมาแล้วเห็นเจ้านั่งหลับอยู่จึงเดินเข้าดูเผื่อว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือว่าต้องการความช่วยเหลือก็เท่านั้น” จิ้นฝานเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้าให้เข้าใจ
“แล้วเจ้ามานั่งหลับทำไมในป่าทึบนี้มันอันตรายรู้หรือไม่” หยางปิงเอ่ย
“ข้าเหนื่อยเลยนั่งพักคงเผลอหลับไปไม่ได้เจ็บป่วยอะไร” เย่วซินเอ่ยแต่ยังไม่ไว้ใจชายสองคนเท่าใดนัก
“แล้วเจ้าขุดหาอะไรหรือ” จิ้นฝานเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นหลุมข้างๆนางที่เพิ่งถูกขุด
“ร่างมารดาข้าถูกฝังเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อสิบห้าปีก่อน ข้าจึงมาขุดเอาเพื่อกระดูกมารดาไปฝังไว้ใกล้ๆเรือน แต่ก็จำไม่ได้ว่าฝังไว้ตรงไหน” เย่วซินเอ่ยบอกตามความจริงเพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกพวกเขา
“ให้ข้าสองคนช่วยเจ้าดีหรือไม่จะได้พบโดยไว แต่ข้าช่างคุ้นหน้าเจ้ายิ่งนักเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง” จิ้นฝานเอ่ยอาสาเพราะเห็นใจคนตรงหน้าและก็ยังสงสัยว่าตนเองเคยพบเจอนางที่ไหน
เย่วซินที่ได้ยินบุรุษตรงหน้าเอ่ยก็พินิจมองอย่างถ้วนถี่มองอยู่เพียงชั่วครู่จึงนึกขึ้นมาได้ “อ้อ..ข้าจำได้แล้วเมื่อวานข้าเดินชนท่านที่ตลาด..”
“จริงด้วยข้านึกอยู่ตั้งนาน” จิ้นฝานเมื่อนึกขึ้นได้ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ คงเพราะนางแต่งกายคล้ายบุรุษและรวบผมขึ้นเขาจึงจำนางไม่ได้ “ตกลงให้ข้าช่วยขุดหรือไม่” จิ้นฝานเอ่ยถามต่อ
“ข้าเกรงใจพวกท่านสองคนเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อบุรุษตรงหน้าไม่มีทีท่าคุกคามแต่มีน้ำใจช่วยเหลือและจึงเก็บยาพิษในมือเอาไว้ที่เดิม
“ไม่เป็นไรหรอกให้พวกข้าช่วยเถิด” หยางปิงเอ่ยเขารู้สึกสงสารนางอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามเบื้องลึกลงไปมากกว่านี้กลัวว่าจะไปกระทบจิตใจของนางที่สูญเสียมารดาไปจึงได้เอ่ยอาสาช่วยเหลือนางเพียงเท่านั้น
“ขอบคุณมากเจ้าคะ แต่..ตัวข้าคงขุดต่อไม่ไหวแล้ว” เย่วซินเอ่ยจริงอย่างที่เอ่ยไม่ได้มีมารยาเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรเจ้าแค่บอกว่าตรงไหนก็พอ” จิ้นฝานเอ่ยพร้อมหยิบจอบขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็ลงมือขุดดินกันอย่างคล่องแคล่วว่องไวด้วยร่างกายที่ฝึกวรยุทธ์มานานและมีสตรีร่างบางคอยชี้นิ้วสั่งส่วนมากจะเป็นบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ว่าแถวนี้มันก็มีแต่ต้นไม้ใหญ่และมองดูมันก็คล้ายกันไปหมด
“พอก่อนเถอะเจ้าค่ะเย็นมากแล้ว” เย่วซินตะโกนบอกคนทั้งสองเพราะพวกเขาขุดกันมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้วและยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย
“ต้นไม้แถวนี้คล้ายกันหมดเจ้าคงต้องขุดไปเรื่อยๆเลยกระมัง” หยางปิงเอ่ยหลังจากหยุดมือแล้วเดินมาหาร่างบางที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ที่เดิม
“ข้าไม่รีบหรอกเจ้าค่ะวันหน้าค่อยมาขุดใหม่” เย่วซินเอ่ยพร้อมขยับตัวลุกขึ้นยืนแต่มันปวดระบมเสียจริงนางคงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเพราะอยู่แต่ในจวนนั่งปรุงยาเสียส่วนใหญ่
“เจ้า!!..” หยางปิงหน้าตื่นชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่มีคราบเลือดติดอยู่มากมายไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...