คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 16

สรุปบท บทที่16 โชคชะตาพานพบ: คู่แฝดคู่ป่วน

อ่านสรุป บทที่16 โชคชะตาพานพบ จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน

บทที่ บทที่16 โชคชะตาพานพบ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

จิวอิงขัดขืนดิ้นรนแต่ด้วยแรงหญิงหรือจะสู้แรงชายร่างกายกำยำตรงหน้าได้ จิวอิงสอดส่ายสายตามองหาตัวช่วยเผื่อว่าจะคว้าอะไรมาป้องกันตัวเองได้ พลันเมื่อเห็นอ่างน้ำกระเบื้องวางข้างหัวเตียงจึงพยายามดิ้นไปมาให้แขนของนางเอื้อมหยิบอาวุธด้านข้างได้

“ผลั่ก..เคร้ง..” เสียงของแข็งกระทบศีรษะของคนร่างสูงดังลั่นเพราะนางฟาดสุดแรงที่มีอยู่ตอนนี้

“โอ๊ย..”

จิวอิงผลักบุรุษตรงหน้าให้ล้มลงแล้วรีบวิ่งออกไปยังประตู แต่เมื่อเปิดประตูก็พบกับบุรุษอีกคนหนึ่งที่ยืนขวางทางเอาไว้

“คุณชายเป็นอะไรมากหรือไม่ขอรับ” หลิ่งอี้ตะโกนถามคนที่อยู่ภายในห้องด้วยความเป็นห่วง ส่วนตัวเองก็ยืนบังประตูเอาไว้ไม่ให้ร่างบางได้หลบหนี

“จับนางสาระเลวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!” ซูหมิงลู่เค้นเสียงตอบมือกุมศีรษะของตนเองเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาเปรอะเปื้อนมือ

จิวอิงใช้มือสองข้างผลักบุรุษตรงหน้าออกไปเพื่อจะได้หลบหนี แต่บุรุษผู้นี้กลับรวบตัวของนางเอาไว้ได้สำเร็จ นางทั้งดิ้นและใช้มือข่วนไปตามร่างกายและใบหน้าของมันเต็มแรง

“โอ๊ย..” หลิ่งอี้ร้องออกมาเมื่อโดนเล็บมือข่วนเข้าที่ใบหน้าจนแสบแต่มันก็ยังไม่ละมือ ทั้งโอบรั้งและลากร่างบางเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง

“ฤทธิ์เยอะนักนะนางตัวดี!!..” ซูหมิงลู่เดินเข้ามาใกล้ร่างบางแล้วชกเข้าที่หน้าท้องอย่างเต็มแรงโดยมีหลิ่งอี้คอยจับเอาไว้

“อึก..” จิวอิงเจ็บจุกจนตัวงอพูดไม่ออก พลางคิดในใจว่าวันนี้นางขอสู้ตายจะไม่ยอมให้ชายชั่วมารังแกย่ำยีเด็ดขาดถ้านางยังมีลมหายใจอยู่ ช่วงจังหวะที่พวกมันเผลอจิวอิงจึงคว้ากระบี่ที่เหน็บข้างเอวชายที่จับตัวนางเอาไว้มาได้สำเร็จ พร้อมสะบัดตัวออกจากการกอบกุมตอนที่พวกมันตกใจ

“ถอยออกไปไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” จิวอิงชี้กระบี่ไปทางบุรุษทั้งสองคนพลางก้าวถอยหลังช้าๆ นางไม่เคยทำร้ายใครเลยสักครั้ง การฝึกกระบี่ตั้งแต่เล็กจนโตก็เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเอง ยามนี้สิ่งที่ฝึกฝนพากเพียรมานั้นไม่สูญเปล่านับว่าโชคดีไม่น้อย ต้องขอบคุณพี่หยางหลงของนางจริงๆถ้ามีโอกาสได้พบเจอนางคงต้องตอบแทนเขา

หลิ่งอี้ปลดปอกกระบี่ออกมาเพื่อเข้าสู้หญิงสาวตรงหน้า เพราะคิดว่าสตรีคงไม่มีฝีมืออะไรคงแค่แกว่งดาบไปมั่วซั่วเพื่อเอาไว้ข่มขู่เพียงเท่านั้น มันจึงฟาดปลอกกระบี่ลงไปหวังให้กระบี่ในมือหญิงสาวร่วงหล่นลงพื้น

“เคร้ง..” จิวอิงเมื่อเห็นชายตรงหน้าเงื้อมือฟาดปลอกกระบี่ลงมาจึงใช้กระบี่ในมือสวนกลับไปจนปลอกกระบี่ขาดสองท่อนร่วงหล่นลงพื้นทันที

“อย่าตามข้ามา..” จิวอิงยังไม่คิดทำร้ายคนตรงหน้าเพราะนางอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้ถึงแม้ว่านางจะมีกระบี่อยู่ในมือก็ตาม นางก้าวถอยหลังช้าๆจนถึงหน้าประตู แล้วหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังหันมาระวังด้านหลังอยู่เป็นระยะ

“จับมันมาให้ข้าอย่าให้มันหนีไปได้วันนี้ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ!..” ซูหมิงลู่เอ่ยอย่างเดือดดาลสั่งลูกน้องคนสนิท

หลิ่งอี้รีบวิ่งไปหยิบกระบี่อีกห้องหนึ่งที่ตนเก็บเอาไว้แล้วรีบวิ่งไล่ตามสตรีผู้นั้นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยวรยุทธ์ที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญจึงทำให้การเคลื่อนไหวรวดเร็ว สตรีนางนั้นวิ่งออกจากบ้านพักไปไม่เท่าไรมันก็สามารถตามมาทันและรีบยกระโดดเข้าขวางหน้าเอาไว้

“หนีข้าไม่พ้นหรอกยอมให้ข้าจับเสียโดยดีเถอะ” หลิ่งอี้เอ่ยบอกตนไม่อยากทำร้ายสตรีถ้านางยอมแต่โดยดีก็จะไม่มีผู้ใดต้องเจ็บตัว

“ข้ายอมตายที่นี่ดีกว่ายอมกลับไปกับเจ้า” จิวอิงเอ่ยบอกเสียงดังตามองซ้ายขวาเพื่อหาคนช่วย แต่แถวนี้ห่างไกลผู้คนบ้านเรือนสักหลังยังไม่มีและนางก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้อยู่ส่วนใดของเมืองเพราะตนเองไม่เคยออกนอกจวนเลยด้วยซ้ำ

“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆหรอกสาวน้อย” หลิ่งอี้เอ่ยจบก็พุ่งตัวเข้าหาร่างบางทันที

จิวอิงรับมือกับชายตรงหน้าด้วยเพลงกระบี่ที่ฝึกฝนมานานนับสิบปีอย่างคล่องแคล่วว่องไวเน้นรับและหลบหลีก เพราะนางรู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายตรงหน้าที่แข็งแกร่งและดุดันด้วยฝึกพลังปราณ นางกึ่งสู้กึ่งวิ่งหนีเผื่อว่าหนทางด้านหน้าจะมีบ้านคนให้ตนได้ขอความช่วยเหลือได้ แต่ก็ดูเหมือนจะเงียบสนิทเรี่ยวแรงของนางตอนนี้มันก็เริ่มอ่อนล้าลงเรื่อยๆด้วยร่างกายที่มีบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตีอยู่ก่อนหน้า จึงทำให้พลาดพลั้งโดนกระบี่ของคู่ต่อสู้ฟันลงมาที่แขนจนเลือดไหล โชคดีไม่ลึกมากแต่นั่นก็มากพอให้นางล้มลงกับพื้น

“ฮ่าๆ..หมดแรงหนีแล้วหรือ..” หลิ่งอี้เอ่ยอย่างชอบอกชอบใจมันยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่เลยด้วยซ้ำ

“ปล่อยข้าไปเถิดเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนข้าขอร้องล่ะ” จิวอิงที่คิดว่าตอนนี้ให้หนีอย่างไรก็ไม่พ้นจึงเอ่ยวาจาอ้อนวอนเผื่อจะได้ผล

“ข้าก็อยากปล่อยเจ้าไปแต่เจ้านานของข้าคงไม่ยอมเป็นแน่ แล้วอีกอย่างเจ้าก็ยังงดงามเกินหน้าเกินตาน้องสาวสุดที่รักของคุณชายอีกนับว่าเป็นโชคร้ายของเจ้ายิ่งนัก” หลิ่งอี้เอ่ยอย่างเห็นใจ

“ใครกัน..ข้างามเกินหน้าผู้ใด” จิวอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“วันนี้คุณชายคงไม่ปล่อยเจ้าให้มีชีวิตรอดเป็นแน่ ข้าจะบอกเจ้าเอาบุญก็ได้ก็คุณหนูซูเจียวเหมยบุตรสาวท่านแม่ทัพอุดรอย่างไรเล่า”

จิวอิงได้ยินเสียงตะโกนโวยวายจึงรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมาแต่ก็รู้สึกปวดเมื่อยและเจ็บตัวไปหมด จิวอิงฝืนร่างกายพยายามพยุงตัวขึ้นลุกนั่งด้วยท่าทีมึนงงสับสนไปหมด

“เฮ้..ยังไม่ตายนี่รอข้าสักครู่นะ” เย่วซินมองซ้ายมองขวาหาที่ผูกเชือกเมื่อเห็นต้นไม่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่พอสำหรับยึดเหนี่ยวจึงหยิบเชือกออกมาจากแหวนจัดเก็บโชคดีที่นางเตรียมอุปกรณ์สำหรับเข้าป่ามาพร้อมแล้วผูกเชือกไว้กับต้นไม้ส่วนที่เหลือก็มัดเป็นปมหลายๆปมแล้วหย่อนเชือกลงไปในหลุมทันที

“เจ้าพอมีแรงปีนเชือกขึ้นมาหรือไม่” เย่วซินตะโกนถามคนที่อยู่ด้านล่าง

จิวอิงในยามนี้ไม่มีแม้แรงจะลุกยืนด้วยซ้ำแล้วจะเอาแรงที่ไหนมาโหนเชือกขึ้นไปด้านบนได้กัน ดูจากคนที่อยุ่ด้านบนแล้วเห็นเพียงแค่ไกลๆเท่านั้นไม่ต้องบอกว่าข้างล่างนี้มันลึกเพียงใด

เย่วซินเห็นว่าคนด้านล่างเงียบจึงคิดว่าคงไม่มีแรงปีนขึ้นมาเองได้แน่หรือไม่ก็อาจได้รับบาดเจ็บ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจปีนลงไปยังเบื้องล่างแทนเผื่อว่าจะช่วยเหลืออาการบาดเจ็บได้บ้าง เมื่อลงสู่พื้นดินด้านล่างได้สำเร็จจึงรีบมองมาทางคนเจ็บที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยท่าทางอิดโรย แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเห็นผีด้วยแสงสว่างที่สาดส่องลงมาพอดิบพอดีกับสตรีตรงหน้าจึงทำให้เห็นใบหน้านั้นชัดเจน

“จะ..เจ้าเหตุใดจึงมีใบหน้าเหมือนข้านัก” เย่วซินเอ่ยเสียงตะกุกตะกักด้วยความตกใจปนตื่นเต้นคิดว่าโดนผีหลอกเข้าแล้ว

จิวอิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพินิจมองสตรีตรงหน้าแม้แสงสว่างที่ส่องเข้ามาจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่เมื่อยามอยู่ใกล้กันแค่นี้ก็พอจะมองออกว่านางมีหน้าตาเป็นเช่นไร “จริงด้วย..” จิวอิงตะลึงตาค้างอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ แต่ก็อยากพิสูจน์ว่าเป็นความจริงจึงเอื้อมมือไปจับสตรีตรงหน้าว่านางเป็นคนจริงๆไม่ใช่เป็นภาพหลอน

เย่วซินเองก็เอื้อมมือมาสัมผัสหญิงสาวตรงหน้าเช่นเดียวกันเพื่อยืนยันว่านางมีตัวตนจริงๆไม่ใช่ภาพลวงตา เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกันต่างก็สะดุ้งและชักมือกลับทันทีด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด เย่วซินเห็นคราบเลือดที่แขนของหญิงตรงหน้าจึงยื่นมือไปคว้ามาดูเพราะยังมีเลือดใหลซึมออกมาเปียกอาภรณ์ของนางอยู่ เมื่อถกแขนเสื้อขึ้นก็พบบาดแผลคล้ายถูกมีดฟันเป็นทางยาวแต่ไม่ลึกมากถึงขั้นต้องเย็บ เอ..แต่บาดนี้มันช่างคล้าย..ใช่แล้วมันช่างคล้ายกับแผลของตนยิ่งนัก

“แผลของเจ้า..” เย่วซินเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ถกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นให้หญิงตรงหน้าดู “ข้าก็มีเช่นกัน”

จิวอิงเมื่อมองบาดแผลที่แขนของตัวเองและของสตรีตรงหน้าพบว่ามันเหมือนกันและมีตำแหน่งเดียวกันก็พลันให้นึกสงสัย “จริงด้วยแล้วเจ้าไปโดนอะไรมาหรือถึงได้มีบาดแผลเหมือนกับข้าเช่นนี้”

เย่วซินเมื่อได้ยินและได้เห็นก็ถึงบางอ้อโดยทันทีว่าบาดแผลทั้งหมดของตัวเองมันมาได้อย่างไรแต่ก็ต้องตอบนางไปตามความจริง “ข้าตื่นมาตอนเช้าก็พบว่ามันเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่แค่ที่แขนนะเมื่อสองวันก่อนที่หลังของข้ายังมีบาดแผลเหมือนโดนหวายลงหลังมาอย่างไรอย่างนั้นเลย ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูสิ แต่บาดแผลพวกนี้ข้าไม่เจ็บหรอกนะ” เย่วซินเอยพร้อมกับเปิดเสื้อให้เห็นด้านหลังของตัวเองที่ยังมีรอยอยู่เต็มไปหมด

จิวอิงเมื่อเห็นแผ่นหลังของสตรีตรงหน้าที่มีรอยเหมือนกับตัวเองที่โดนคนบนเรือนใหญ่เฆี่ยนตีเมื่อสองวันก่อนก็พลันน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังสัมผัสบาดแผลอย่างเบามือ พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองและสตรีผู้นี้คงมีความเชื่อมโยงบางอย่างถึงกันที่ไม่ใช่เพียงหน้าตาเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน