คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 17

สรุปบท บทที่17 ความแค้นของคุณชายซู: คู่แฝดคู่ป่วน

บทที่17 ความแค้นของคุณชายซู – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน

ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่17 ความแค้นของคุณชายซู จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เย่วซินหันหน้ามองเมื่อรับรู้ถึงมือที่สัมผัสแผ่นหลัง “เจ้าร้องไห้หรือ? ร้องทำไมกัน” เย่วซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

จิวอิงไม่ตอบแต่หันหลังปลดสายคาดเอวแล้วแหวกสาบเสื้อลงเผยให้เห็นบาดแผลของตัวเองให้หญิงตรงหน้าได้มอง “บาดแผลบนหลังของข้าถูกคนใจร้ายเฆี่ยนตีเมื่อสองวันก่อน” จิวอิงเอ่ยบอกที่มาของแผลบนหลัง

“เรื่องจริงหรือนี่ข้ากับเจ้าไม่เพียงหน้าตาเหมือนกันแต่ยังมีความเชื่อมโยงกันที่แปลกประหลาดเช่นนี้” เย่วซินเอ่ยขึ้นอย่างตกใจถึงแม้จะทำใจอยู่บ้างแล้วก็ตามตาเรื่องเช่นนี้มันประหลาดเกินรับไหวแต่ก็ต้องลองถามความเป็นไป “หรือว่าข้ากับเจ้าเป็นฝาแฝดกัน” เย่วซินเอ่ยต่ออย่างไม่แน่ใจนักก็นางจำความได้ตั้งแต่เกิดและแน่ใจว่าท่านปู่ผ่าคลอดนางออกมาคนเดียวจึงไม่เคยคิดว่าจะมีฝาแฝดโผล่ออกมาเช่นนี้

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” จิวอิงเอ่ยตอบ

“ดีจริงๆเอาล่ะๆเดี๋ยวค่อยคุยกันต่อข้าจะทำแผลให้เจ้าก่อนดูสิเลือดยังไหลซึมอยู่เลย” เย่วซินเอ่ยพลางหยิบผ้าสะอาดและน้ำมาชุบหมาดแล้วเช็ดบาดแผลบริเวณหลังและแขนตามด้วยทายาสูตรพิเศษของท่านปู่ที่สมานแผลได้อย่างดีไม่ทิ้งรอยแผลเป็น

เย่วซินหยิบน้ำและอาหารแห้งที่พอมีไว้ในแหวนมิติและก่อนออกมานางยังให้เสี่ยวเอ้อร์เตรียมหมั่นโถวเอาไว้ให้สี่ห้าลูกเอาออกมาให้หญิงสาวตรงหน้าและตัวเองกินเพื่อประทังความหิวและจะได้มีแรงปีนกลับขึ้นไปด้านบน “คุยมาตั้งนานข้าลืมถามชื่อเลยข้าชื่อเย่วซินเจ้าชื่ออะไรหรือ?” เย่วซินเอ่ยถามขณะนั่งกินอาหารด้วยกัน

“ข้าชื่อจิวอิงแล้วข้ากับเจ้าใครเกิดก่อนกันนะ” จิวอิงเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เจ้าน่าจะเกิดก่อนเพราะตอนที่ข้าเกิดมีเพียงข้าคนเดียวและท่านแม่ก็สิ้นใจตายไปแล้ว” เย่วซินเอ่ยพลางนึกย้อนอดีตของตน ท่านปุ่ผ่าท้องท่านแม่นำนางออกมาก็มีเพียงคนเดียว แสดงว่าท่านแม่น่าจะคลอดจิวอิงออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว

“ท่านแม่ตายแล้วเช่นนั้นหรือ?..” จิวอิงตกใจกับคำบอกกล่าวนั้น เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพี่เสี่ยวชิงและเธอยังคงคิดเสมอว่าท่านแม่อยู่ที่ไหนสักแห่งเพียงแต่ยังหากันไม่พบแค่นั้น

“ใช่แล้วข้าเป็นคนทำให้ท่านแม่ต้องตาย ข้าคิดมาตลอดว่าท่านแม่คลอดข้าออกมาไม่ได้และทนความเจ็บปวดไม่ไหวเลยสิ้นใจไป” เย่วซินเข้าใจแบบนี้มาตลอดและคิดถึงทีไรก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาทุกทีเพราะภาพความทรงจำยังเด่นชัดอยู่ในหัวไม่อาจลืมเลือนไปได้

“พี่เสี่ยวชิงเป็นสาวใช้ของท่านแม่เล่าว่าวันที่ท่านคลอดข้าเกิดมีโจรบุกเข้าปล้นและตามไล่ฆ่าจึงต้องหนีตายเข้าไปในป่าทึบ แต่ท่านแม่เพิ่งเสียเลือดมากจากการคลอดข้าเลยหมดแรงเดินต่อไปไม่ไหว จึงให้พี่เสี่ยวชิงพาข้าหนีล่วงหน้าไปก่อนส่วนท่านแม่จะหาที่หลบภัยอยู่แถวๆนั้น ตั้งแต่นั้นมาข้าและพี่เสี่ยวชิงก็ไม่ทราบว่าท่านแม่อยู่ที่ใดแต่ก็แอบหวังว่าท่านยังคงมีชีวิตอยู่” จิวอิงเอ่ยเล่าออกมาทั้งน้ำตาเมื่อทราบว่าท่านแม่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

“เป็นเช่นนี้นี่เองแล้วท่านแม่มีนามว่าอะไรหรือ?” เย่วซินเอ่ยถามเพราะเป็นสิ่งที่นางอยากรู้เป็นที่สุด

“ท่านแม่มีนามว่าเหม่ยอิง..”

“เหม่ยอิง..ช่างไพเราะยิ่งนัก” เย่วซินเอ่ยชื่อของมารดาเป็นครั้งแรกพลางยิ้มส่งไปให้หญิงสาวตรงหน้า

“เรียกข้าว่าพี่จิวอิง ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า” จิวอิงเอ่ยบอกน้องสาว

“แต่..โบราณว่าไว้คนที่เกิดก่อนคือน้องนะ เพราะพี่จะเสียสละให้น้องออกมาดูโลกก่อนตัวเอง” เย่วซินไม่อยากเป็นน้องสาวจึงเอ่ยไปตามตรรกะของตัวเองให้จิวอิงได้รับรู้ และอีกอย่างถ้านับรวมๆกันแล้วนางก็อายุอานามไม่น้อยแล้วนะมันกระดากปากพิกลนัก

“อย่างอแงสิ..ข้าเกิดก่อนเจ้าอย่างไรก็ถือว่าเป็นพี่สาว” จิวอิงเอ่ยบอกน้องสาวอย่างเอ็นดูและวิญญาณพี่สาวเข้าสิงร่างทันทีหัวใจดวงน้อยที่เคยท้อแท้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด

หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอยู่ในหลุมอยู่หลายชั่วยาม เล่าถึงเรื่องราวหลายปีที่ผ่านมาของกันและกันอย่างไม่มีปิดบังเพราะสายใยบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกันทำให้ไว้ใจกันและเชื่อใจกันราวกับว่ารู้จักกันมานานหลายปีจนเวลาล่วงเลยมายามเซิน(15.00-16.59)

“เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะเจ้าปีนขึ้นไปไหวหรือไม่” เย่วซินเอ่ยถามจิวอิงนางยังไม่ยอมเรียกนางว่าพี่สาวมันยังกระดากปากอยู่เอาไว้ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน

“อืม..คิดว่าไหวนะ” จิวอิงเอ่ยตอบเพราะตอนนี้ก็เริ่มมีแรงขึ้นมามากแล้วและบาดแผลก็เบาเจ็บแล้วด้วยคงเป็นเพราะยาสูตนพิเศษของน้องสาว

“แต่เดี๋ยวก่อนเจ้าเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ของข้าก่อน” เย่วซินเอ่ยพร้อมหยิบอาภรณ์ชุดใหม่สสีฟ้าสดใสออกมาจากแหวนจัดเก็บส่งให้จิวอิงเพราะอาภรณ์ของนางเปรอะเปื้อนเลือดเต็มไปหมดประเดี๋ยวผู้คนจะตกใจได้

“ขอบใจเจ้ามาก” จิวอิงรับชุดแล้วรีบผลัดเปลี่ยนอย่างไม่อิดออดเพราะในหลุมมันมีที่หลบมุมมืดอยู่เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็เดิมออกมา

“มานี่ก่อนข้าจะแปลงโฉมให้เจ้าใหม่รับรองว่าจะไม่มีใครจำเจ้าได้แน่นอน” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับจูงมือจิวอิงมายังที่แสงสว่างสาดส่องแล้วหยิบอุปกรณ์แปลงโฉมง่ายๆออกมาจากแหวนจัดเก็บ ความคิดนี้มันพึ่งแล่นเข้ามาในหัวของนางหมาดๆเลย

“เจ้าจะทำอะไรหรือ?” จิวอิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ผงถ่านนี้ข้าจะทาหน้าให้เจ้าอย่างไรเล่าถ้าเกิดใครเห็นหน้าเจ้าตอนนี้แล้วยังเหมือนหน้าของข้าอีกคงวุ่นวายน่าดู และอีกอย่างคนตระกูลเห็นเข้าคงไม่ดีแน่นอน” เย่วซินเอ่ยพร้อมหยิบพู่กันจุ่มผงถ่านแล้วปัดป่ายลงบนผิวหน้าของจิวอิงจนทั่วบริเวณทำให้ใบหน้าตอนนี้มีสีเข้มขึ้นแต่ไม่ถึงกับหน้าเกลียดแล้วผสมน้ำถ่านแต้มไฝใต้หางตาขวาเพิ่มความเซ็กซี่ ส่วนผมเย่วซินแบ่งผมด้านหน้าลงมาไม่หนาไม่บางแล้วตัดออกคลุมคิ้วลงมาเล็กน้อยเป็นหน้าม้า ฮี้ ฮี้

“เสร็จเรียบร้อยแค่นี้ก็ไม่มีใครจำเจ้าได้แล้วฮ่าๆๆ” เย่วซินเอ่ยอย่างชอบอกชอบใจในฝีมือการแปลงโฉมของตนเอง พร้อมกับส่งกระจกบานเล็กให้จิวอิงได้ยลโฉมตัวเอง

เย่วซินถึงกับอึ้งในสภาพตัวเองจะว่าดีก็ดี จะว่า..ตามนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองอย่างที่น้องสาวบอกจะว่าไปมันก็แปลกใหม่ดีเหมือนกันจึงเอ่ยบอกน้องสาวไป “ข้าเกือบจำตัวเองไม่ได้”

“ทีนี่เราก็กลับโรงเตี๊ยมกันเถอะท่านปู่คงเป็นห่วงแย่แล้ว” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับปีนนำหน้าขึ้นมาจากหลุมอย่างทุลักทุเลผิดกับตอนลงมา ลงอย่างนางฟ้ากลับขึ้นมาเหมือนหมาก็ไม่ปาน มันไม่ง่ายเลยจริงๆ..

“ฮ่าๆๆข้าเพิ่งเคยทำอะไรสนุกๆแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย” เย่วซินเอ่ยบอก

“ข้าก็เช่นกันฮ่าๆๆ” จิวอิงเอ่ยอย่างชอบใจเมื่อขึ้นมาจากหลุมได้ก็นอนแผ่หลาอย่างหมดแรง

“เรารีบไปกันเถิด” เย่วซินเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนหลังจากหายเหนื่อย แล้วจูงมือจิวอิงเดินกลับเข้าเมืองด้วยกันสองคนเย่วซินใช้ผ้าคาดหน้าบิดบังใบหน้าส่วนล่างเอาไว้กันคนของเรือนใหญ่ตระกูลซูมาพบเข้านางยังไม่อยากให้ผู้ใดรู้เห็น ทั้งสองกลับเข้ามายังโรงเตี๊ยมประมาณยามอิ่วแล้ว(17.00-18.59) นางจัดการเปิดห้องพักให้จิวอิงหนึ่งห้องและให้จิวอิงขึ้นไปพักด้านบนก่อน ส่วนตัวเย่วซินเองจะไปพบท่านปู่ที่ห้อง

“ก๊อกๆๆ ท่านปู่อยู่หรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินถามคนด้านใน

“เข้ามาเลยปู่ไม่ได้ลงกลอน” ฮุ่ยฉินเอ่ยเมื่อทราบว่าผู้ใดเป็นผู้เคาะเรียก

“ท่านปู่..” เย่วซินเดินเข้าไปสวมกอดพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาอย่างออดอ้อน “หลานคิดถึงท่านปู่เจ้าค่ะ”

ทั้งสามนั่งกินอาหารและคุยกันอิ่มและได้แยกย้ายกันพักผ่อน ส่วนเย่วซินนั้นเข้าไปหาจิวอิงที่ห้องเพื่อวางแผนบางอย่างที่พุดคุยกันเอาไว้

“เราพาพี่เสี่ยวชิงออกมาจากที่นั่นเลยได้หรือไม่” จิวอิงเอ่ยหลังพูดคุยปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรนับจากนี้

“ไอ้คุณชายนั่นมันคงให้คนตามจับตาดุอยู่พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้มันไม่ปลอดภัย” เย่วซินเอ่ย จากที่ได้ฟังจิวอิงเล่าคนของมันมีฝีมือไม่น้อยนางจึงต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกันดีที่สุด “เราหาทางส่งข่าวบอกพี่เสี่ยวชิงและให้นางลอบหนีออกมาจากที่นั่นเอง ตอนนี้เราต้องห้ามให้พวกมันรู้ว่าเราอยู่ที่ไหนไม่อย่างนั้นเราไม่รอดแน่” เย่วซินเอ่ยนี่นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างอยู่บ้างที่จิวอิงหนีรอดมาได้ไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลย

“เอาแบบนั้นก็ได้” จิวอิงเอ่ยแผนของน้องสาวนับว่าไม่เลวนางไม่อยากให้พี่เสี่ยวชิงต้องมาลำบากเพราะนางอีกแล้วเช่นกันและยามนี้ชีวิตของนางเองก็ยังไม่ปลอดภัยพลอยจะทำให้พี่เสี่ยวชิงต้องมาลำบากเข้าไปอีก

“เช่นนั้นรีบเขียนซะข้าจะได้จ้างให้เสี่ยวเอ้อร์ไปส่งให้” เย่วซินเอ่ยบอก

จิวอิงรีบเขียนจดหมายเนื้อความว่า นางปลอดภัยดีถูกคนเรือนใหญ่ทำร้ายจึงต้องซ่อนตัวให้พี่เสี่ยวชิงหลบหนีออกมาให้เร็วที่สุดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ต้องห่วงนาง เมื่อเขียนจบก็นำไปฝากให้เสี่ยวเอ้อร์และไม่ลืมกำชับว่าห้ามให้ผู้ใดรู้เห็นเป็นอันขาด จิวอิงบอกทางลับด้านหลังที่พี่เสี่ยวชิงใช้เข้าออกประจำและอยู่ใกล้เรือนท้ายจวนมากที่สุดแก่เสี่ยวเอ้อร์ ส่วนเย่วซินมอบเงินให้อีกห้าตำลึงเพื่อภารกิจในครั้งนี้ของเสี่ยวเอ้อร์ จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นห้องพักโดยที่พวกนางนอนห้องเดียวกันเพราะมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกันและช่วยกันทายาให้กันอีกด้วย

จวนตระกูลซูบนเรือนใหญ่กลางยามซวี(19.00-20.59)

“มันหนีไปได้หรือพี่ใหญ่” ซูเจียวเหมยเอ่ยถามพี่ชายเสียงดัง

“นางนี่มันแสบนักถ้าข้าเจอมันอีกครั้งรับรองในไม่รอดแน่” ซูหมิงลู่เอ่ยด้วยความคับแค้นใจ

“ศีรษะของท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ็บมากหรือไม่” ซูเจียวเหมยเอ่ยถามพี่ชายอย่างห่วง

“เจ็บสิพี่ถึงต้องแก้แค้นให้ได้ไม่เช่นนั้นคงอกแตกตายเป็นแน่ แต่ให้หลิ่งอี้ไปสืบความมาแล้วพบว่ามันยังไม่กลับเรือน” ซูหมิงลู่เอ่ย

“มันคงจะกลับมาให้พี่ใหญ่จับอีกรอบหรอกป่านนี้มันคงหนีไปไกลเจ้ากระมัง”

“ฮึ่ย..มันน่าเจ็บใจนัก หลิ่งอี้..”

“ขอรับคุณชาย” หลิ่งอี้เปิดประตูเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้านายเรียก

“คืนนี้เผาเรือนท้ายจวนให้วอดอย่าให้หลงเหลือแม้แต่น้อย ถ้ามีคนอยู่ก็ปล่อยให้มันโดนไฟคอกตายไปซะ..” ซูหมิงลู่เอ่ยสั่งอย่างแค้นเคือง

“รับทราบขอรับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน